มาแล้วค่า…มาแล้ว สำหรับงานใหญ่ส่งท้ายปีอย่าง Motor Expoหรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย. 2561 – 10 ธ.ค. 2561 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เรียกว่าเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นเอาใจคนรักความเร็วส่งท้ายปีจริงๆเลยล่ะค่ะเนี่ย และวันนี้ HELLO! ก็ไม่พลาดขอมาอัพเดท 5 แบรนด์หรูที่ออกมาเปิดตัวรถในกลุ่มของ SUV รุ่นล่าสุด ที่ขอบอกเลยว่างัดไม้เด็ดมาแข่งกันจนใครหลายคนต้องร้องว้าว!!! Motor Expo 2018

Rolls-Royce Cullinan
เริ่มกันที่การเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในงาน Motor Expo 2018 สำหรับ Rolls-Royce Cullinan รถยนต์ในกลุ่มของ SUV รุ่นล่าสุดจาก Rolls-Royce ที่มาพร้อมความที่เศษที่ขอเรียกว่า Architecture of luxury คือโครงสร้างตัวถังที่ทำจาก Aluminium น้ำหนักเบา แต่แข็งแกร่ง เอกสิทธิเดียวเฉพาะ Rolls-Royce เท่านั้น ทำให้รองรับแรงกระแทกได้ดี ขนาดเครื่องยนต์ 6.75L Twin Turbo 563 แรงม้า ระบบช่วงล่างที่เป็นถุงลมได้พัฒนาเพิ่มปริมาตรบริเวณก้านถุงลมอีกกว่า 40 เปอร์เซ็นต์เพื่อรองรับรูปแบบการขับขี่ใน Off-Road Mode ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นรถในกลุ่มของ SUV แต่ Rolls-Royce Cullinan ก็ยังคงคอนเซปต์ Magic Carpet Ride เสมือนนั่งอยู่บนพรมวิเศษนั่นเองค่า
ที่สำคัญคือ Rolls-Royce Cullinan มีปุ่มวิเศษที่เรียกว่า Everywhere Button ปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด เมื่อปรับเข้าสู่ Off-Road Mode ตัวรถจะยกขึ้นทันที 40 มิลลิเมตรและทันทีที่ดับเครื่องรถก็จะลดลงทันที 40 มิลลิเมตร มาถึงช่องเก็บสำภาระด้านหลังสามารถจุได้ถึง 1,900 ลิตร และสุดท้ายคือบานประตูที่เปิดแบบ Close Door เสมือนรถม้าในอดีตอันเป็นเอกลักษณ์ของ Rolls-Royce นั่นเอง โดยมูลค่าความหรูหรานี้อยู่ที่ 32.9 ล้านบาท
Lamborghini URUS

ซึ่งเป็น Super SUV คันแรกของโลก ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิดการผสมผสานกันอย่างลงตัว ระหว่าง DNA ของ Lamborghini กับ รถยนต์อเนกประสงค์ SUV เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ และ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์สมรรถนะสูง ระดับเดียวกับ Supercar และ สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ และด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร Bi-Turbo Twin-scroll กำลังสูงสุด 659 แรงม้า ด้วยขุมพลังบล็อกนี้เอง ทำให้ Lamborghini URUS กลายเป็นรถยนต์ SUV ที่เร็วและแรงที่สุดโลกภายใน 12.8 วินาที และ ทำความเร็วสูงสุด Top Speed 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Lamborghini URUS มาพร้อมโหมดการขับขี่ 6 โหมดด้วยกัน ได้แก่ STRADA ใช้ขับแบบปกติ หรือเทียบเท่า Normal-Comfort ของค่ายอื่น ความสูงของตัวรถจะถูกปรับโดยอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับความเร็ว เพื่อเพิ่มความนุ่มสบาย / SPORT ความสูงของตัวรถจะถูกปรับลงมาในระดับต่ำสุด เพื่อให้มีเสถียรภาพ และความแม่นยำ ในการบังคับควบคุม / CORSA โหมดเล่นแรง สับเกียร์กระชาก ช่วงล่างแข็ง เสียงท่อดัง ระบบควบคุมการทรงตัวจะยอมให้รถเสียอาการเล็กน้อย / TERRA (off-road) / NEVE (snow) / SABBIA (sand) ในส่วนของโหมดการขับขี่แบบ off-road ทั้ง 3 แบบ (TERRA, NERVE, SABBIA) ตัวรถจะถูกยกสูงขึ้นเพื่อความเหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่นั้นเองค่ะ สำหรับมูลค่านั้นอยู่ที่ 23.4 ล้านบาท
Maserati GhihliS

พื้นเพเดิมนั้น Maserati เป็นรถที่มีจุดกำเนิดมาจากสนามแข่ง ทำให้สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ทีคือความสปอร์ต และความเร็ว รูปลักษณ์ที่ดูปราดเปรียว และสำหรับ Maserati GhihliS ที่ถือว่าเป็นตัวท็อป และจัดว่าเป็นไฮไลต์ในวันนี้มีเครื่องยนต์สูงถึง 450 แรงม้า ซึ่งปกติแล้ว Ghihli จะมีทั้งหมด 3 ชนิดเครื่องยนต์ ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้แล้วก็คือ 275 แรงม้า และตัว 350 แรงม้านั่นเอง ความพิเศษของ Maserati GhihliS ก็คือสามารถขับได้ความเร็วสูงสุดถึง 286 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่งรถยนต์โดยทั่วไปจะถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่สำคัญคือ Maserati GhihliS เป็นรุ่นที่ถือว่ามีเทคโนโลยีตัวใหม่ล่าสุดของ Maserati ที่แม้จะเป็นรถ SUV แบบ 4 ประตู แต่ก็ยังมีรูปทรงที่คล้ายคลึงกับรถ Coupe เรียกได้ว่าเป็น สปอร์ตลักซ์ชัวรี เลยก็ว่าได้ เรียกว่าเหมือนขับรถซุเปอร์คาร์ในทุกๆวันเลยทีเดียว
ด้านการตกแต่งภายใน Maserati GhihliS ใช้หนังที่เรียกว่า Natural Leather ซึ่งถ้านับแค่หนังที่ใช้ในการตกแต่งภายในก็มูลค่าหลักแสนเข้าไปแล้วล่ะค่ะ ซึ่งประเทศอิตาลีเองก็เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องหนังแล้วด้วย ผนวกกับความประณีตแบบ Italian Craftmanship ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ดังนั้นบอกเลยว่างานดีแบบซุเปอร์พรีเมี่ยมเลยล่ะค่ะ งานนี้ราคาเบาๆ อยู่ที่ 9.9 ล้านบาทเท่านั้นเองค่า
Range Rover Plug-in Hybrid
เปิดตัวครั้งแรกอีก 1 แบรนด์ในงาน Motor Expro 2018 สำหรับรถยนต์ในกลุ่มของ Ultimate SUV อย่าง Range Rover Plug-in Hybrid ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ Land Rover อย่างเช่น กระจกข้างบานใหญ่ ภายในที่โอ่โถง ตัวรถแข็งแกร่ง บึกบึน แต่มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน แต่ใช้งานง่าย พื้นที่ด้านหลังเบาะนั่งสบายที่ระบบนวดไฟฟ้าในทุกที่นั่ง โดยเฉพาะเบาะคู่หลังจะพิเศษกว่าด้วยระบบนวดกดจุดด้วยหินลาวา ปรับเอนได้ถึง 45 องศา จอใหญ่ขนาด 10 นิ้วพร้อมด้วยหูฟังไวเลส ระบบแอร์โฟล ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในอากาศได้ ประตูทั้ง 4 บานเป็นระบบ Soft door close พร้อมบันไดข้างระบบไฟฟ้า
โดย Range Rover ตัวนี้สามารถขับเคลื่อนได้ทั้งหมด 7 ระบบด้วยกันคือ Terrain Response Comfort Mode เน้นขับสบาย นุ่มนวล เสมือนนั่งบนเรือ / Dynamic Mode สำหรับใช้ความเร็ว / โหมดที่ลื่น สำหรับพื้นน้ำแข็ง / Off-Road Mode ที่มาพร้อมโหมดช่วยเหลือการลงเขา / โหมดทะเลทราย และสุดท้ายโหมดวิ่งบนหิน โดยตัวรถสามารถปรับสูงต่ำได้ถึง 3 ระดับ โดยระดับสูงสุดนั้นรับระดับน้ำได้ถึง 90 เซนติเมตร ราคาเบาๆอยู่ที่ 9.99 ล้านบาท
Bentley Continental GTC
เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องสำหรับรถ SUV รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน V8 Blog ล่าสุด ขนาดความจุกระบอกสูบ 4.0 ลิตร 32 วาล์ว เสริมด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่แบบ dual twin-scroll ติดตั้งบริเวณกึ่งกลางระหว่างฝาสูบเครื่องยนต์รูปตัว ‘V’ สร้างสรรค์พละกำลังสูงสุด 550 แรงม้า (542 bhp) พร้อมแรงบิดมหาศาลกว่า 770 Nm (568 lb.ft.) ทะยานทะลุความเร็วสูงสุดถึง 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (180 mph) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 4.5 วินาที
ยังคงความเป็นเลิศด้วยพิสัยการเดินทางสูงสุดเป็นระยะทางกว่า 746 กิโลเมตร (464 ไมล์) ปล่อยไอเสีย CO2 เพียง 260 กรัมต่อกิโลเมตร เท่านั้น ประสิทธิภาพการทำงานที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเหลือเชื่อ (อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.8 mpg หรือ 11.4 ลิตร/100 กิโลเมตร) คือผลลัพธ์ที่ได้จากการปฎิบัติงานของระบบควบคุมเครื่องยนต์อัจฉริยะ ซึ่งสามารถตัดการทำงานของเครื่องยนต์ลงถึงสี่กระบอกสูบจากทั้งหมดแปดกระบอกสูบ โดยขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ที่เหมาะสมในขณะนั้น ทั้งนี้ฟังก์ชั่นดังกล่าวไม่ได้ลดทอนสมรรถนะของเครื่องยนต์ลงแม้แต่น้อย รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อการบังคับควบคุมใดๆทั้งสิ้น กระบวนการทำงานที่เกิดขึ้นอาศัยเวลาเพียง 20 มิลลิวินาทีเท่านั้น !
เป็นอย่างไรบ้างคะ เรียกว่าถูกอดถูกใจคนมีครอบครัว หรือชื่นชอบรถบอดี้ใหญ่ แต่ใจสปอร์ตไม่น้อยเลยทีเดียว งานนี้อย่ารอช้าไปยลโฉมสัมผัสตัวตนจริงๆของเหล่าลักซ์ชัวรี คาร์ในตระกูล SUV ได้แล้ววันนี้ในงาน Motor Expo 2018 ซึ่งนอกเหนือจากนี้แล้วยังมีแบรนด์รถหรูอีกมากมาย อาทิ ค่ายใหญ่อย่าง BMW Thailand ที่ออกมาเปิดตัว BMW The 8 / BMW i8 Roadster
BMW M850i x Drive Coupe รถสปอร์ตคูเป้ ที่ผสานขุมพลังจากความสปอร์ตปราดเปรียวเหนือระดับล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ เปิดตัวเป็นสมาชิกรุ่นแรกของ ซีรี่ส์ 8 พร้อมอวดโฉมด้วยดีไซน์ใหม่ทรงพลัง เน้นถึงความแข็งแกร่งด้วยเส้นสายโค้งเว้าอันสง่างาม ทั้งบริเวณกระโปรงหน้าและตลอดแนวตัวถัง กระจังหน้าทรงไตคู่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซีดานหรู มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจากเทคโนโลยี M xDrive มิติใหม่แห่งความโฉบเฉี่ยว ที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นช่วงล่างของกระจังหน้ากว้างออกเพื่อเน้นย้ำถึงจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของตัวรถ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ทั้งสองข้างช่วยเสริมสมรรถนะด้านแอโรไดนามิกส์ของตัวรถ คู่ไปกับสปอยเลอร์หน้าที่ทำหน้าที่ลดแรงยกบริเวณเพลาหน้า
และ BMW i8 Roadster รถนวัตกรรมใหม่ที่มีจุดเด่นตรงที่เบาะหลังของ Coupe หายไปเป็นที่เก็บหลังคาแทน ซึ่งหลังคาสามารถกางและเก็บระหว่างขับขี่ได้ในความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียงแค่ 14 วินาที ซึ่งตัวหลังคาเป็นหลังคาผ้าใบ ซึ่งมีข้อดีคือ คือ น้ำหนักเบาใช้พื้นที่ในการเก็บน้อย แต่เสริมความแข็งแรงด้วยโครงสร้างที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ แต่ BMW I8 มาในคอนเซปต์รักษ์โลกเน้นใช้วัสดุรีไซเคิล ตัวถังใช้วัสดุที่เรียกว่า Carbon Core เป็นส่วนผสมของCarbon fiber กับ high strength steel ทำให้รถไม่บิดไม่งอ และซับแรงได้ดี ซึ่งตัวนี้เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาโดยในเมืองไทยมีอยู่ประมาณ 4 คัน
Aston Martin New Vantage
ด้วยการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยปรับปรุงมาจากตัวเดิมนั่นก็คือ DB11 ตัวเครื่องแบบV8 Twin Turbo 503 แรงม้า ซึ่งทำให้ New Vantage จัดว่าเป็นซุปเปอร์คาร์ที่สามารถใช้งานได้ในทุกๆวัน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 โหมดในการขับเคลื่อน คือ โหมด Sport, Sport Trust และ Track โดยช่วงล่างปรับได้ 3 ระดับ ช่วงกระจังหน้าแบบ S-Curve เปรียบได้ดั่งฉลามที่กำลังจ้องเหยื่อ ดวงไฟเฉี่ยวหรี่ดูดุดัน และ New Vantage ด้านข้างถูกออกแบบมาให้มีซุ้มล้อแบบซ่อน ซึ่งช่วยเรื่องของรับแรง arrow dynamic มีช่องหมุนอากาศซ่อนภาพในซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของAston Martin เท่านั้นเราจะเรียกว่า เคริคิวจะเห็นว่าเป็นสัญลักษณ์รูปตัวQ ตรงด้านข้างซุ้มล้อ การตกแต่งภาพในหรูหราด้วยงาน Hand-craft โดยใช่ช่างฝีมือดี1 คนต่อ 1 คัน เป็นซุปเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษที่เน้นมือประกอบ หรือ Craftman Ship นั่นเอง ส่วนประตูเป็นรูปแบบ swan wing คือเมื่อเปิดประตูจะประยกสูงขึ้นประมาณ 12 องศา เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถขึ้นลงรถได้อย่างสะดวกสบาย ภายในตกแต่งด้วยหนังคุณภาพพรีเมี่ยมที่สุดของ Aston Martin คือหนังแคทนิส ระบบหน้าจอสัมผัสดิจิตอล
คอนเซปต์หลังคือBeauty to look at นั่นคือ ความสวยตั้งแต่มอง / Beauty to driveคือ ขับสนุก โดยเฉพาะโหมด track เครื่องยนต์จะมีเสียงกระหึม ดุดัน / Beauty to our คือความสวยงามเมื่อได้เป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นลักซ์ชัวรี ซุเปอร์คาร์ที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 16.9 ล้านบาท
Lexus LS 500h
ในประเทศไทย LS จะมีทั้งหมด 3 เครื่องยนต์ ตัวท็อปสุดเป็นรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 500H 3.5 ลิตรไฮบริดจ์ ซึ่งมาพร้อมระบบ Seft-Changing นำพลังงานไฟฟ้ามาขับเคลื่อน โดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในโดยเฉพาะบริเวณแผงประตูจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ แฮนคลีบ และคิริโกะขัดกลาส ซึ่งทำมือทั้งหมด เรียกว่าแค่แผงประตู 4 บานมูลค่าก็1 ล้านกว่าบาทแล้วล่ะค่ะ แม้ว่าจะเปิดตัวมาได้กว่า 1 ปีแล้วแต่ก็ถือว่าเป็นตัวที่ดีที่สุดของLexus โดยมูลค่าคันนี้อยู่ที่ 15.83 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังโดดเด่นเรื่องความปลอดภัยอีกด้วยเพราะLexus LS 500h ตัวนี้มาพร้อมกับระบบLexus Safty system plus คือเมื่อเราเดินทางในที่มืดเราสามารถเปิดไฟสูงได้ตลอดเส้นทางโดยไม่รบกวนคันอื่น ด้วยเซ็นเซอร์ไฟหน้ากว่า 24 ดวงที่จะคอยตัดสลับเป็นสัดส่วนไป เบาะนวดภายในในระบบนวดชิอะซึ แบบญี่ปุ่น ปรับเอนได้มีลมร้อนปล่อยออกมาเพื่อรักษาอุณหภูมิ แถมเรียกได้ว่าเป็น Executive Car ชั้นเยี่ยมเพราะบริเวณที่นั่งด้านหลังซ้ายเบาะสามารถปรับเอนได้ดั่งที่นั่งระดับเฟิร์สคลาสเลยทีเดียว