เรียกได้ว่ากาแฟนั้นเปรียบเสมือนยาวิเศษสำหรับคนทำงาน ที่ทำหน้าที่บูทพลังให้ร่างกายกระฉับกระเฉงตื่นตัวไม่ง่วงในขณะทำงาน แต่กาแฟแบบไหนล่ะที่จะเหมาะกับเรา? วันนี้ HELLO! ขอพาไปทำความรู้จักกับกาแฟ 7 เมนูที่จะบ่งบอกสไตล์ของตัวคุณเอง จะมีอะไรบ้างไปดูกันได้เลย! 7 เมนูกาแฟที่บ่งบอกสไตล์
Espresso (เอสเปรสโซ่)
Coffee cup with burlap sack of roasted beans on rustic table
เริ่มต้นกันที่ ‘เอสเปรสโซ่’ ที่มาจากภาษาอิตาลี Caffè Espresso (คัฟเฟ่ เอสเปรสโซ่) แปลว่า “กาแฟที่ถูกดันออกมา” มาจากกลวิธีการทำที่ใช้แรงดันจากน้ำที่กำลังเดือดให้พุ่งผ่านเมล็ดกาแฟที่ถูกคั่วหมดแบบละเอียดอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเมนูกาแฟดำสุดเข้มข้น ทำให้เหลือเพียงกลิ่นและรสของกาแฟแบบเพียวๆเท่านั้น ทั้งยังให้พลังงานต่ำตอบโจทย์คนที่กำลังไดเอทอยู่ด้วย แต่อาจไม่เหมาะกับคอกาแฟมือใหม่ เพราะรสชาติอันสุดเข้มข้น
Mocca (มอคค่า)
ต่อกันด้วย ‘มอคค่า’ กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ ที่มีความคล้ายคลึงโกโก้ในเรื่องของกลิ่นและสี ทำให้รู้สึกว่ามีส่วนผสมของช็อคโกแลตอยู่ด้วยเวลาดื่ม ทั้งนี้ในปัจจุบันได้มีการนำเอาเอสเปรสโซ่มาผสมกับช็อคโกแลตหรือโกโก้ เพื่อให้ถูกปากคนกินกาแฟที่ไม่ชอบกาแฟรสเข้มข้นมากนัก
Latte (ลาเต้)

มาถึงกันที่อีกหนึ่งเมนูกาแฟที่เชื่อว่าเป็นแก้วโปรดของใครหลายๆคนอย่าง ‘ลาเต้’ ที่มีความหวานมันและนุ่มละมนของฟองนม ในภาษาอิตาลี ‘ลาเต้’ แปลว่านม ดังนั้นแก้วนี้คือกาแฟที่ผสมนมลงไปนั่นเอง จึงทำให้ลาเต้นั้นมีรสชาติที่เข้มและหอมมันกว่าเมนูกาแฟอื่นๆ แต่ในทางกลับกันก็มีแคลลอรี่ที่เยอะกว่าแก้วอื่นเหมือนกันอีกด้วย
Cappuccino (คาปูชิโน)

อีกหนึ่งกาแฟที่มีต้นกำเนิดมาจากอิตาลี ‘คาปูชิโน’ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่พึ่งเริ่มดื่มกาแฟหรือคนที่ดื่มแบบรสชาติเข้มปานกลาง เพราะมีรสชาติที่ไม่ขมมากนักโดยใส่นมสดกับฟองนมเข้าไปให้เกิดรสชาติหอมหวานละมุนจากนม แต่ก็มาพร้อมแคลลอรี่จากนมเช่นกัน
Flat White (แฟลทไวท์)

มาเอาใจคอนักดื่มกาแฟสายเริ่มต้นกันบ้างกับ ‘แฟลทไวท์’ กาแฟที่มีต้นกำเนิดมาจากนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ที่ผสมนมสดลงไปจำนวนมากทำให้มีสีขาวนวล ให้รสชาติของนมเป็นหลักรสชาติกาแฟไม่เข้มข้นมากนัก ให้ความรู้สึกและรสสัมผัสที่อุ่นและนม เหมาะกับคนที่พึ่งหัดดื่มกาแฟอย่างมาก
Americano (อเมริกาโน่)

มาถึงอาวุธลับของใครหลายๆคนกันบ้าง ที่ทำให้ตื่นชัวลุยงานกันได้ทั้งวันอย่าง ‘อเมริกาโน่’ ที่เกิดจากการนำน้ำร้อนลงไปผสมกับเอสเปรสโซ่เพื่อให้รสของกาแฟเบาลง แต่ไม่ใส่นมน้ำตาลหรือแม้กระทั่งน้ำเชื่อม เพื่อให้ได้รสชาติของกาแฟเข้มเข้นอย่างเต็มเนี่ยว แต่แฝงไปด้วยความสดชื่นตื่นตัว ทั้งยังเป็นแก้วที่มีแคลอรี่ต่ำที่สุดอีกด้วย เหมาะกับคนที่ต้องการกาแฟแรงๆและไดเอทไปในตัวอย่างมากอีกเมนูหนึ่ง
Doppio (ดอปปิโอ)

ปิดท้ายด้วย ‘ดอปปิโอ’ ภาษาอิตาลีที่มีความหมายว่า ‘ดับเบิ้ล’ หรือที่หลายๆคนเรียกว่า ‘เอสเปรสโซ่ ดับเบิล ช็อต’ ที่คอกาแฟสายเข้มข้นถูกใจอย่างมาก เมนูแก้วนี้คือการนำเอสเปรสโซ่ใส่ลงไป 2 ช็อต ทำให้เกิดรสชาติสุดเข้มข้น ที่เรียกได้ว่าตื่นตัวลุยงานได้อย่างเต็มที่แน่นอนเพราะจำนวนกาแฟอีนที่คับคั่ง ดังนั้นแก้วนี้จึงไม่เหมาะกับนักดื่มใหม่เพราะความเข้มข้นสูงของกาแฟนั่นเอง