Home > Education > Schools > เผยหลักสูตรต้นตำรับ เรียนรู้อาหารอิตาเลียนที่แท้จริง! อีกระดับของ โรงเรียนสอนทำอาหาร กับการร่วมมือของ ALMA และ The Food School Bangkok

เรียกได้ว่า วงการอาหารของไทยในหลายปีที่ผ่านมานั้น ได้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งความเปิดกว้าง และฝีมือที่ล้ำหน้าของบุคลากรในประเทศเรา ที่ถูกอบรม บ่มเพาะมา จากโรงเรียนสอนทำอาหาคุณภาพชั้นยอดมากมาย ซึ่งในวันนี้ วงการสถาบันการสอนทำอาหารของประเทศไทย จะถูกยกระดับไปอีกขั้น ด้วยการร่วมมือกันของ 2 สถาบันสอนทำอาหารแนวหน้า ระหว่าง ALMA The School of Italian Culinary Arts โรงเรียนสอนทำอาหารอิตาเลียนชั้นนำ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และคลื่นลูกใหม่อย่าง โรงเรียนสอนทำอาหาร The Food School Bangkok เป็นที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อมาสร้างประสบการณ์เหนือชั้น และมอบความรู้พร้อมเทคนิกที่หลากหลาย และทันสมัยให้กับผู้ที่มีใจรัก และผู้ที่มีความหลงใหลในอาหารอิตาเลียนอย่างแท้จริง

The Food School Bangkok และ ALMA

ALMA The School of Italian Culinary Arts Ducale Palace of Colorno

ALMA The School of Italian Culinary Arts โรงเรียนสอนทำอาหาร อิตาเลียนระดับแนวหน้าของโลก  ได้พัฒนาเชฟมืออาชีพ ที่เชี่ยวชาญทางด้านอาหาร และขนมอิตาเลียนโดยเฉพาะ การันตีความสำเร็จจากการสร้างเชฟมืออาชีพมากกว่า 1000 คนต่อปี ซึ่งในวันนี้ ALMA ได้ตัดสินใจ ร่วมมือกับ The Food School Bangkok โรงเรียนสอนทำอาหารระดับมืออาชีพของไทยด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการนำเสนอ วัฒนธรรมอาหารอิตาเลียนให้กับผู้เรียน  โดยการส่งมอบความรู้ผ่านหลักสูตรการประกอบอาหารอิตาเลียนที่ดีสุดของโลก โดยคุณ Enzo Malanca ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ALMA ได้กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า

“เป้าหมายหลักของALMA คือการเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารอิตาเลียนไปสู่สากลโลก ซึ่ง ALMA เห็นว่า วัฒนธรรมด้านอาหารของไทยนั้น ให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นเลิศของการประกอบอาหาร เฉกเช่นเดียวกันกับ อาหารอิตาเลียน และประเทศไทยเองถือเป็นจุดภูมิศาสตร์ที่ดี ในการเผยเเพร่วัฒนธรรมอาหารอิตาเลียน สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย”

Mr. Enzo Malanca

โดยคุณเอนโซ่ ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงการร่วมมือกันระหว่าง ALMA และ The Food School Bangkok ไว้ว่า

“เป็นเพราะการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ความไว้วางใจ และความมากประสบการณ์ของทั้ง ALMA และ The Food School Bangkok ทำให้โปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเรามีความตั้งใจที่จะยกระดับวงการอาหารของทั้งสองประเทศ ที่ต่างก็ให้ความสำคัญในประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของอาหาร… พวกเราต่างก็มีเป้าหมาย ที่จะทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์รวมสำคัญของวัฒนธรรมทางอาหาร ที่มาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก”

โดยคุณเอนโซ่ ยังได้อธิบายถึงคลาสเรียนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่า มีหลากหลายคอร์สที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์กับบริบทนักเรียนในประเทศไทย ตั้งแต่คอร์สระยะสั้น ไปจนถึงคอร์สยาว สำหรับคนที่มีความสนใจในการทำอาหาร ทำขนม และอีกมากมาย อย่างหลักสูตร Certificated course มีเนื้อหาที่ละเอียด เน้นทั้งภาคปฏิบัติ และทฤษฎี ใช้เวลามากกว่า 200 ชั่วโมงในแต่ละระดับ ที่สร้างประสบการณ์ที่เพียงพอ เตรียมพร้อมให้นักเรียนสามารถเข้าทำงานได้ทันทีเมื่อคอร์สเสร็จสิ้น ซึ่งในขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่กำลังหาความชำนาญพิเศษ ALMA ได้ออกแบบ Masterclass มากมายที่สั้นกระชับ แต่เนื้อหาครบครัน และShort course ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานการทำอาหารเบื้องต้น  ตามแบบฉบับของสูตรอาหารที่แท้จริงของอิตาลี

เชฟผู้สอนมากประสบการณ์ทั้งสาม

เชฟ Martina Sabbioni, เชฟ Francesco De Rosa และ เชฟ Enrico Nativi

สำหรับเชฟที่มาจาก ALMA ที่จะมาส่งต่อความรู้ และสูตรอาหารต้นตำรับของอิตาเลียน รวมไปถึงสูตรการทำขนมอิตาเลียนที่แท้จริง มี 3 ท่าน ร่วมไปด้วยเชฟ Francesco De Rosa และเชฟ Martina Sabbioni ที่มอบความรู้ในเรื่องของอาหารอิตาเลียนแบบต้นตำรับ รวมไปถึงงานบริหารครัว และเชฟ Enrico Nativi เชฟผู้เชี่ยวชาญในการทำขนมอิตาเลียน ตั้งแต่แบบต้นตำรับ ไปจนถึงขนมร่วมสมัย

เชฟ Francesco ได้กล่าวอธิบายถึงอาหารอิตาเลียนในมุมมองของเขาว่า “ผมคิดว่า อาหารอิตาเลียนมีอิทธิพลสำคัญในวงการอาหาร และเป็นที่รู้จักอย่างทั่วไป ฉะนั้น ผมมั่นใจว่า การที่นักเรียนที่ The Food School Bangkok ได้เรียนรู้วิธีการทำขนม และอาหารอิตาเลียนที่แท้จริง โดยใช้ร่วมกับวัตถุดิบท้องถิ่นไทย มันเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่จะทำให้นักเรียนได้รู้แหล่งวัตถุดิบที่ดี ที่เหมาะกับการทำอาหารอิตาเลียน”

ที่เราเลือก ไม่ใช่เพียงวัตถุดิบที่ดี แต่เป็นการแสวงหาเกษตรกรท้องถิ่นที่ดี

เชฟ Francesco De Rosa
เชฟ Martina Sabbioni

โดยเชฟ Martina ได้เสริมถึงเรื่องการผสมผสาน ของสูตรอาหารอิตาเลียนต้นตำรับ และการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากประเทศไทยไว้ว่า “สำหรับเรา หลักของ Sustainability สำคัญมากๆ เราจึงพยายามหาวัตถุดิบท้องถิ่น ที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบสำคัญอย่าง พาร์เมซานชีส เส้นพาสต้า และอื่นๆ จะถูกส่งตรงมาจากอิตาลี เนื่องจากมีคุณภาพสูงอยู่แล้ว แต่วัตถุดิบอื่น จะมาจากท้องถิ่น อย่างเช่น มะเขือเทศ เราได้มาจากฟาร์มออร์แกนิคที่เชียงใหม่ รสชาติจะดีมากๆ ถึงแม้การผสมผสานกันนี้ จะมีความยาก แต่เรามั่นใจว่าเราสามารถทำออกมาให้ตรงตามรสชาติที่แท้จริงได้”

ทาง HELLO! เองก็ได้มีโอกาสลิ้มลอง สปาเกตตี้ซอสมะเขือเทศ ฝีมือของเชฟ Francesco ด้วย ซึ่งหากสังเกตเพียงจากหน้าตาของจาน คุณจะไม่สามารถคาดเดาความซับซ้อนของรสชาติ และความเข้มข้นของซอสเมื่อชิมเข้าไปได้เลย เนื่องจากสีของมะเขือเทศไทยจะมีลักษณะใส ทำให้เราไม่อาจคาดการณ์รสชาติสุดเข้มข้น กลิ่นมะเขือเทศสดละมุนฟุ้ง ที่ทานพร้อมเส้นสปาเกตตี้ Al Dente ที่ให้รสสัมผัสเหนียวนุ่มด้านนอก แต่ยังคงความกรึบตรงแกนกลางของเส้น บอกเลยว่า รสชาติดั้งเดิมไม่มีผิดแน่นอน

“ที่สำคัญ นอกจากเราจะสอนในเรื่องของการทำอาหาร เรายังจะทำให้เข้าใจวิธีการเป็น Professional chef ที่ดี เพราะหลักการที่เราสอน สามารถทำให้คุณปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่คุณอยู่ ไม่ว่าคุณจะไปต่อที่ไหน”

เชฟ Martina Sabbioni
เชฟ Enrico Nativi

และสำหรับเชฟ Enrico Nativi ที่จะมาสอนในเรื่องของการทำขนมอบอิตาเลียน ได้พูดถึงคอร์สของตัวเองไว้ว่า “สำหรับคอร์สทำขนม ผมมีทั้งคอร์ส Essential และคอร์ส Advanced โดยคอร์ส Essential นั้น สำหรับผู้ที่สนใจในขนมอิตาเลียน และวิธีการทำแบบดั้งเดิม แต่ในคอร์ส Advanced เราจะลงลึกมากขึ้น และใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่มีความทันสมัย โดยลองทำเมนูที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น จะเน้นไปที่การเรียนรู้ทางทฤษฎี และการจัดการ แน่นอนเลยว่า นักเรียนสำหรับคอร์สนี้ สามารถเรียนจบไป และเปิดธุรกิจของตัวเองได้เลย”

นอกจากนั้น ยังมีคอร์สเรียนการทำ เจลาโต สุดพิเศษ ที่ลงลึกถึงการทำปฏิกิริยาของวัตถุดิบ และอุณหภูมิเลย เรียกได้ว่าจบไปเปิดร้านเจลาโตได้ง่ายๆ เลย

โดยอีกเมนูที่เรา HELLO! ได้ลิ้มลองจากฝีมือเชฟ Enrico คือขนม Panettone ขนมวัน Christmas ตามประเพณีดั้งเดิมของชาวอิตาเลียน ซึ่ง HELLO! ขอการันตีรสชาติหวานละมุน และความหอมกรุ่นของขนมฝีมือเชฟ และขอแอบกระซิบว่า Panettone แสนหอมหวานนี้ มีขายที่ Test Kitchen คาเฟ่ ที่เปิดบริการสำหรับคนทั่วไป บริเวณชั้น 1 ของ The Food School Bangkok ด้วย สายหวานห้ามพลาดเลยล่ะ

ซึ่งเชฟท่านอื่นๆ ยังเน้นย้ำอีกว่า สำหรับผู้ที่เข้าเรียนในคอร์ส Advanced การเรียนรู้ จะไม่หยุดอยู่แค่การทำอาหาร แต่จะเป็นการสอนไปถึงวิธีการสร้างเมนูของร้านตัวเอง สร้างเมนูที่จับคู่อาหารเข้ากับไวน์ เข้ากับเนื้อประเภทไหน จะต้องหาวัตถุดิบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร โดยที่จะมี Guest chef ไม่ว่าจะเป็นเชฟชาวอิตาเลียนที่เป็นชาวพื้นเมือง ที่จะมานำเสนอมุมมองใหม่ๆ ของวงการร้านอาหาร ให้นักเรียนได้สร้างเมนูด้วยตัวเอง และคอร์สนี้ จะไม่ได้เป็นการทำงานเดี่ยว แต่จะได้เรียนรู้การทำงานตามระบบของเชฟหลังครัวจริงๆ เพราะสิ่งสำคัญของร้านอาหาร คือเข้าใจ และรู้จังหวะของการทำอาหารร่วมกันเป็นทีม

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.