Home > Education > StartDee เน็ทฟลิกซ์แห่งวงการศึกษาไทย พริษฐ์ วัชรสินธุ

“การศึกษาเป็นประเด็นที่ผมสนใจและให้ความสำคัญมาโดยตลอด” คุณไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ เน้นย้ำเรื่องที่มาของสตาร์ทอัพเพื่อสังคมที่เขาทุ่มทั้งตัวและหัวใจปลุกปั้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เป็นแอพพลิเคชั่นแบบ Subscription รายเดือน ชื่อว่า StartDee ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อ 18 พฤษภาคม นี้เอง โดยในช่วงแรกของ StartDee ครอบคลุมเนื้อหาการเรียนตั้งแต่ม.1-ม.6 มี 3,000 คลิปวิดีโอ 7 วิชาหลัก คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา สังคมศึกษา ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ รวม 35,000 คำถามจากแบบฝึกหัดประจำหัวข้อ O-Net Gat/Pat และ 9 วิชาสามัญ

“มันเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต ตรงที่ในช่วงที่ผมทำงานการเมือง ผมได้เห็นว่าจุดเริ่มของการแก้ไขปัญหาหลายๆ ด้านอยู่ที่การศึกษา เราอยากสลายความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยให้หมดไป จากข้อมูลของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เด็กไทยแค่ 50% เท่านั้นที่มีแล็ปท็อป แต่เด็กประมาณ 86% ทั่วประเทศมีสมาร์ทโฟน และแม้กระทั่ง 20% ของกลุ่มรายได้น้อยสุดสามารถเข้าถึงมือถือได้ 79% ผมเลยเลือกมือถือ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เด็กน่าจะเข้าถึงได้มากสุด และจากข้อมูลเบื้องต้นที่ไหลมาเรื่อยๆ เราเห็นเด็กที่เข้ามาในแอพ StartDee แทบจะมาจากทุกจังหวัดเลย และทุกระดับชั้น

Parit Wacharasindhu
คุณไอติมและแฟนคลับ

“สิ่งที่ผมทำคือ การพยายามนำเทคโนโลยีมาช่วยให้เด็กเข้าถึงเนื้อหาการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ถ้าให้อธิบายอย่างเข้าใจง่ายที่สุดคือ StartDee จะเป็นเหมือน Netflix ของการศึกษา เป็นแอพพลิเคชั่นที่พอนักเรียนกดเข้า StartDee มาแล้วสามารถเข้าถึงเนื้อหาการเรียนการสอนที่มีคุณภาพครบถ้วนได้อย่างไม่จำกัด ตลอดจนเนื้อหาที่อาจจะไม่อิงหลักสูตรของกระทรวง แต่เรารู้สึกว่าเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเด็กยุคนี้

“โดยมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่เป็นแบบฝึกหัด หรือสรุปบทเรียนต่างๆ ที่เราพยายามจะผสมผสานข้อดีของการเรียนในโรงเรียนกับศักยภาพทางเทคโนโลยี นี่คือขั้นพื้นฐาน แต่เรายังจะพัฒนาต่อไปอีกเรื่อยๆ ให้เนื้อหาถูกดัดแปลงให้ตรงกับความต้องการที่เด็กแต่ละคนได้รับ ซึ่งจะแตกต่างกันออกไป ทำยังไงให้อัลกอริธึมช่วยสังเกตพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนได้ว่าเขาชอบกระบวนการเรียนรู้แบบไหน เพื่อให้ตรงกับแนวทางหรือศักยภาพของเขา บางคนอาจจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านรูปภาพ เด็กบางคนอาจเรียนรู้จากเสียง แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่สิ่งที่ครูพูดจะตอบความต้องการของเด็กทุกคนพร้อมกัน”

จากการที่นักเรียนไทยใข้เวลาในห้องเรียนแทบจะมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ราวปีละ 1,200 ชั่วโมง จากการประเมินผล PISA ที่มีนักเรียนจาก 79 ประเทศเข้าร่วม ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 57 ตามหลังมาเลเซียและเวียดนามแบบทิ้งห่าง ขณะที่มีเด็กไทยจำนวนหนึ่งสามารถเข้าไปคว้ารางวัลในการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ทำให้ทางคุณไอติมเห็นว่าประเทศไทยยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอยู่มาก

Parit with his staff
คุณไอติมขณะนำประชุมกับทีมงาน StartDee

“เราไม่อยากเห็นเด็กที่ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะเรียนโรงเรียนชื่อดัง ต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เราจึงพยายามติดต่อองค์กรเอกชนหรือหน่วยงานที่ต้องการทำ CSR ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจน ด้วยการซื้อสมาชิกแอพพลิเคชัน StartDee เพื่อกระจายให้เด็กเหล่านี้ ซึ่งค่าสมาชิกรายเดือนของ StartDee อยู่ที่ 200-300 บาท สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ไม่จำกัด ทั้งยังมีการอัพเดทเนื้อหาใน StartDee อยู่เรื่อยๆ ตลอดทุกสัปดาห์ และเรายังสามารถดูได้ว่าเด็กที่ได้รับทุนมีพัฒนาการมากแค่ไหน”

เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ทำให้กระทรวงศึกษาธิการประกาศเลื่อนวันเปิดเทอมจาก 18 พ.ค. เป็นวันที่ 1 ก.ค. ทาง StartDee จึงเปิดให้เด็กใช้แอพฟรีมาตั้งแต่ 18 พ.ค.-1 ก.ค. ซึ่งเริ่มจากม.1- ม.6 ก่อน จากนั้นจึงเป็นป.4-ป.6 ส่วนป.1- ป.3 จะตามมาหลังสุด

“ที่เราให้เด็กประถมศึกษาตอนต้นเป็นกลุ่มท้ายสุด ก็เพราะเด็กกลุ่มนี้อายุยังน้อยอยู่ การเรียนออนไลน์อาจต้องมีอะไรที่น่าดึงดูดกว่าเด็กโต และเรากำลังหารูปแบบวิธีการสอนอยู่ แต่ภายในปีนี้ StartDee จะครอบคลุมทั้งหมดตั้งแต่ป.1 จนถึงม.6 โรงเรียนเปิดไม่ได้ไม่เป็นไร  StartDee เปิดเทอมให้นักเรียนทั่วประเทศแทน (หัวเราะ)

“ตอนนี้ StartDee มีครูประมาณ 40 คน กระจายไปตามแต่ละวิชา ตอนเริ่มใหม่ๆ ผมก็กังวลนิดหนึ่งว่า จะมีใครสมัครมาไหม ก็ยอมรับว่ามีคนเก่งๆ สมัครเข้ามามากกว่าที่คาดคิดไว้มาก เราก็มีกระบวนการคัดกรองที่วางไว้ ไม่ว่าจะเรื่องของความแม่นยำทางวิชาการ ความสามารถในการนำเสนอ หรือการสอนหน้ากล้องซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับครูหลายคน แล้วพอรับเข้ามาเราก็พยายามพัฒนาทักษะให้ครูอยู่เรื่อย ซึ่ง StartDee มีทีมวิชาการคอยดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ

Parit Wacharasindhu
คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างอดดีตประธาน Oxford Union อันเป็นตำนาน กับ StartDee โปรเจคท์ล่าสุดที่ท้าทายความสามารถ

“สิ่งที่อาจเป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง ก็คือเรื่องค่าใช้อินเตอร์เน็ท ที่ StartDee ตัดสินใจร่วมมือกับ AIS สนับสนุนให้นักเรียนที่ลงทะเบียนในแอพเรา แล้วทาง AIS จะส่ง Zeed Sim ไปให้ถึงบ้าน เด็กที่ใช้ซิมชนิดนี้จะสามารถเรียนในแอพ StartDee นี้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้อินเตอร์เน็ท เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดต่างๆ ให้เด็กไทยแทบทั้งหมดเข้าถึง StartDee ได้

“และสิ่งหนึ่งที่ StartDee พยายามทำก็คือ การพูดคุยกับนักเรียนให้ได้มากที่สุด เพื่อทำความเข้าใจปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ ในช่วงเมษายนที่ผ่านมา เราให้เด็ก 40 คนจากทั่วประเทศมาทดลองใช้ แล้วเราเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าตรงไหนดีตรงไหนควรพัฒน เพื่อให้ตรงกับความต้องการของเด็กมากขึ้น”

แม้จะยังเป็นก้าวแรก แต่เราก็เชื่อว่าจะเป็นก้าวที่มั่นคงสำหรับอนาคตของชาติ ต้องให้เครดิตกับคุณพริษฐ์ที่ยืนหยัดมาถึงวันนี้ พร้อมกับความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ให้สมกับที่ StartDee เป็นเน็ทฟลิกซ์ของการศึกษาไทย

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.