การ เรียนพิเศษ จำเป็นกับลูกจริงหรือ ?

เห็นพ่อแม่บ้านอื่นส่งลูกไป เรียนพิเศษ กันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เราควรส่งลูกไปเรียนกับเขาบ้างไหมนะ แล้วควรส่งลูกไปเรียนอะไรดีล่ะ ?

หลายครอบครัวมักเข้าใจว่า การให้ลูกเรียนเสริมพิเศษเข้าไป จะช่วยให้ลูกเข้าใจบทเรียนได้ดีขึ้น ทำการบ้านง่ายขึ้น และส่งเสริมให้ผลการเรียนลูกดีขึ้นตามไปด้วย แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือเปล่า ในบทความนี้ HELLO! จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำความเข้าใจถึงข้อดีข้อเสีย และความจำเป็นของการเรียนแบบพิเศษกัน

ความจำเป็นของการ เรียนพิเศษ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า การเรียนเสริมพิเศษ คือ การเรียนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้มากขึ้น เป็นการเรียนนอกห้องเรียนแบบปกติเพื่อให้เด็กเข้าใจเนื้อหาที่จะเรียนมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่การเรียนหลักที่จำเป็นต้องส่งลูกหลานไปเรียนในทุก ๆ วิชา

การจะพิจารณาว่า การเรียนนี้ จำเป็นกับลูก มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งหลัก ๆ นอกจากการดูจาก ผลการเรียนแล้ว การ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แบบ ไม่มีอคติ ไม่มีการตำหนิ หรือ คาดคั้น เป็นการชวนคุย และ สอบถามว่า เขาอยากเรียนเสริมมากน้อยแค่ไหน เพราะอะไรเขาจึงไม่เข้าใจบทเรียนในชั้นเรียน และ มีวิชาไหนที่เขาอยากศึกษาเพิ่มเติมบ้าง จะช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจ ความคิด ความต้องการ ของเด็กมากยิ่งขึ้น สามารถประเมินได้ว่า สาเหตุที่แท้จริง ที่กระทบกับการเรียนของลูก คืออะไร และ ช่วยเขาหาทางออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ถึงแม้ว่า การเรียนเสริม จะเป็นความหวังดีที่ผู้ปกครอง อยากมอบให้กับเด็ก แต่ ความพร้อม และ ความต้องการ ของเขาก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน หากเด็กมี สภาพจิตใจที่ไม่พร้อม ยิ่งให้ เรียนเสริมพิเศษ ก็ยิ่งเท่ากับ เพิ่มความเครียด ความกดดัน ให้เด็ก แทนที่ผลการเรียนจะดีขึ้น เข้าใจบทเรียนมากขึ้น อาจส่งผล ตรงข้าม ให้การเรียนแย่ลง และ ส่งผลให้เด็ก เกลียดการเรียนรู้ ไปเลยก็ได้

ข้อดี-ข้อเสียของการ เรียนพิเศษ

ข้อดี

1. ลูกเข้าใจบทเรียนมากขึ้น เรียนตามทันเพื่อนได้ง่าย

การเรียนเสริมแต่ละครั้ง แน่นอนว่า เนื้อหาในการเรียนการสอน มักจะมีความ คล้ายคลึงกับ เนื้อหาในห้องเรียนแบบปกติ เด็ก ๆ จะมีโอกาสในการ ทบทวนบทเรียน ที่เรียนไปอีกครั้ง ได้สอบถามถึงสิ่งที่สงสัยค้างคาใจ จนสามารถหาคำตอบได้ สิ่งเหล่านี้ นอกจากจะช่วยให้เด็ก เข้าใจเนื้อหาในบทเรียน มากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้เด็กมี ความมั่นใจ มากขึ้นอีกด้วย

2. ต่อยอดความรู้เดิมด้วยเทคนิคใหม่ ๆ

แต่ละสถาบันการสอน มักมีเทคนิคพิเศษ เพื่อช่วยให้เด็กจับจุดในการเรียนได้ไวขึ้น รู้จักการสังเกตโจทย์คำถาม ตีความบทเรียนได้ แตกฉาน อย่างรวดเร็ว และ รู้ทางลัดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่โจทย์กำหนดไว้ เมื่อเด็กมีเครื่องมือในการเรียนมากขึ้น เขาก็สามารถนำ เครื่องมือเหล่านั้น ไปประยุกต์ใช้ในการเรียน กระทั่งการสอบได้ดีขึ้นด้วยนั่นเอง

3. ผลการเรียนดีขึ้น

แน่นอนว่า เมื่อเด็กเรียนเสริมพิเศษด้วยความเข้าใจ สนุกกับการเรียนรู้ และ กล้าคิดกล้าตัดสินใจมากขึ้น เขาจะสามารถต่อยอดการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนหลักและเสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลการเรียนของลูกดีขึ้นตามลำดับเช่นกัน

ข้อเสีย

1. สูญเสียเวลาในการพักผ่อน

เมื่อเด็กต้องแบ่งเวลาไปเรียนเสริม สิ่งที่ต้องแลกมา คือ เวลา เมื่อเวลาในการพักผ่อน หรือเวลาอิสระของเขาลดลง ความเครียดและความกดดันของเด็กย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เด็กจะเริ่มกลัวที่จะล้มเหลว กลัวผลการเรียนตก ขาดความมั่นใจในตัวเอง หากปล่อยให้เด็กอยู่ในภาวะเครียดไปนาน ๆ อาจส่งผลให้เด็กเกิดภาวะสมองล้า เครียดสะสม จนอาจทำให้สภาวะจิตใจของลูกดำดิ่งเพราะขาดความสุขได้เช่นกัน

2. ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแต่ละสถาบันสอนพิเศษมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ยิ่งเป็นสถาบันชื่อดังเท่าไหร่ยิ่งแลกมากับค่าคอร์สที่แพงขึ้นตามลำดับ

3. เด็กไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว

นอกจากเด็กจะไม่มีเวลาในการพักผ่อน เพราะต้องแบ่งไปเรียนและทบทวนบทเรียนแล้ว เวลาที่ใช้กับครอบครัวก็ลดลงตามไป ด้วย เมื่อเด็กห่างเหินกับครอบครัว ก็เหมือนกับเขาไร้ที่พึ่งพิงทางจิตใจ เมื่อเจอกับความเครียดหรือความกดดัน เด็กจะไม่สามารถรับมือได้อย่างถูกต้อง จนอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ อารมณ์ และการเรียนรู้ในระยะยาวได้เลยทีเดียว

อ่านเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับราชวงศ์ ทั้งไทย และ ต่างประเทศ เซเลบริตี้ ข่าวสารใหม่ ๆ และ เรื่องราวเกี่ยวกับแฟชั่น สุขภาพ และความงามได้ที่ HELLO!

Feature Image b Yan Krukau/pexels