วิจิตรบรรจงอย่างยิ่งกับคอลเลกชั่นทรงออกแบบที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงนำมาออกแสดงแฟชั่นโชว์ในค่ำคืนของวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกย้อมด้วยสีฟ้าครามพร้อมเสียงขับกล่อมจากวงออร์เคสตร้าระดับชาติอย่างวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ ซึ่งสอดคล้องกับเสื้อผ้าประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2017 ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ S’Homm ที่บอกเล่าเรื่องราวของความรักหว่างเทพธิดาแห่งท้องทะเลกับชายหนุ่มปุถุชนผ่านเทคนิคเด่นอย่างงานปักเลื่อมได้อย่างลงตัว

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงมีรับสั่งว่า “ข้าพเจ้าได้ประพันธ์กลอนไว้หนึ่งบท ซึ่งเป็นเรื่องราวของความรักระหว่างคนและเทพธิดาแห่งท้องทะเล หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็ได้นำเรื่องราวดังกล่าว มาตีความเป็นแฟชั่นในคอลเลคชั่นสปริง/ซัมเมอร์นี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเสื้อที่มีความพริ้วไหวและอ่อนหวาน เทคนิคการตัดเย็บที่ทำให้เสื้อมีความเป็นเฟมินีนขึ้นไปอีก งานปักที่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด รวมไปถึงการนำสัญลักษณ์ต่างๆ ทั้ง ภาพจักราศรี พระจันทร์ ดวงดาว ม้าน้ำ เข็มทิศ ปะการัง เปลือกหอย ลายทางกะลาสี แมงกะพรุน ฯลฯ มาแสดงถึงจินตนาการของข้าพเจ้าเพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงคอนเซ็ปท์ของคอลเลคชั่นล่าสุดนี้”


ทรงมีรับสั่งต่อว่า “สำหรับคอลเลคชั่นนี้ ถ้าดูอย่างผิวเผินก็จะดูเหมือนว่าเสื้อผ้านั้นเรียบง่ายมาก แต่ถ้าดูอย่างละเอียดหรือได้สัมผัสเนื้องาน จะรู้เลยว่าโครงเสื้อและแพทเทิร์นเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายนั้น ได้แล้วซ่อนเทคนิคที่ซับซ้อนและรายละเอียดอันหลากหลาย อาทิ เทคนิคการจับเดรปผ้าเจอร์ซี่ย์แบบเทพธิดากรีก (Greek Goddess drapery) เทคนิคการพิมพ์ผ้าแบบ Wood Cut ตามแบบฉบับของญี่ปุ่นไว้ซึ่งข้าพเจ้าใช้เวลาทำนับเดือน”

สำหรับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าทรงออกแบบสำหรับสุภาพสตรีประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2017ประกอบด้วยจำนวนเสื้อผ้าทั้งสิ้น 54 ลุค แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรี 48 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 6 ลุค มีความโดดเด่นที่หลากหลาย
สิ่งพิเศษที่เห็นได้อย่างชัดเจนในคอลเลคชั่นนี้ ก็คือ งานปักจากช่างฝีมือชั้นครู ซึ่งเป็นทีมช่างปักของแบรนด์ SIRIVANNAVARI เองโดยนำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ งานปักลูกปัดคริสตัลระยับรูปดาวบนไบเกอร์โค้ต การปักบทกลอนและสัญลักษณ์แห่งท้องทะเลบนผ้าบุหงา (ผ้า Tulle) ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความประณีตเป็นอย่างสูง

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็คือลายพิมพ์ภาพกราฟฟิคทรงออกแบบ ซึ่งในซีซั่นนี้ องค์ดีไซเนอร์ได้ทรงออกแบบลายพิมพ์ที่ถ่ายทอดจินตนาการของบทกลอนพระนิพนธ์ที่เกี่ยวกับความรักของชายหญิงคู่หนึ่งจากการเดินทางในท้องทะเล ดังนั้นภาพกราฟฟิคจะเป็นรูปภาพของคลื่นทะเล ท้องฟ้า พระจันทร์ ดวงดาว สัตว์ต่างๆ ในท้องทะเล ลายกะลาสี และภาพสัญลักษณ์จักราศรี นอกจากนี้ องค์ดีไซเนอร์ยังได้ทรงนำเทคนิคการพิมพ์ผ้าแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า Wood Cut มาใช้อีกด้วย ซึ่งเทคนิคดังกล่าวพระองค์หญิงทรงนำแท่นพิมพ์ไม้มาแกะสลักให้เป็นลายภาพ หลังจากนั้นจึงทรงทำการพิมพ์ภาพลงไป ซึ่งเทคนิคนี้จะให้สัมผัสของภาพพิมพ์ที่แตกต่างออกไป โดยพระองค์หญิงทรงออกแบบลายพิมพ์แบบ Wood Cut ถึง 3 ลายด้วยกัน ได้แก่ ท้องฟ้าและคลื่น คลื่นทะเลและดวงดาวกับนกยูง
เพื่อความสมบูรณ์ของคอลเลคชั่นทรงออกแบบคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำซึ่งทำให้ผู้สวมใส่เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยโครงสร้างแบบ Cut Out อวดเรือนร่างของหญิงสาว และเพิ่มความมีระดับด้วยการประดับคริสตัลซวารอฟสกี้สีสั่งทำพิเศษเฉพาะ (Custom made) อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อไลฟ์สไตล์ที่โก้หรูสำหรับทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี

นอกจากพระปรีชาสามารถในด้านแฟชั่นแล้ว ในปีนี้พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ยังได้แสดงพระอัจฉริยะภาพด้านดนตรี โดยทรงนิพนธ์บทเพลงสำหรับคอลเลคชั่นนี้ โดยบทเพลงพระนิพนธ์ SERENITY พระองค์หญิงได้ทรงนิพนธ์ทั้งคำร้องซึ่งมาจากบทกวีพระนิพนธ์ 3 บทซึ่งเป็นเรื่องราวของความปรารถนา ความรัก การรอคอย และกาลเวลา ที่ผูกร้อยแรงบันดาลใจของ Sirivannavari Spring/Summer 2017 Collection ด้วยบรรยากาศของ ท้องทะเล ความรัก และความสงบ ซึ่งพระองค์หญิงได้ทรงถอดคำจากบทกวีพระนิพนธ์มาร้อยเรียงใหม่เพื่อทรงนำมาเรียบเรียงทำนองและเสียงประสานโดยพระองค์หญิงทรงเป็น Creative director สำหรับบทเพลงพระนิพนธ์ด้วย บทเพลงพระนิพนธ์นี้อยู่ในรูปแบบของซิมฟานี ออเครสต้า และบรรเลงโดยวง RBSO (Royal Bangkok Symphony Orchestra)
นอกจากความงดงามของอาภรณ์และบรรยากาศสุดตระการตาแล้ว เหล่าคนดังและเซเบรี้ตี้ของไทยหลากหลายวงการก็ต่างมาร่วมชื่นชมในพระปรีชาสามารถของเจ้าหญิงนักออกแบบในชุดแบบจัดเต็ม อาทิเช่น พัชรพิมล ยังประภากร, อรชุมา ดุรงค์ , ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก , ชุติมา ดุรงค์เดช และอีกหลายท่าน เป็นอีกหนึ่งสีสันที่เติมเต็มค่ำคืนนี้ให้สมบูรณ์แบบ

คุณพัชรพิมล ยังประภากร