คุยกับ พริษฐ์ เที่ยงธรรม และ ณัฐธิดา ตันศิริคงคล คู่รักที่ลงมือปลุกปั้น Edsy แพลตฟอร์มสอนภาษาอังกฤษแบบไลฟ์สดออนไลน์ ที่กำลังมาแรงในขณะนี้
ด้วยจำนวนเด็กที่สมัครเรียนมากถึง 3,000 คน ทำให้แพลตฟอร์มที่ตั้งขึ้นโดยคุณเฟิม-พริษฐ์ เที่ยงธรรม และคุณมีน-ณัฐธิดา ตันศิริคงคล สามารถเทคออฟได้อย่างสวยงาม
ด้วยสีสันและการออกแบบหน้าปกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษของ Edsy ที่มีทั้งการ์ตูนเจ้าชายน้อย โปเกมอน หรือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฯลฯ นอกจากจะเป็นเหมือนหีบห่อที่สวยงามแล้ว ภายในหีบห่อยังบรรจุบทเรียนที่เด็กจะได้เรียนกับครูไทยดีกรีอินเตอร์หรือครูเจ้าของภาษาแบบตัวต่อตัว
ด้วยแพสชั่นที่อยากทำธุรกิจที่มีความหมายต่อสังคม กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ทั้งสองผู้ก่อตั้งเองผ่านการเรียนที่ไหนมาบ้าง คุณเฟิมเรียนสาธิตมศว.ประสานมิตร และสาธิตปทุมวัน ภาคภาษาอังกฤษ จากนั้นจึงไปเรียนจนจบมัธยมปีที่ 4 ที่ Hwa Chong International School ที่สิงคโปร์ “ผมกะว่าจะไปเรียนปริญญาตรีต่อที่ต่างประเทศ แต่คุณแม่อยากให้สอบเทียบ IGCSE กลับมาเข้ามหาวิทยาลัยที่ไทยจะได้จบเร็วๆ แล้วค่อยไปต่อโทที่ต่างประเทศครับ” คุณเฟิมเล่า
ด้านคุณมีน ทายาทแสงไทยเมดิคอลที่เป็นผู้ผลิตยาโทนาฟ ก็เรียนที่อัสสัมชัญคอนแวนต์ แล้วจึงย้ายไปเรียนสายศิลป์-คำนวณต่อที่เตรียมอุดมฯ ทั้งสองพบและคบหากันสมัยเรียนปริญญาตรีที่คณะเศรษฐศาสตร์อินเตอร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังเรียนจบพวกเขาเลือกทำงานเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนระยะหนึ่ง คุณเฟิมเป็น Management Consultant ที่บริษัท Roland Berger จากเยอรมัน ส่วนคุณมีนเป็น Investment banker ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ จากนั้นจึงตัดสินใจไปเรียน MBA ต่อที่สหรัฐอเมริกา
“ด้วยความที่เราสองคนทำงานไปด้วยและสมัคร MBA ไปด้วย ทำให้ต้องใช้เวลาเตรียมตัวเยอะ การเขียน essay นอกจากจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันที่เราจะไปเรียนแล้ว ยังต้องสามารถบอกได้ว่าเรา contribute อะไรให้กับคลาสได้บ้าง” คุณมีนเสริม
The Wharton School of the University of Pennsylvania ที่ฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นโรงเรียนธุรกิจที่ตอบรับคุณมีนนั้น ขึ้นชื่อว่าโหดหิน โดยเฉพาะในรอบสัมภาษณ์และการให้ผู้สมัครจับกลุ่มๆละ 5 คน แล้วทำ group discussion ภายในเวลาจำกัด
“ในปีที่มีนสมัคร เขาให้โจทย์ว่าถ้าจะจัดทริปเรียนรู้เรื่องธุรกิจในต่างประเทศ จะเรียนรู้เรื่องอะไร ที่ประเทศอะไร ถ้าเป็นทริป 3 วันจะทำอะไรบ้าง และนักเรียนจะได้อะไร โดยให้เวลาแต่ละคนพรีเซนท์ 1 นาที ในฐานะกลุ่มเราชอบไอเดียไหน ค่อนข้างฟรีสไตล์มากค่ะ แล้วก็สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวภายในวันเดียวกันนั้นเลยค่ะ” ศิษย์เก่า Wharton กล่าว
ส่วนคุณเฟิมเลือกเรียนที่ Yale University School of Management “Yale จะไม่เหมือนบิสสิเนสสคูลของมหาวิทยาลัยอื่น เขาจะพยายามเน้นเรื่อง interdisciplinary (สหวิทยาการ) ผมเลยได้ไปลงเรียนวิชาน่าสนใจต่างๆ เช่น วิชา Life Worth Living ที่ Yale College และวิชา Power Shifts ที่ School of Global Affairs”
แจ้งเกิด Edsy
ทั้งคู่เรียนที่อเมริกาจนกระทั่งมีนาคมปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิดกำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก จึงตัดสินใจกลับมาปักหลักเรียนออนไลน์เทอมสุดท้ายที่เมืองไทย
คุณเฟิมบอกเราว่า “การเรียนออนไลน์จุดประกายให้เราอยากทำ Edsy เป็นโรงเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เพราะตลาดพร้อมแล้ว ตอนนั้นเราทำเซอร์เวย์เยอะเหมือนกัน แล้วก็ฟอร์มไอเดีย วางแผน คุยกับคนนั้นคนนี้ คุยกับเพื่อนกับผู้ปกครอง พอเริ่มทำจริงๆ ก็ทำโบรชัวร์ไปแจกที่หน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน สาธิตฯ เพื่อดูว่าฟีดแบ็คเป็นยังไง เราให้คนทดลองเรียนฟรีในหัวข้อต่างๆที่เด็กสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวต่างประเทศ ผจญภัยในโลกแฟนตาซี เป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ ฯลฯ ซึ่งเป็นการสอนสด ถ้าลองเรียนแล้วเด็กไม่สนุก ผู้ปกครองไม่ซื้อต่อก็แสดงว่าไม่เวิร์ค”
เริ่มแรกคุณเฟิมชักชวนรุ่นน้องที่จบจากโรงเรียนอินเตอร์ Shrewsbury หรือ ISB และกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอย่าง UC Berkeley, Columbia University, Stanford University, University of Oxford ฯลฯ อยู่ มาหารายได้พิเศษด้วยการเป็นครูสอน
“เมื่อนักเรียนซื้อคอร์สแล้ว ก็จะเลือกว่าอยากเรียนกับครูคนไหน วันและเวลาตามความสะดวก ผู้ปกครองประทับใจมาก ที่เห็นลูกได้แรงบันดาลใจอยากพูดภาษาอังกฤษสำเนียงเป๊ะเหมือนครู ปัญหาที่พบเจอก็แค่สัญญาณอินเทอร์เน็ตในบางพื้นที่อาจจะไม่ดี ส่งผลต่อคุณภาพเสียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” คุณเฟิมเสริม
ด้านคุณมีนซึ่งพอจะเรียนโค้ดดิ้งมาบ้างและพอจะคุยเรื่องเทคกับวิศวกรคอมพิวเตอร์รู้เรื่องกว่า เป็นผู้ดูแลเรื่องหลังบ้าน เพื่อให้คลาสดำเนินไปอย่างราบรื่น ซึ่งสำคัญสุด เธอบอกเราว่า “ไม่ว่านักเรียนหรือครูหรือใครเจอปัญหาอะไร เราต้องแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด บางทีเจอ bug หรือสัญญาณไม่ดี มีนจะเป็นคนเชื่อมระหว่างหน้าบ้านกับหลังบ้าน เพื่อให้สามารถใช้งานได้แบบไร้รอยต่อ”
เอาชนะอุปสรรค
คุณเฟิมพูดถึงการปรับตัวในแต่ละสเตจของ Edsy ว่า“ผ่านไปเกือบปีเราเริ่มเจอปัญหาว่าช่วงปิดเทอมครูเหล่านี้จะสอนถี่หน่อย แต่พอเข้าช่วงสอบก็สอนน้อยลง เราต้องเปลี่ยนครู ก็เลยต้องเริ่มหาครูเจ้าของภาษาที่อยู่เมืองนอกมาสอนเป็นประจำแทน แต่เราไม่ใช้เอเจนซี่ ก็จะหาผ่าน Linkedin เพื่อคุมคุณภาพครู
“ข้อดีของเราคือ การสอนสดแบบตัวต่อตัว ทำให้ช่วงโควิด พ่อแม่ทำงาน ส่วนลูกเรียนออนไลน์ที่บ้าน ทำให้การตอบรับได้ผลดีมาก และมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่พอโควิดหายนักเรียนไม่ค่อยมีเวลาว่างพอที่จะเรียน และเราไม่รู้ว่าเทรนด์จะหวนกลับมาเมื่อไร เราก็เลยต้องปรับตัวจาก B2C เป็น B2B เพื่อหาโรงเรียนมาเป็นพาร์ทเนอร์กัน”
โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนแสงทองวิทยา โรงเรียนเอกชนในเชียงใหม่ รวมถึงโรงเรียนในสังกัดกทม. ต่างก็ให้ Edsy สอนภาษาอังกฤษหนึ่งคาบในแต่ละสัปดาห์ โดยพอถึงเวลาเรียนก็จะให้นักเรียนลงไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ และจับกลุ่มๆละ 4-5 คน เพื่อเรียนออนไลน์
ปัจจุบัน Edsy เปิดสอนภาษาอังกฤษแก่เด็กตั้งแต่อนุบาลจนถึงม.3 “มีน้องที่เรียนกับเราตั้งแต่อนุบาล 3 มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเรียนอยู่ค่ะ เขาไม่เรียนที่อื่นเพราะว่าที่อื่นเน้นแกรมมาร์กับท่องจำคำศัพท์ ซึ่งไม่สนุกและยากเกินไปสำหรับเด็กเล็ก” คุณมีนกล่าว
ซุ่มใช้ EdTech สร้าง AI
จากการใช้ครูสอนสด มาวันนี้ทั้งคุณเฟิมและคุณมีนเริ่มคิดไกลถึงการใช้ AI ในการสอน เขาพยายามเฟ้นหายอดฝีมือด้วยการถามบรรดาเพื่อนๆ จนสุดท้ายเจอคุณเด็ค (ณพล รัชตะสัมฤทธิ์) รุ่นพี่นักศึกษาปริญญาเอกทางด้านคอมพิวเตอร์จาก Carnegie Mellon มาเป็น CTO (Chief Technical Officers)
คุณเฟิมอธิบายว่า “ต่อไปเราจะหันมาใช้ AI มากขึ้น เพราะคิดว่าน่าจะสร้างอิมแพคท์ในวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการไทย ยังขาดเครื่องมือวัดผล โรงเรียนต่างๆก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง เพราะวัดผลยาก แต่บางโรงเรียนที่มีกำลังก็จ้างครูเจ้าของภาษามาวัดผลได้ ทว่ามีจำนวนน้อย ครูเจ้าของภาษาบางคนก็ไม่ได้มาตรฐาน เราเห็นปัญหาตรงนี้ ก็เลยคิดทำ AI มาเพื่อทำ speaking assessment เหมือนเวลาสอบโทเฟลเลย
“อีกทั้ง AI ยังสามารถวิเคราะห์ได้เลยว่า จุดแข็งจุดอ่อนคืออะไร ออกเสียงถูกต้องกี่เปอร์เซ็นต์ คำไหนออกเสียงผิด AI สามารถแก้ไขได้ หรือวัดว่าพูดคล่องไหม เจ้าของภาษาพูดได้ 200 คำต่อนาที ถ้าเพิ่งหัดเรียนจะพูดได้ 50 คำต่อนาที เพราะต้องใช้เวลาคิด ซึ่งตอนนี้ด้วย AI เราสามารถทำแบบทดสอบที่มีค่าใช้จ่ายไม่ถึง 100 บาทต่อคน ตอนนี้เรามี MOU กับโรงเรียนกว่า 30 แห่งทั่วประเทศไทย และได้ช่วยสนับสนุนเด็กไทยแล้วกว่าหมื่นคน ผ่านองค์กรพันธมิตร เช่นมูลนิธิ AFS Interculrural มูลนิธืสานอนาคตศึกษา CONNEXT ED และกทม.”
นอกจากนี้คุณเฟิมยังคุยกับมหาวิทยาลัยและบริษัท เพื่อจะได้ใช้ AI ในการทำเครื่องมือฝึกภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจหรือสายอาชีพต่อ เพราะเป็นการต่อยอดใช้เครื่องมือเดียวกัน แตกต่างเพียงเนื้อหาเท่านั้นเอง
สตาร์ทอัพรอบ Seed
ที่ผ่านมา Edsy เกิดจากการลงขันกันระหว่างคุณเฟิมและคุณมีน ด้วยเงินทุนจำนวนไม่มาก เนื่องจากยังไม่ใช้เทคโนโลยีที่แอดวานซ์ อารมณ์เหมือน AirBNB ทางการศึกษา เป็นแพลตฟอร์มจับคู่ระหว่างครูกับนักเรียนมากกว่า มีรายได้จากคลาสสอนสดมาใช้ในการดำเนินงาน
“แต่หลังๆ พอเราตั้งใจจะใช้ AI ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้น ปีที่สองเราได้เงินทุนจากกองทุน VC (Venture Capital) ชื่อ Iterative Capital ในสิงคโปร์ เพราะสมัยเรียน MBA ผมเคยไปฝึกงานกับหลายกองทุน ก็พอจะรู้ว่า VC ในสิงคโปร์และอเมริกามีใครบ้าง ก็เลยรู้จักตั้งแต่สมัยนั้น เนื่องจากสถานการณ์ตลาดการลงทุนไม่ค่อยดีตั้งแต่ช่วงกลางปี 2022 ส่งผลต่อมูลค่าบริษัท จึงระดมทุนไปไม่มากเพียงประมาณ 10 ล้านบาท
“เราโชคดีที่หนึ่งในนักลงทุนคือ Product Director ของ Snapchat ที่ซิลิคอนวัลเลย์ พอเขารู้ว่าเราจะทำ Generative AI เขาบอกว่า Snapchat เพิ่งทำเหมือนกัน มีอะไรถามเขาได้ เผื่อช่วยได้” คุณเฟิมกล่าว
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการสร้างสตาร์ทอัพอย่าง Edsy มาจนถึงวันนี้ คุณเฟิมบอกว่า “เบื้องหลังเหนื่อยครับ การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งเราปวดหัวมาก คิดเยอะ ตัดสินใจยาก เพราะเหมือนเราต้องออกจากคอมฟอร์ทโซน แต่ก็เป็นงานที่มีความหมายสำหรับผมมาก เราอยากสร้างอะไรบางอย่างเพื่อสังคม”
“อย่างการที่เราจะใช้ AI มากขึ้น เราคิดกันหลายตลบเลยค่ะ มีความท้าทายใหม่ๆทุกวันเลย เครียดบ้าง แต่ก็สนุก” คุณมีนเสริม
ถามว่าการเป็นคู่รักที่ทำงานด้วยกัน ต้องเจอความท้าทายมากกว่าคนอื่นหรือไม่ คุณเฟิมหัวเราะก่อนจะบอกว่า “การทำธุรกิจด้วยกันถือเป็นบททดสอบชีวิตคู่ที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว จึงตกลงใจว่าปีหน้าจะแต่งงานกันหลังจากคบมา 10 กว่าปีครับ”