งดงามและโดดเด่นด้วยโครงสร้างเสื้อผ้าที่ดูเฟมินิน ผสานงานปักชั้นครู บวกกับลายกราฟิกฝีพระหัตถ์อันเป็นเอกลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถด้านแฟชั่นของเจ้าหญิงดีไซเนอร์ ‘พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์’
สำหรับคอลเลกชั่น Horse, Helen, Henri ประจำฤดูกาลสปริง / ซัมเมอร์ 2018 ภายใต้แบรนด์ ‘SIRIVANNAVARI’ และ S’HOMME ประกอบด้วยจำนวนเสื้อผ้าทั้งสิ้น 57 ลุค แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรี 50 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 7 ลุค
มีความโดดเด่นที่หลากหลายตั้งแต่ชุดราตรียาวแนวโรแมนติกสีขาวที่ตกแต่งด้วยระบายทั้งตัว ชุดราตรีที่ปักระยับด้วยดอกไม้สามมิติสีแดง พร้อมด้วยการปักขนนกสามมิติ และรูปเกือกม้าที่ปักด้วยคริสตัล ไปจนถึงลุคที่ทะมัดทะแมงอย่างเสื้อแจ็คเก็ตทหารนโปเลียนสีกรมท่าที่ปกเสื้อปักลายรวงข้าวและผึ้งด้วยดิ้นทองที่เข้าคู่กับกางเกงเอวสูง
ไปจนถึงลุคแนว deconstructive ที่ดูเด่นด้วยเสื้อผ้าเดนิมชายลุ่ย (แบบ raw edge) ที่ตัดต่อเฉลียงด้วยผ้าซีทรูช่วงชายเสื้อที่เข้าคู่กับกางเกงยีนสีขาว และชุด Bustier (บุสติเยร์) หนังที่โดดเด่นด้วยลายเพ้นท์มือ
สิ่งพิเศษที่เห็นได้อย่างชัดเจนในคอลเลคชั่นนี้ก็คือ งานปักจากช่างฝีมือชั้นครู ซึ่งพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ได้ทรงก่อตั้ง SIRIVANNAVARI Atelier and Academy ขึ้นมาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานการปักชั้นเลิศ โดยซีซั่นนี้ได้นำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ ดิ้นทอง ขนนก คริสตัล ดอกไม้ ไปจนถึงงานปักฝีมือสุดปราณีตที่เรียกว่า Appliqué (แอปปลิเก้ หรือ งานปักสามมิติ)
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็คือลายพิมพ์ภาพกราฟฟิก ทรงออกแบบ ซึ่งในซีซั่นนี้องค์ดีไซเนอร์ได้ทรงออกแบบลายพิมพ์ที่ถ่ายทอดจินตนาการของบทกลอน
พระนิพนธ์ ดังนั้นภาพกราฟฟิกจะแบ่งเป็น 2 คอนเซ็ปต์เป็นหลักอย่างแรกคือลวดลายกราฟฟิกที่ประกอบด้วยม้าและอุปกรณ์ม้า
ส่วนอย่างที่สองคือลวดลายกราฟฟิกที่มีดอกไม้ ผึ้งและรวงข้าว โดยลายกราฟฟิก ทรงออกแบบนี้ ได้ปรากฎให้เห็นอยู่บนผ้าพันคอหลากหลายขนาด ตั้งแต่ผ้าพันหูกระเป๋า ไปจนถึงผ้าคลุมไหล่ (120 ซม. X 120 ซม.)
นอกจากนี้ คอลเลคชั่นล่าสุดยังนำเสนอคอลเลคชั่นเครื่องประดับจิวเวลรี่ที่ดูวิจิตรตระการตาภายใต้ ธีมของคอลเลคชั่นเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน ดังนั้น รูปทรงอย่าง ม้า อุปกรณ์ม้า รวงข้าว ดอกป๊อปปี้ จึงปรากฏให้เห็นอยู่ในรูปแบบของเครื่องประดับจิวเวลรี่เช่นกัน สิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ก็คือ เป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่มีการผลิตเซ็ท Fine Jewelry ขึ้น ซึ่งมีทั้ง แหวน สร้อยคอ และต่างหู
สำหรับคอลเลคชั่นเครื่องหนังในซีซั่นนี้ มีความโดดเด่นที่เทคนิคการตัดเย็บหนังที่มีความละเอียดอ่อน ทั้งการฉลุด้วยเลเซอร์และการสานหนัง ดังเห็นได้จากกระเป๋าทรงกระบอกดูเก๋ด้วยหนังสานและประดับด้วยโลหะทองและดอกไม้ หรือจะเป็นกระเป๋าแบบ Tote Bag ที่ดูงดงามด้วยการฉลุหนังด้านข้างด้วยเลเซอร์และดูพิเศษด้วยลายเพ้นท์มือบนกระเป๋า ในขณะที่คอลเลคชั่นรองเท้าก็เผยให้เห็นเรียวเท้าของผู้สวมใส่ด้วยวัสดุโปร่งใสที่นำมาตัดเย็บ และดูเซ็กซี่ด้วยรายละเอียดของเชือกรองเท้า ที่ดูคล้ายเชือกรัดชุดคอร์เซ็ท มีทั้งแบบรองเท้าแตะ รองเท้าส้นสูง 3.5 – 4 นิ้ว ไปจนถึงรองเท้าบู้ทหนังสาน
เพื่อความสมบูรณ์ของคอลเลคชั่น องค์ดีไซเนอร์ทรงออกแบบคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำซึ่งทำให้ผู้สวมใส่เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยโครงสร้างแบบ Cut Out อวดเรือนร่างของหญิงสาว และเพิ่มความมีระดับด้วยการประดับคริสตัลสวารอฟสกี้สีสั่งทำพิเศษเฉพาะ (Custom made) อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อไลฟ์สไตล์ที่โก้หรูสำหรับทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
นอกจากคอลเลคชั่นของสุภาพสตรีแล้ว ในซีซั่นนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังทรงออกแบบคอลเลคชั่นสำหรับสุภาพบุรุษภายใต้แบรนด์ S’Homme (เอส ออม)อีกด้วย
โดยสไตล์ของเสื้อผ้าสุภาพบุรุษนั้น มีความโก้หรู แต่ดูลำลองสไตล์บ้านไร่ในยุโรป ที่สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของเฮนรี่ ตัวละครหลักจากบทพระนิพนธ์ ดังเห็นได้จากเสื้อแจ็คเก็ตทรงนโปเลียนที่ปักระยับด้วยดิ้นทองที่คอเสื้อ สาบเสื้อและชายแขนหรือจะเป็นชุดสูทกระดุมคู่ ที่กุ๊นขอบด้วยผ้าแดง ซึ่งเข้าคู่กับ กางเกงขลิบลายแดงด้านข้าง ไปจนถึงเสื้อโค้ททหารลายก้างปลาที่เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ขาวที่ปักโลโก้อักษร S ด้วยดิ้นทอง และเสื้อแจ็คเก็ตผ้าวูลที่มีฮู้ด ส่วนเสื้อเชิ้ตก็ตกแต่งการตีเกล็ดที่แขนเสื้อและหลังเสื้อ
ในขณะที่คอลเลคชั่นรองเท้าก็นำเสนอทั้งรองเท้าหนังดำผูกเชือกและรองเท้าผ้าใบ นอกจากนี้แล้ว คอลเลคชั่นล่าสุด ยังนำเสนอแอกเซสซอรีอย่างครบครัน ทั้งเข็มกลัดปักเสื้อสูทรูปรวงข้าว ไปจนถึงเนคไทลายพิมพ์เอกลักษณ์ประจำฤดูกาล
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งปิดท้ายว่า “นอกจากคอลเลคชั่นเสื้อผ้าแล้ว ในปีนี้ ข้าพเจ้ายังได้ประพันธ์เพลงใหม่ให้แก่วง Royal Bangkok Symphony Orchestra ไว้ใช้บรรเลงประกอบโชว์อีกด้วย ซึ่งบทเพลงที่ข้าพเจ้าได้ประพันธ์นั้นมี 5 ท่อนครึ่ง และเป็นเพลงแนวนีโอโรแมนติก ที่มีความโมเดิร์น ผสมด้วยกลิ่นอายของกีต้าร์อะคูสติก โดยบทเพลงบ่งบอกความรู้สึกและความสัมพันธ์ระหว่าง เฮนรี่และเฮเลนอีกด้วย โดยมีเสียงของเครื่องพิมพ์ดีดเป็นลูกเล่นในเพลง เพื่อสะท้อนถึงจดหมายที่เฮเลนพิมพ์หาเฮนรี่”
“การอยู่ร่วมกันทำให้ฉันรำลึกได้ถึงตัวตนอันเป็นปัจจุบัน และได้เรียนรู้ว่ารักคืออะไร ความสุขใจที่ระลึกอยู่ในจิตวิญญาณของฉัน ความห่วงหาและการสัมผัสนั้น ฉันจะรอ”