เป็นเวลากว่า 6 ปีในประเทศไทย ที่นิชคาร์ กรุ๊ป ตัวแทนจัดจำหน่ายรถยนต์ McLaren อย่างเป็นทางการของไทยได้นำเข้ารถยนต์สมรรถนะสูงจากเกาะอังกฤษมาให้ลูกค้าชาวไทยได้จับจองเป็นเจ้าของกันอย่างต่อเนื่อง และเป็นโอกาสสุดพิเศษที่ McLaren Bangkok ได้เชิญ HELLO! ไปชมงานเปิดตัว McLaren Elva รวมถึงสัมผัสประสบการณ์การขับในสนามพีระเซอร์กิตอีกด้วย
McLaren Elva ถือเป็นรถรุ่นล่าสุดในตระกูล Ultimate Series ต่อจากรุ่น F1 Road Car, P1, Senna และ Speedtail ไฮเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่มาพร้อมโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา โดยนอกจากจะเป็นไฮเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดแล้ว ยังถือเป็นการฉลองสุดยอดผลงานการออกแบบของ Bruce McLaren กับ M1A ที่ออกแบบไว้ในปี 1960 และรถแข่งในซีรีส์ ‘Group 7 McLaren’ โดดเด่นด้วยสมรรถนะ และนวัตกรรมที่แมคลาเรนออกแบบมาเพื่อพัฒนา Road Car ในไลน์อัพปัจจุบัน
McLaren Elva เป็นรถ Open-Cockpit สองที่นั่ง ไร้หลังคา ซึ่งหากเป็นสเปคจริง ๆ แล้ว กระจกหน้าและหน้าต่างด้านข้างจะไม่มีด้วย แต่ด้วยกฎหมายประเทศไทยทำให้รุ่นที่นำเข้ามาในไทยต้องใส่กระจกหน้า แชสซีและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ที่แมคราเลนสั่งทำพิเศษทำให้ Elva จัดเป็นรถสำหรับใช้งานในท้องถนนที่น้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ McLaren เคยผลิตมา รวมถึงขุมพลังที่เป็นหัวใจของรถคันนี้อย่าง เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ในรหัส M840TR ให้กำลังสูงสุด 815 แรงม้า แรงบิดที่ 800 นิวตันเมตร ด้วยอัตราเร่ง 0-100 km/h ที่ 2.8 วินาที 0-200 km/h ที่ 6.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 326 km/h
จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของ Elva คันนี้คือระบบ Active Air Management System (AAMS) ในรถยนต์เป็นครั้งแรก โดยระบบจะลำเลียงอากาศผ่านจมูกของตัวรถนำขึ้นด้านบนเหนือห้องผู้โดยสารเพื่อสร้างบับเบิลที่จะเป็นเหมือนเกราะกำบังให้กับผู้ขับขี่ และการดีไซน์ต่าง ๆ ตามหลักอาการพลศาสตร์ให้กระจายลมได้ดี รวมถึงการจัดการอากาศในห้องโดยสารอีกด้วย และหากจะขับขี่ในเมือง ระบบ AAMS ก็จะถูกปิด เพราะระดับความเร็วของรถและการไหวของอากาศจะไม่ได้สูงมาก แต่ถ้าความเร็วเพิ่มขึ้น ระบบก็จะกลับมาทำงานปกติแบบอัตโนมัติ แต่ผู้ขับขี่เองก็สามารถกดปุ่มปิดระบบได้ด้วยเหมือนกัน

อีกหนึ่งความพิเศษก็คือเบาะนั่งของตัวรถที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะ ด้านกรอบไฟเบอร์น้ำหนักเบา รองรับศีรษะ ไหล่ และหลังของผู้โดยสาร ทำให้ได้อรรถรสการนั่งซุปเปอร์คาร์อย่างเต็มที่ แต่ว่าตัวเบาะจะสั้นกว่ารถรุ่นอื่นของแมคลาเรนทั่วไป เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับพักเท้ามากพอสำหรับการยืน หรือความสะดวกในการเข้า-ออกจากตัวรถ
ฟังก์ชั่นการเลือกโหมดควบคุมรถอย่าง Adaptive Dynamics Controls ก็สามารถเปลี่ยนได้ถึง 3 รูปแบบ คือ Comfort, Sport, Track ให้ผู้ขับขี่เลือกให้เข้ากับอารมณ์ หรือ สภาพแวดล้อมที่ต้องการใช้งาน และในโหมด Track Mode เสียงเครื่องยนต์และท่อจะช่วยเร้าอารมณ์ผู้ขับให้พร้อมใช้สมรรถนะของรถให้เต็มที่ รวมถึงโหมด Electronic Stability Control (ESC) ก็สามารถเลือกได้ 3 ระดับ และระบบ Varaible Drift Control (VDC) ที่ช่วยให้ความสนุกกับผู้ขับขี่อีกด้วย