Gucci Art Lab นิทรรศการสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่โชว์งานศิลป์และนวัตกรรมเบื้องหลังผลงานทุกแขนงของกุชชี่
ใครที่เป็นแฟนแบรนด์ของ Gucci (กุชชี่) แฟชั่นเฮ้าส์อายุนับศตวรรษที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความรู้ความชำนาญของช่างฝีมือชั้นเลิศนับพันชีวิตที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จะต้องตื่นตาตื่นใจกับงานล่าสุดที่ทางกุชชี่ได้ยกนิทรรศการพิเศษ Gucci Art Lab ศูนย์งานฝีมือและนวัตกรรมแห่งอนาคตมาไว้ยังชั้น 27 อาคารโครนอส สาทร กรุงเทพฯ
นิทรรศการสุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองขนบธรรมเนียม นวัตกรรม และงานฝีมือชั้นสูงของแบรนด์ สะท้อนให้เห็นถึงมรดกในช่วงวัยเยาว์ของ Guccio Gucci ผู้ก่อตั้ง ผ่านประสบการณ์เสมือนจริงที่พาย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างสรรค์และงานฝีมืออันน่าทึ่ง ซึ่งกลายมาเป็นที่มาของการสร้างสรรค์ผลงานทุกชิ้นในปัจจุบัน
โดย ‘คุณใหม่ – ดาวิกา โฮร์เน่’ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดได้นำทัพเหล่าเซเลบริตี้คนดังมาร่วมเยี่ยมชมงานนิทรรศการตามห้องต่างๆ ทั้ง ‘คุณศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช’ , ‘คุณปอย – ตรีชฎา หงษ์หยก’ , ‘คุณกลัฟ – คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์’ , ‘คุณต่อ – ธนภพ ลีรัตนขจร’ ตลอดจน ‘คุณต้าเหนิง – กัญญาวีร์ สองเมือง’



นิทรรศการ Gucci Art Lab ประกอบด้วยห้องต่างๆ อันน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ละห้องถ่ายทอดมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ตลอดเส้นทางการสร้างสรรค์ของเหล่านักออกแบบและช่างฝีมือของ Gucci รวมถึงมีการจัดแสดงผลงาน High End ทั้งหมด 6 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
- High Jewelry and High Watches
- Precious Skin Handbags
- Evening Gowns
- Women’s Made to Measure & Made to Order Ready-to-Wear
- Men’s Made to Measure & Made to Order Ready-to-Wear
- Gucci Valigeria



ห้องสเก็ตช์ภาพ: จุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างสรรค์
ห้องสเก็ตช์ภาพสะท้อนให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานของนักออกแบบที่เริ่มจากภาพสเก็ตช์ ขึ้นเป็นแพทเทิร์นเพื่อให้ช่างสร้างต้นแบบ 3 มิติจากกระดาษ
โดยในห้องนี้จัดแสดงตัวอย่างแพทเทิร์นกระดาษที่ใช้เป็นต้นแบบสำหรับกระเป๋าถืออันเป็นซิกเนเจอร์ของ Gucci โชว์กระบวนการสร้างสรรค์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากนักออกแบบไปยังช่างผู้มีทักษะชั้นสูงในเมืองฟลอเรนซ์
ภายในห้องสเก็ตช์ภาพ มีการจัดแสดงเครื่องหนังราคาสูง กระเป๋าถือ และ Valigeria คอลเล็กชั่นสำหรับการเดินทาง พร้อมกับภาพสเก็ตช์จากฝ่ายออกแบบ รวมทั้งวิดีโอแสดงการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ อาทิ Aphrodite, Ophidia, Horsebit, Jackie, และ Marmont โดยมีแพทเทิร์นของชิ้นงานหลากหลายเป็นองค์ประกอบหลักในการจัดแสดง



ห้องวัสดุ: วัสดุชั้นเลิศจากช่างฝีมือของ Gucci
หากห้องสเก็ตช์ภาพคือจุดเริ่มต้นของจินตนาการ ห้องวัสดุ ก็คือสถานที่ที่ความชำนาญในงานฝีมือของ Gucci กลายเป็นรูปธรรม
งานของช่างฝีมือของ Gucci เริ่มจากวัสดุที่มีคุณภาพชั้นเลิศบนโต๊ะทำงานในเมืองฟลอเรนซ์ จัดแสดงวัสดุหลากหลาย นับตั้งแต่หนังราคาสูงอย่างหนังจระเข้ หนังนกกระจอกเทศ หนังงู ไปจนถึงผ้าชนิดต่าง ๆ อย่างผ้าไหม ลูกไม้ กำมะหยี่ ขนสัตว์ และไม้ไผ่ แสดงถึงจิตวิญญาณอันเป็นนวัตกรรมที่เป็นบุคลิกเฉพาะตัวของ Gucci
ในปีค.ศ.1947 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดการขาดแคลนวัสดุอย่างหนัง Guccio Gucci และช่างฝีมือชาวฟลอเรนซ์ผู้มีวิสัยทัศน์ ตัดสินใจใช้ไม้ไผ่ที่น้ำหนักเบาและทนทานมาทำเป็นหูจับกระเป๋าถือ
หนังแบบเดิมตัดกันกับหูจับไม้ไผ่อย่างสง่างาม เป็นการท้าทายกฎเกณฑ์แห่งสุนทรียศาสตร์ในยุคนั้น



ห้องงานฝีมือ: ทักษะความชำนาญผสานงานศิลป์
งานออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นโดยช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตตลอดทั้งกระบวนการ ทุกขั้นตอนดำเนินไปด้วยทักษะ ความชำนาญ และความพิถีพิถันในรายละเอียด
การตัดและขึ้นรูปวัสดุเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและต้องอาศัยประสบการณ์ของช่างฝีมือเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับวัสดุต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ห้องนี้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือที่มีทักษะขั้นสูง ซึ่งสะท้อนผ่านกระบวนการผลิตที่แม่นยำและความงดงามทางศิลปะ อาทิ
- หนังราคาสูง: มีเพียงสายตาและฝีมือของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่เข้าใจว่าจะดึงเอาคุณลักษณะของหนังจระเข้ออกมาได้อย่างไร รวมทั้งวิธีการตัดหนังเพื่อให้ได้ลักษณะตามที่นักออกแบบต้องการ
- ไม้ไผ่: การสร้างสรรค์หูจับกระเป๋าถือที่มีรูปทรงโค้ง ต้องใช้กระบวนการพิเศษใน Gucci Art Lab โดยช่างฝีมือที่ได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ ช่างจะขึ้นรูปวัสดุด้วยการนำไปลนไฟ ซึ่งต้องอาศัยความรู้ความชำนาญตามสัญชาตญาณของช่าง ด้วยธรรมชาติของไม้ไผ่และการขึ้นรูปด้วยมือ ทำให้หูจับกระเป๋าถือทุกชิ้นมีลักษณะแตกต่างกัน ดังนั้น Gucci Bamboo 1947 และกระเป๋า Gucci Diana ทุกใบ จึงมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Gucci Art Lab นำเสนอประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างสรรค์งานช่างฝีมือ งานศิลป์ที่พิถีพิถัน และนวัตกรรม เป็นเครื่องแสดงถึงความทุ่มเทในการรักษาขนบธรรมเนียมของแบรนด์ขณะที่ยังคงเดินหน้าขยายขอบเขตความคิดสร้างสรรค์ผ่านการนำเสนอวิธีการทำงานเบื้องหลังกระบวนการสร้างสรรค์งานศิลป์ชั้นเลิศ