ความสำเร็จในแบบฉบับมืออาชีพของ ‘พญ.ดาริกา ชรสุวรรณ’ แห่งวี คลินิกเวชกรรม

กว่า 10 ปีในฐานะแพทย์ความงาม พญ.ดาริกา ชรสุวรรณ หรือ ‘หมอดาด้า’ ได้ถ่ายทอดความหลงใหลในอาชีพสู่การสร้างสรรค์ใบหน้าอันงดงามนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งหมดคือผลลัพธ์จากการสั่งสมประสบการณ์จนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไข้มาจนถึงปัจจุบัน

“ดาด้าทำงานเป็นแพทย์ด้านความงามมาประมาณ 12 ปี ใน 6 ปีแรกได้ดูแลคนไข้ในเรื่องผิวหน้าเป็นหลัก หลังจากนั้นเรามองเห็นเทรนด์การทำศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าสู่การทำงานด้านศัลยกรรม และมาเป็นส่วนหนึ่งของวี คลินิก ซึ่งเป็นคลินิกความงามที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มศัลยกรรม เน้นการผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้า รูปหน้า จมูก และคาง ตลอด 7 ปีที่เปิดให้บริการมา เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการบอกต่อกันปากต่อปากของกลุ่มลูกค้า ด้วยที่หลายคนประทับใจในผลลัพธ์ที่ดีหลังการทำศัลยกรรม”

พญ.ดาริกา เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นในการทำอาชีพที่รัก รวมถึงผลตอบรับของวี คลินิก ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้เธอพร้อมจะเดินไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในอนาคตอันใกล้

“เราโฟกัสเรื่องความเป็นมืออาชีพ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองและบุคลากรในองค์กรให้ดีขึ้นไปพร้อมกัน ในปีนี้จะไม่มีเวอร์ชันที่ดีที่สุด แต่จะเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันคือการพัฒนา และจากผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งสาขากรุงเทพฯ และเชียงใหม่ วี คลินิกมีแผนจะขยายธุรกิจในรูปแบบของศูนย์ศัลยกรรมครบวงจร และต่อยอดไปสู่การเปิดคอมเพล็กซ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม เป็นแหล่งรวมของคนเก่งที่มีทั้งความชำนาญและความเป็นมืออาชีพ พร้อมจะมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ก้าวตามทันเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

การสร้างความเชื่อมั่นคือพื้นฐานของความสำเร็จ

ไม่เพียงหน้าที่ของแพทย์ความงามและผู้บริหารคลินิกที่ประสบความสำเร็จ อีกหนึ่งบทบาทที่ทำได้ดีไม่แพ้กันคือการเป็นนักลงทุนคุณภาพ เธอเชื่อว่า ‘การทำงาน’ และ ‘การลงทุน’ มีหลักการไม่ต่างกัน หนึ่งในนั้นคือการสร้างความเชื่อมั่น

“ส่วนตัวมองว่า การลงทุนกับการทำงานเป็นเรื่องเดียวกัน สิ่งหนึ่งที่เป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จ คือการสร้างความเชื่อมั่น ในฐานะของแพทย์ที่ให้การดูแลและทำการผ่าตัดให้กับลูกค้า เราจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในใจของเขา เมื่อมั่นใจและเชื่อใจ ทุกคนจะเดินเข้ามาหาเรา และเรามีหน้าที่ในการตอบแทนความไว้วางใจเหล่านั้นด้วยการบริการที่มีคุณภาพ

และเมื่อเราเปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกค้าบ้าง เวลาจะเลือกรับบริการจากใคร ก็คงต้องเป็นองค์กรที่มีความมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นให้กับเราได้ โดยเฉพาะในแง่ของการลงทุน เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมาก ซึ่งยูโอบีเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ดาด้าไว้วางใจ และเลือกใช้บริการ Wealth Management ให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารเข้ามาช่วยบริหารสินทรัพย์ให้”

จากประสบการณ์ของนักลงทุนที่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่แผนก Wealth Management ของธนาคารยูโอบี ความเป็นมืออาชีพเป็นอีกสิ่งที่สอดคล้องกับหลักการในการทำงานของคุณหมอดาด้า

“อย่างที่เล่าไปว่าเรากำลังจะทำคอมเพล็กซ์ที่รวบรวมมืออาชีพไว้ในที่เดียวกัน สิ่งที่มองเห็นจากทีมที่ปรึกษาของยูโอบี คือทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ เราสามารถไว้วางใจให้เขาช่วยดูแลการลงทุนในสินทรัพย์ของเราอย่างได้เต็มที่ ด้วยความเชี่ยวชาญในสายงานที่เขามีความรับผิดชอบโดยตรง ช่วยให้เราสามารถสร้าง better version ร่วมกันได้ นั่นคือกำไรหรือผลตอบแทนจากการลงทุน

ทุ่มเทให้กับธุรกิจได้อย่างเต็มที่ เพราะมีมืออาชีพช่วยดูแลด้านการลงทุน

อีกมุมหนึ่งที่ช่วยได้มาก คือการบริหารเวลา ด้วยตัวดาด้าที่ทำหน้าที่แพทย์ ควบคู่ไปกับการดูแลและบริหารองค์กร การปล่อยให้มืออาชีพทำงานที่เขามีความถนัดแทนเรา เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มาก ที่สำคัญเจ้าหน้าที่จะคอยติดตามเทรนด์การลงทุนให้อย่างใกล้ชิด ไม่เคยขาดการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับหลักการทำงานของตัวเอง ในกรณีที่ต้องดูแลคนไข้จากต่างประเทศที่เดินทางมาทำศัลยกรรมที่คลินิก หลังจากที่เขากลับไปแล้ว เราดูแลทุกคนผ่านระบบออนไลน์ พยายามทำให้เขารู้สึกอยู่ใกล้กับเรามากที่สุด สามารถติดต่อและขอความช่วยเหลือได้ง่าย เหมือนกับทางยูโอบีที่อัปเดตข้อมูลกับลูกค้าตลอดเวลา เมื่อเกิดปัญหา ก็สามารถรับมือและปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์การลงทุนที่เกิดขึ้นได้” คุณหมอดาด้าปิดท้ายบทสนทนาด้วยเป้าหมายการลงทุนในสินทรัพย์สำหรับปีนี้ ซึ่งมีการรับมือกับความเสี่ยงเป็นโจทย์สำคัญ

“เนื่องจากตลาดทุนในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมีความผันผวน เพื่อให้เรายังคงเป้าหมายในการลงทุนในทุกปีและรวมถึงปีนี้ด้วย นั่นคือการลงทุนที่เน้นความยั่งยืน ส่วนตัวมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนเพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยแบ่ง 60-70% สำหรับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ที่เหลืออีก 30% จะวางไว้เพื่อการแสวงหากำไรที่มีความเสี่ยงได้ แต่ถึงสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็สามารถเบาใจได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่มืออาชีพช่วยดูแลอยู่ตลอด”

“ที่สำคัญยูโอบีมีซิกเนเจอร์ของเขา นั่นคือ Risk First Approach วิธีวิเคราะห์หาความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละคน ส่วนตัวมองว่าเป็นอีกตัวช่วยที่จะบอกว่าเรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน เมื่อผลการวิเคราะห์ออกมา ที่ปรึกษาก็จะสามารถจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์ให้เหมาะสมได้ ซึ่งการทำงานที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์ความต้องการรายบุคคลแบบนี้ คือหัวใจสำคัญของยูโอบีที่สร้างความประทับใจให้เรามาตลอดระยะเวลาที่ได้ใช้บริการ”.

บทความที่เกี่ยวข้อง

READ: Pursuit of Freedom แบบฉบับการลงทุนเพื่อชีวิตอิสระของ ‘สู่ขวัญ บูลกุล’