ไม่ใช่เพราะเธอเป็นเจ้าของเสื้อผ้าดีไซเนอร์ที่โดดเด่นและหาได้ยากเท่านั้น แต่เป็นเพราะว่าเธอรู้วิธีที่จะนำเสื้อผ้าเหล่านั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนเธอได้อย่างไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน… นี่คือสไตล์ของ คุณพัฒศรี บุนนาค ไอคอนทางแฟชั่น ยุคแรกๆ ของเมืองไทยผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่ลูกหลานยังเก็ยรักษาเสื้อผ้า เครื่องประดับที่ไม่เหมือนใครของเธอไว้เป็นอย่างดี พร้อมเผยให้คนแฟชั่นรู้ใหม่ได้รับรู้ว่าแฟชั่นและศิลปะ ไม่เคยมีคำว่าล้าสมัย ในนิทรรศการ นิทรรศการ MON ART DU STYLE (my art of style) เป็นการเล่นคำกับภาษาไทย ‘มองอาร์ตดูสไตล์’ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของนิทรรศการนี้

ย้อนไปกว่า 60 ปี ในสัมยนั้นประเทศไทยยังไม่รู้จักคำว่าแคทวอล์คและแฟชั่นโชว์ ผู้หญิงร่างเล็ก ผิวสีน้ำผึ้ง และมีใบหน้าไทยคมเฉียบ ในชื่อคุณพัฒศรี บุนนาค เป็นผู้หญิงกลุ่มแรกๆ ได้รับเกียรติเเป็นนางนำเสนอเสื้อผ้า ดีไซน์จาก ม.จ.ไกรสิงห์ วุฒิชัย ดีไซเนอร์ไฮแฟชั่นยุคแรกของเมืองไทย บุกเบิกแฟชั่นไทยแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักทั้งในคนไทยด้วยกันเอง และชาวต่างชาติ หลังจากนั้นคุณพัฒศรีได้นำสไตล์แฟชั่นที่ได้สัมผัสผนวกกับความรักในงานศิลปะ หล่อหลอมเป็นตัวตนของเธอผ่านการแต่งตัวที่โดดเด่น แตกต่างกว่าใคร ในยุคนั้น

ภาพภ่ายคุณพัฒศรี ที่ไร้เครื่องสำอางโดยคุณฌอง มิเชล เบอร์เดอเลย์
ด้วยครอบครัวที่เป็นนักสะสมศิลปะตัวยงมารุ่นต่อรุ่น และเป็นผู้อุปถัมภ์คนสำคัญของงานสร้างสรรค์ศิลปะทุกรูปแบบเสมอมา ปัจจุบันแม่กายของคุณพัฒศรีจะจากไปแล้ว แต่ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม ที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ คุณฌอง มิเชล เบอร์เดอเลย์ สามี และ คุณเอริค บุนนาค บูทซ์ บุตรชายของคุพัฒศรี ร่วมกันดูแล มีความประสงค์ที่จะแบ่งปันคอลเลกชั่นส่วนตัวที่คุณพัฒศรีสะสมมากว่า 30 ปี ให้ทุกคนสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเองถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของศิลปะที่จะสร้างคุณค่าให้กับทุกๆ ชีวิต และเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับนักสะสมรุ่นใหม่
ชื่อของพิพิธภัณฑ์ เป็นการผสมผสานระหว่างคำว่า ‘ใหม่’ที่มาจากชื่อเมืองเชียงใหม่ และหมายความถึงความสดใหม่ กับคำว่า ‘เอี่ยม’ ซึ่งเป็นการสดุดีถึงเจ้าจอมเอี่ยม คุณย่าทวดของคุณเอริค บุนนาค บูทช์ เจ้าจอมพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้มีชีวิตอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านสู่ความทันสมัยของประเทศไทย เมื่อรวมสองคำเข้าด้วยกันกลายเป็นคำว่า ‘ใหม่เอี่ยม’ ซึ่งมีความหมายดีเยี่ยม และเมื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ “MAIIAM” ก็เล่นคำได้สวยงาม และสามารถอ่านได้ทั้งจากหน้าไปหลังและจากหลังไปหน้า

คุณเอริค บุนนาค บูทซ์ บุตรชายคุณพัฒศรี กล่าวเปิดงานว่า “ผมอยากแบ่งปันและส่งต่อวิธีคิดของคุณพัฒศรีให้ทุกคนได้สัมผัสผ่านการจัดแสดงนิทรรศการเสื้อผ้าซึ่งสะท้อนถึงสไตล์และตัวตนของเธอได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายังได้รับเกียรติจากศิลปินผู้มีชื่อเสียงหลายท่านมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะโดยถ่ายทอดเรื่องราวที่สอดคล้องกันได้อย่างลงตัว”

คุณฌอง มิเชล เบอร์เดอเลย์ , คุณอุทานพร พิธานสมบัติ , คุณเอริค บุนนาค บูทซ์
คุณพริ้ง บุนนาค รับหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ เธอจบการศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์และการเต้นจาก University of California, Berkley เธอมีประสบการณ์ในการทำงานทั้งเป็นนักเขียน ดีไซเนอร์ และทำงานด้านแฟชั่น เธอเล่าถึงการทำงานนี้กับ HELLO! ว่า
“ไอเดียโดยรวมต้องการแสดงถึงการมอง วิธีคิด ไม่ใช่เพียงแค่การมีของสวยงาม ทว่าแต่ละชิ้นที่เลือกใช้มีความยูนีค และสามารถนำศิลปะมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างไม่มีขอบเขต” เธอชี้ชวนให้ชมกางเกง Pleats Please แบบเรียบๆ ซึ่งคุณพัฒศรีนิยมใส่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเดินทาง เพราะไม่ยับ และใส่ได้เรื่อยๆ กับเสื้อที่มีรูปทรงประหนึ่งงานศิลปะ อีกทั้งเครื่องประดับก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอัญมณี แต่จะเป็นเครื่องประดับชิ้นใหญ่ที่แสดงถึงพลัง ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของ คุณแจ่มจรัส สุชีวะ สถาปนิกที่ทำเครื่องประดับให้คุณพัฒศรีโดยเฉพาะเพียงคนเดียว

โถงด้านหน้าของงาน โดดเด่นด้วยตัวอักษรขึงอยู่บนผ้าผืนใหญ่ว่า ‘สไตล์คือวิธีคิด’ เบื้องหน้าคือเสื้อผ้าในคอลเลกชั่นของคุณพัฒศรีที่อยู่บนหุ่นโครงลวดซึ่งมีสีดำเป็นส่วนใหญ่จากแบรนด์ดังของโลก อันเป็นการสื่อสารระหว่างศิลปะและสไตล์ที่เชื่อมกันอย่างแยกไม่ออก และบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าสตรีผู้สวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้มีสไตล์อย่างไม่ธรรมดา และสะท้อนการมองโลกในทุกช่วงชีวิตของเธอที่เต็มอิ่มไปด้วยศิลปะ
เสื้อผ้าและเครื่องประดับทุกชิ้นของคุณพัฒศรีที่นำมาแสดงในงานล้วนเป็นชิ้นงานศิลปะที่เต็มไปด้วยงานดีไซน์อย่างสร้างสรรค์ ที่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถใส่ได้ ต้องเฉพาะผู้ที่มีสไตล์และรักงานศิลปะเท่านั้น “แว่นตา” คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในนิทรรศการนี้ เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งคู่กายคุณพัฒศรีแล้ว ยังสื่อถึงการมองในมุมมองของเธอ เป็นมุมมองของชีวิตและสิ่งที่ผ่านไป และแน่นอนว่าล้วนเป็นแว่นตาที่มีดีไซน์ไม่ธรรมดา

แว่นตาคือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณพัฒศรี บุนนาค
งานชิ้นเด่นของศิลปินชื่อดังหลากหลาย เช่น มณเฑียร บุญมา, ชาติชาย ปุยเปีย , นิติ วัตุยา, พินรี สัณฑ์พิทักษ์, มานิต ศรีวานิชภูมิ, นาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ถูกนำมาจัดวางคู่กับเสื้อผ้าอาภรณ์ของคุณพัฒศรีที่คุณพริ้งคัดสรรมามีทั้งผลงานของดีไซเนอร์ไทยและต่างประเทศ เช่น Issey Miyake, Yohji Yamamoto , Lanvin, Yves Saint Laurent, Christian Dior, Nagara ,Tirapan และ Pichita โดยจัดกลุ่มจากสิ่งที่สะท้อนออกมาทางภาพ อารมณ์และเรื่องราวที่สอดคล้องกัน เป็นการสื่อสารร่วมกันของศิลปะและสไตล์ ร้อยเรียงต่อเนื่องกันไป

เสื้อคลุม Issey Miyake กับสร้อยคอของแจ่งจรัส สุชีวะ
มีเพียงงานศิลปะชิ้นเดียวที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่สำหรับนิทรรศการนี้ คือผลงานของ จักกาย ศิริบุตร เป็นงานตัดรื้อประกอบใหม่ที่ทำมาจากผืนผ้าที่คุณพัฒศรีใช้ในชีวิตประจำวัน จักกายนำไปตัดเป็นชิ้นๆ และนำมาเย็บประกอบเป็นผืนผ้าชิ้นใหม่ที่สวยงาม ผ้าม้อฮ่อมสีครามดั้งเดิมของไทยสอดประสานกลมกลืนไปกับผ้าพลีทของ Pleats Please เป็นการบอกเล่าเรื่องราวและถ่ายทอดความเป็นตัวตนของคุณพัฒศรีได้อย่างชัดเจน
บทสัมภาษณ์บทสุดท้ายของคุณพัฒศรี บุนนาค ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ เธอเล่าถึงประสบการณ์ในช่วงแรกๆ ของการเป็นนางแบบอย่างสนุกสนานด้วยบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งจะหาใครเทียบเทียมไม่ได้อีกแล้ว อีกทั้งมุมมองของชีวิตที่น่าชื่นชม คำพูดของเธอ รอยยิ้มของเธอ และเสียงหัวเราะของเธอ จะตราตรึงอยู่ในใจของเราตลอดไป

เสื้อคลุมนำแฟชั่น Issey Miyake ในผลงานของกาย ศิริบุตร

แจ็กเก็ตสีทองของ Christian Dior
งานนิทรรศการนี้จัดแสดงถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2560 หลังจากนั้นเสื้อผ้าของคุณพัฒศรีจะนำไปประมูลต่อไป และของใช้ส่วนตัวของคุณพัฒศรี ที่ไม่ได้จัดแสดงที่เชียงใหม่ในนิทรรศการนี้ จะจำหน่ายที่ Atelier Mayasura รายได้ทั้งหมดเข้าสู่ มูลนิธิพัฒศรี บุนนาค เพื่อสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่และภัณฑารักษ์ของไทยต่อไป