การเดินทาง 15 ปีของ ASAVA ถ่ายทอดความสง่างามของผู้หญิงผ่าน 40 ลุคบนรันเวย์สุดยิ่งใหญ่
ASAVA เฉลิมฉลองโอกาส ครบรอบ 15 ปี โดยจัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้ชื่อ ‘Asava 15th Anniversary’ ที่เปรียบเสมือน Love Letter แทนคำขอบคุณถึงผู้หญิงทุกคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ดีไซเนอร์มือฉมัง ‘คุณหมู – พลพัฒน์ อัศวะประภา’ ในการสร้างสรรค์ผลงานมาจวบจนถึงปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลานับตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่ Asava ยังคงยึดมั่นเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นปรัชญาในการสร้างสรรค์ผลงานมาโดยตลอดอย่างไม่เปลี่ยนแปลงคือ ความงามที่แท้จริง ซึ่งสะท้อนออกมาจากตัวตนและความคิดของผู้หญิงแต่ละคน สิ่งเหล่านี้ได้กลายมาเป็นความเชื่อและอัตลักษณ์อันเด่นชัดของแบรนด์ สะท้อนผ่านความเรียบง่าย
ความสง่างามที่แฝงไปด้วยรายละเอียดในแบบฉบับ Asava ซึ่งกลายมาเป็นภาพจำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

คุณหมู – พลพัฒน์ อัศวะประภา ผู้ก่อตั้ง Asava เผยความรู้สึกต่อแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ว่า “เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีของ Asava ผมขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณผ่านแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษที่เปรียบเสมือน Love Letter ไปยังผู้หญิงทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตอย่างคุณแม่ของผม ลูกค้าทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ เพื่อนๆ ตลอดจนผู้หญิงทุกๆ คนซึ่งล้วนแล้วแต่มีความละเอียดอ่อนและความแตกต่างที่หลากหลาย”
“ทุกคนเป็นดั่งแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของ Asava มาตลอดระยะเวลา 15 ปี โดยแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ นอกเหนือไปจากการแสดงผลงานคอลเล็กชั่นพิเศษที่ถ่ายทอดตัวตน ความพิถีพิถัน งานฝีมือ และรายละเอียดการตัดเย็บอันประณีตอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Asava ออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ยังมีการต่อยอดนำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทยผ่านการใช้ผ้าไหมจากอำเภอปักธงชัย และจิม ทอมป์สันเข้ามาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของคอลเล็กชั่นอีกด้วย”
โดยแฟชั่นโชว์สุดตระการตาครั้งนี้ได้นำเสนอผ่านดีไซน์สุดพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่กว่า 40 ชุด พร้อมทั้งโครงชุดอันเป็นซิกเนเจอร์ในแบบฉบับ Asava ไม่ว่าจะเป็น โครงเสื้อไหล่เดียว (One-shoulder) เคปเดรส (Cape dress) เทรนช์เดรส (Trench dress) เสื้อสูทและกางเกงเข้าชุด (Pantsuit) ตลอดจนรายละเอียดอย่างการจับเดรป การเล่นกับองค์ประกอบที่มีความคอนทราสต์ และการใช้ผ้าลายทาง (Stripe) อันเป็นเอกลักษณ์
ไฮไลต์ของแฟชั่นโชว์ฉลองครบรอบ 15 ปีนี้ อยู่ที่การนำเสนอเรื่องราวของ Asava ซึ่งถูกร้อยเรียงเป็น 4 องก์
ผ่าน 4 บทเพลง ซึ่งบรรเลงโดยวงออร์เคสตรา บอกเล่าถึงแต่ละช่วงเวลาตั้งแต่จุดเริ่มต้นความฝัน การก่อตั้งแบรนด์
การเดินทาง ไปจนถึงการตระหนักรู้ในตัวตน และการมองไปข้างหน้า อันประกอบไปด้วย



องก์ที่ 1 (บทนำ)
บทเพลง Forbidden Colours ของ Ryuichi Sakamoto
เริ่มต้นด้วยเรื่องราวเบื้องหลังของเด็กชายคนหนึ่งผู้มีความชื่นชอบและความหลงใหลในแฟชั่น ท่ามกลางบริบทของสังคม ยิ่งทำให้ฝันนั้นราวกับเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่มีวันเป็นจริง



องก์ที่ 2
บทเพลง Everybody Wants to Rule the World ของ Tears for Fears
บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการก่อตั้งแบรนด์พร้อมความฝันอันยิ่งใหญ่ ที่อยากจะสร้างสรรค์ผลงานที่เปรียบเสมือนโลกอีกใบ พร้อมเพลิดเพลินในโลกแห่งจินตนาการโดยทิ้งโลกแห่งความเป็นจริงไว้ข้างหลัง มุ่งมั่นนำเสนอความสง่างามอย่างแท้จริงด้วยจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ และปรัชญาการทำงานอันชัดเจนแน่วแน่ของคนที่มีความฝันอย่างแรงกล้า อันเป็นรากฐานและความเชื่อที่สำคัญของ Asava



องก์ที่ 3
บทเพลง Sweet Dreams โดย Eurythmics
เมื่อโลกแห่งความฝันได้ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความเป็นจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากในองก์แรกเปรียบเสมือนฝันดี ที่ทุกๆ คนล้วนอยากให้คงอยู่ตลอดกาล ในองก์ 3 นี้คงเปรียบได้กับความเป็นจริงที่ว่า ทุกคนล้วนต้องตื่นขึ้นจากฝันและเผชิญหน้ากับความจริง และคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เฉกเช่นเดียวกับการสร้างสรรค์ผลงานที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน เติบโต และพัฒนาอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่หยุดนิ่ง



องก์ที่ 4 (บทส่งท้าย)
บทเพลง There Must Be An Angel (Playing With My Heart) โดย Eurythmics
ปิดท้ายด้วยบทเพลงซึ่งเปรียบเสมือนการตกผลึกทางความคิด และการตระหนักถึงความสุขจากการได้รับการสนับสนุนและการตอบรับที่ดีจากทุก ๆ คน ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ความชัดเจนและความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลงานและถ่ายทอดความงามที่แท้จริงอันหลากหลายของผู้หญิง รวมไปถึงการได้รับแรงบันดาลใจจากผู้หญิง ตลอดจนผู้คนที่ได้ร่วมทำงานกับแบรนด์นับตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งทุก ๆ คนเปรียบเสมือน Angel ที่กล่าวได้ว่ามอบทั้งความสุขที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ และเป็นแรงผลักดันที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้กับแบรนด์เสมอมา



นอกเหนือไปจากเรื่องราวซึ่งร้อยเรียงความหมายผ่านบทเพลงและโชว์พิเศษในครั้งนี้แล้ว ทางแบรนด์ยังได้เนรมิตสวนของ ปาร์คนายเลิศ สถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำที่หล่อหลอมตัวคุณหมูและแบรนด์ Asava ขึ้นมา ให้กลายเป็นรันเวย์ทั้งหมด
เพื่อสะท้อนถึงจุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนแบรนด์ อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นไทยร่วมสมัย ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของ Asava ในการนำเสนอและยกระดับแบรนด์แฟชั่น ตลอดจนธุรกิจสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล