นั่งคุยกับ ‘ทศพล พิชญโยธิน’ ในวันที่ตัดสินใจเลือก Wallbox มาเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์รักษ์โลก
ในวันที่โลกกำลังให้ความสำคัญกับ “ปัญหาสิ่งแวดล้อม” ที่ส่งผลเสียต่อสภาพความเป็นอยู่ของทุกชีวิต หลายคนจึงเปลี่ยนตัวเองสู่วิถีรักษ์โลกเท่าที่คนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะพึงทำได้ เพื่อให้โลกแห่งอนาคตยังหมุนเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในวิธีสำคัญคือการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตให้มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่นเดียวกับ ‘ คุณนท ทศพล พิชญโยธิน ‘ หนึ่งใน CEO ทาเลนต์เล่าข่าวเช้า beartai BRIEF (แบไต๋ บรีฟ) และทายาทรุ่นสองของกลุ่มบริษัทกรุงเทพ อาร์ไอเอ (BRIA) เจ้าของศูนย์วิจัยทางการแพทย์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดและโรงงานผลิตชุดตรวจวินิจฉัยโรคชนิดเร็วที่รวมถึงชุดตรวจ ATK สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบันด้วยนั่นเอง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
คุณนทเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบเรื่องเทคโนโลยี ทั้งหน้าที่การทำงานก็ทำให้ได้รับข่าวสารอยู่เสมอ จึงตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่แพ้กับที่คอยอัพเดตเรื่องความก้าวล้ำของยุคสมัย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณนทเลือกขับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV นั่นเอง
“การใช้รถไฟฟ้าถือเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ผมมองว่าตั้งแต่วันนี้และต่อไปในอนาคตพวกเราควรให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผมเองจึงเริ่มจากการใช้รถ EV หรือไม่ก็ต้องเป็นรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่มีทางเลือกให้เราสามารถขับรถด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ เป็นอีกแนวทางที่เราสามารถทำเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม”
และเพราะเป็นนักธุรกิจที่ยืนหนึ่งในการใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแทบทุกวัน บวกกับเป็นคนเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้คุณนทรู้จัก Wallbox เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสุดอัจฉริยะที่เจ้าตัวบอกว่า “น่าจะดีที่สุดในตลาดตอนนี้แล้วครับ”
อะไรทำให้เลือก Wallbox ?
อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้นว่าคุณนทเป็นคนที่ชอบศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยี และยังเป็นผู้สื่อข่าวด้านเทคโนโลยี จึงมีข้อมูลเรื่องพวกนี้อยู่ทุกวัน ยิ่งการที่คุณนทหันมาขับรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า แน่นอนว่าจะต้องสนใจเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า “ผมจึงได้เสาะหาข้อมูลเพิ่มเติม จนมาลงตัวว่า Wallbox น่าจะดีที่สุดในความก้าวล้ำของเทคโนโลยีการผลิตและการใช้งาน นอกจากนี้ ยังได้ในเรื่องของงานดีไซน์สไตล์มินิมอล เล็กกระทัดรัด โทนสีเรียบเท่ เข้ากันดีในทุกมุมของบ้าน อย่างที่บ้านผมติดตั้งไว้บริเวณหน้าบ้านที่จอดรถ พื้นที่จำกัดไม่ได้กว้างขวาง ก็ดูเข้ากันดีในบรรยากาศโดยรวมของบ้าน”
เทคโนโลยีล้ำสมัย ใช้งานง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย
เพราะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองที่บ้านจะเป็นหนึ่งความพร้อมให้รถไฟฟ้าพร้อมใช้งานอยู่เสมอ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และควบคุมการใช้งานเครื่องชาร์จฯ ให้ใช้พลังงานในการชาร์จมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
“ความง่ายในการใช้งาน Wallbox คือเราสามารถสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน myWallbox บนมือถือ ด้วยการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน หรือบางรุ่นไม่ต้องสั่งการจากแอปพลิเคชัน แต่สามารถกดจากหน้าจอที่เป็นจอสัมผัสได้ในทันที มี user interface ที่ใช้ง่าย เข้าใจง่าย ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก ขับรถถึงบ้านแล้วจอดก็เสียบปลั๊กชาร์จ แค่นั้นก็เดินขึ้นบ้านไปได้เลยครับ นอกจากนี้ ใครอยากคำนวณค่าใช้จ่าย ตัวแอปพลิเคชันสามารถใส่ค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการชาร์จ ทำให้เราวางแผนได้ว่า มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ต่อวัน นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ผมเลือกใช้ Wallbox มาติดไว้ที่บ้าน”
นอกจากนี้ Wallbox ยังชาร์จได้ถึง 22 kW (กิโลวัตต์) อย่างรถ Porsche Taycan ของคุณนท On Board Charger รถอยู่ที่ 22 kW ก็สามารถต่อกับเครื่อง Wallbox ได้ในทันที ใช้เวลาแค่ 4 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นก็สามารถชาร์จได้ถึง 100 kWh ซึ่งการชาร์จได้ถึง 22.29 kW ของ Wallbox ถือเป็นเป็นข้อที่เหนือกว่าเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ เลยทีเดียว
มี Wallbox เหมือนมีน้ำมันเต็มถังก่อนออกจากบ้านทุกวัน
เมื่อถามคุณนทว่าต้องคอยกังวลถึงเรื่องขับไปแล้วแบตจะหมดกลางทางหรือไม่ คุณนทตอบทันทีพร้อมกับรอยยิ้มว่า “การมี Wallbox อยู่ที่บ้าน ให้ความรู้สึกเหมือนมีน้ำมันเต็มถังก่อนออกจากบ้านทุกเช้าครับ” โดยคุณนทได้เล่าเสริมถึงความรู้สึกหลังจากหันมาใช้เครื่องชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน และความแตกต่างระหว่างเครื่องชาร์จฯ ที่บ้านกับที่สถานีอัดประจุไฟฟ้า
“เมื่อก่อนขับรถก็ต้องคอยมองหาปั๊มน้ำมัน แต่พอเราใช้ Wallbox เหมือนเรามีน้ำมันเต็มถังทุกวันตอนเช้า สะดวกสบายมาก ขับรถทุกครั้ง (ที่ไม่ใช่เดินทางไกลไปต่างจังหวัด 400-500 กม.) ก็ไม่มีความกังวลเรื่องน้ำมันหมดระหว่างวันทำงาน จบวัน กลับบ้าน จอดรถ ก็เสียบชาร์จทิ้งไว้ไม่ต้องมานั่งคิดว่าถึงเวลาชาร์จหรือไม่ อีกทั้งตัวเครื่องเองมีระบบป้องกันที่ดูแลความปลอดภัยของรถให้เราอยู่แล้ว”
“ถ้าเปรียบเทียบกับการใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านอกบ้านที่สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว แน่นอนครับว่า Wallbox ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากกว่า โดยเฉพาะถ้าเราไปใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ AC นอกบ้าน ก็จะไม่ค่อยคุ้มค่า ใช้เวลาชาร์จก็เยอะ ผมจึงใช้บริการของเครื่องชาร์จฯ นอกบ้านในกรณีเดินทางไกล เช่น ขับรถไปเที่ยวชะอำ หัวหิน หรืออาจต้องนอนค้างคืนที่อื่น ก็ต้องไปหยุดชาร์จไฟฟ้าแบบ Fast Charge ตามสถานีอัดประจุต่างๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ย่อมแพงกว่าที่ใช้ Wallbox ชาร์จที่บ้านของเราเอง”
EGAT มอบบริการประทับใจ เต็มที่ทุกข้อมูลใช้งาน
สำหรับการติดตั้งเครื่องชาร์จ Wallbox ที่ดำเนินการโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือว่า EGAT นั้นเรียกว่าประทับใจและอัดแน่นทุกข้อมูลการใช้งานเพื่อให้เราเข้าใจอย่างจริงจัง โดยมีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมของบ้านก่อนการติดตั้ง รวมไปถึงการเลือกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา
โดยก่อนติดตั้งจะมีทีมช่างมาดูหน้างานว่าเป็นอย่างไร สามารถรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่ หน้างานใช้ตู้ไฟแบบไหน เบรกเกอร์ที่มีใช้งานได้กับ Wallbox หรือเปล่า ถ้าไม่ได้จะต้องทำเบรกเกอร์แยกออกมาเพื่อเป็นตัวตัดไฟให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งทาง EGAT จะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญมาสำรวจและเสนอทางเลือกของการติดตั้งที่เหมาะสม ก่อนร่วมกันตัดสินใจว่าต้องทำอะไรกับระบบไฟฟ้าที่มีอยู่ของบ้านบ้าง
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วทีมผู้เชี่ยวชาญจะสอนการใช้งาน myWallbox App เพื่อให้เราสามารถใช้งานเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดอีกด้วย “ผมจึงหมดห่วงและไม่มีความกังวลใดๆ เรื่องการติดตั้งเครื่องชาร์จ Wallbox ที่ให้บริการโดย EGAT ที่มีมืออาชีพมาดูแลเราเต็มที่ ยิ่งการันตีคุณภาพและการติดตั้ง หมดความกังวลด้านเทคนิคใดๆ มั่นใจการใช้งาน Wallbox มากเลยครับ”
คุณนททิ้งท้ายว่า “หากท่านใดที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox มาใช้งานที่บ้านดีหรือไม่ สามารถไปทดลองใช้งานเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ AC Normal charge ได้ที่สถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT โดยสามารถใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชัน EleXa แล้วคุณจะประทับใจจนอยากจะติดตั้งไว้ใช้งานที่บ้านเหมือนผมครับ”
สถานี EleX by EGAT ที่คุณนทกล่าวถึงไป นอกจากจะมีเครื่องชาร์จแบบ AC Normal charge ที่ติดตั้งตามบ้านแล้ว ยังมีเครื่องชาร์จแบบ DC ที่ทั้งเร็วและแรง ชนิดที่คุณนทเล่าว่าบางครั้งชาร์จแค่ 10 นาที ได้แต่สูงถึงร้อยกว่ากิโลเมตรเลยทีเดียว ทั้งยังสามารถเสิร์ชหาโลเคชั่นได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน EleXA ช่วยให้คุณวางแผนการเดินทางข้ามจังหวัดได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะหาสถานีลำบากอีกต่อไป
ก่อนจากกันเรามีสิทธิพิเศษสำหรับผู้อ่าน HELLO! มาฝาก ส่วนลดเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Wallbox ทุกรุ่น 4,000 บาท (ยกเว้นรุ่น Quasar และอุปกรณ์เสริม) ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 เพียงพิมพ์โค้ด “EWJF2022” ผ่านการสั่งซื้อบนเว็บไซต์ Egat และ Wallbox (สิทธิพิเศษนี้มีจำนวนจำกัด)
หากใครที่สนใจเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EGAT และ Wallbox สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.egatevchargers.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Line : @egatwallbox