เปิดใจ ‘เจ็ท เชงก์แมน’ เบื้องหลังฉลองพระองค์ดัสเชสเคท และเดรสผ้าม้งในงานแต่งเจ้าชายแฮร์รี่!
หากเราย้อนกลับไปเมื่อพระราชพิธีเสกสมรส ระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่ และดัสเชสแห่งซัสเซ็กส์ หลายคนก็คงจะจำชุดของ Cressida Bonas ได้แน่ๆ เพราะเธอใส่เดรสสีชมพูดสวยซึ่งผ้าที่ใช้ตัดเย็บนั้น มาจากชนเผ่าม้งทางตอนเหนือของเมืองไทย ผลงานของ ‘Eponine’ อีกหนึ่งแบรนด์ซึ่งเป็นที่รักของเหล่าเซเลบริตี้และราชวงศ์อังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัสเชสแห่งเคมบริดจ์ที่เคยฉลองพระองค์เดรสลายตารางสีขาวและแดงได้อย่างสง่างาม คราวนี้ HELLO! ประเทศไทยมีโอกาสพิเศษได้พูดคุยกับ ‘เจ็ท เชงก์แมน’ ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Eponine ถึงเบื้องหลังผลงานของเธอ และความหลงใหลในประเทศไทยที่เธอไม่เคยบอกใคร!!

รู้หรือไม่ว่าเดรสผ้าม้งตัวนั้นได้รับความสนใจในประเทศไทยมากๆ ช่วยพูดถึงแรงบันดาลใจของคุณหน่อยได้ไหม?
ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 31 ปีที่แล้วเชียวล่ะ ฉันกับสามีตัดสินใจไปฮันนีมูนที่เชียงใหม่ เราใช้เวลา 2 คืนที่หมูบ้านม้งแห่งหนึ่ง สีสันและสไตล์การปักผ้าของชาวบ้านมันสวยและติดตาฉันตลอดเวลา จนเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ตอนเริ่มทำแบรนด์ ฉันก็เริ่มคิดแล้วว่าเราจะหาผ้าอย่างนั้นมาใช้ในงานได้ยังไง ในที่สุดก็ได้เจอซัพพลายเออร์ที่พวกเขาสามารถหาชิ้นงานเหล่านั้นได้


แล้วอะไรคือเสน่ห์ของผ้าเหล่านี้?
ก็อย่างที่บอกไปว่าฉันหลงใหลในทั้งสีสันและวิธีการปัก อาจจะรวมไปถึงเรื่องราวซึ่งอยู่เบื้องในงานแต่ละชิ้นด้วย เสื้อแต่ละตัวที่ฉันออกแบบ จะประกอบด้วยผ้าหลายๆ ส่วนจากหลายๆ ที่ นั่นแปลว่ามันจะเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าสนใจ ยังไม่รวมกับผ้าบางผืนที่ได้มานั้นเป็นงานแอนทีค ก็ยิ่งเติมไฟในการทำงานได้มากๆ เลย


จากผลงานที่ผ่านๆ มา คุณชอบสร้างซิลูเอ็ตต์แบบในยุค 50s และ 60s?
ใช่แล้วค่ะ ฉันชอบความเอเลเก้นต์แบบฟิมินีนในยุคนั้นมากๆ ผู้หญิงในยุคนั้นจะแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้อย่างเต็มที่ ไม่เหมือนตอนนี้ที่เส้นแบ่งระหว่างเพศเริ่มหายไป และฉันคิดว่าสวมใส่แล้วสบายตัวกว่าเสื้อผ้าในยุคนี้ด้วยซ้ำ

นี่คือสิ่งที่ทำให้ Eponine แตกต่างจากแบรนด์อื่น?
แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น คือนอกจากสไตล์ สี และสัมผัสจากเนื้อผ้าที่ไม่เหมือนแบรนด์อื่นแล้ว ฉันคิดว่าดีไซน์มันเหมาะกับผู้หญิงทุกวัย และไม่ว่าคุณจะมีหุ่นรูปทรงไหน ก็ใส่ได้สวยอย่างมั่นใจ!

อาจมีคนไทยอีกเยอะที่อยากรู้จักคุณมากกว่านี้ ช่วยเล่าจุดเริ่มต้นให้เราฟังหน่อยได้ไหม?
Eponine กำเนิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว หลังจากที่ลูกๆ ของฉันโตกันหมด ก็เลยถามตัวเองว่าจะ “เอายังไงต่อ” กับชีวิตตัวเองดี โดยทุนเดิมฉันมีความสนใจเรื่องแฟชั่นอยู่แล้ว เคยมีประสบการณ์เป็นสไตล์ลิสต์มาหลายครั้งในต่างประเทศ บวกกับความชอบเรื่องวินเทจ แรกๆ แค่คุยกับเพื่อนเราว่าหาที่เปิดร้านขายเสื้อผ้ากันไหม แต่ทำไปทำมาก็เกิด Eponine ขึ้น หลังจากนั้นฉันก็ได้ปีต้าร์เข้ามาเป็นดีไซเนอร์ เราช่วยกันคิดแพทเทิร์น ทำแซมเปิ้ล และได้ทำในหลายสิ่งที่ตั้งใจไว้เลย

แล้วคอลเลกชั่นใหม่ล่ะ จะได้เห็นความเป็นเอเชียในผลงานคุณอีกหรือเปล่า
ตอนนี้กำลังลังสร้างสรรค์คอลเลกชั่นใหม่กันอยู่ แต่แอบบอกได้เลยว่าในคอลเลกชั่นนี้ จะยืมแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าในยุค 50s, 60s และ 80s ซึ่งยังมีกลิ่นอายของผ้าม้งจากประเทศไทย ผ้าไหมจากอินเดีย และผ้ากิโมโนจากประเทศญี่ปุ่น เพราะฉันชอบการประยุกต์ และใช้ผ้าแต่ละผืนให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราอาจจะเอาผ้าเหล่านี้มาดีไซน์ใหม่เป็นเดรส หรือกระโปรงแบบตะวันตก ที่ยังคงบอกเล่าถึงดีเอนเอของแบรนด์ได้ดี!

แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้คุยกัน แต่เชื่อมั้ยว่าเรารู้สึกตื่นเต้นมากๆ ที่มีดีไซเนอร์เนอร์จากฝั่งตะวันตกเห็นคุณค่าที่อยู่ในผ้าทอพื้นบ้านขนาดนี้ ที่สำคัญคือได้รับการออกแบบให้สวยร่วมสมัย ใส่ได้ในทุกงานสำคัญ ใครสนใจของแวะเวียนเข้าไปดูได้ที่ www.eponinelondon.com บอกเลยว่าสีสันคัลเลอร์ฟูลน่าใส่ทุกตัว!
Photo Credit: Eponine