เมื่อละครบุพเพสันนิวาสที่เพิ่งลาจอไปเมื่อสัปดาห์ก่อนดังไกลไปถึงสหรัฐอเมริกา งานนี้ ‘เชฟหงส์-งามพร้อม ไทยมี’ เชฟหญิงไทยคนแรกใน Iron Chef America เจ้าของ 3 ร้านอาหารไทยในนิวยอร์ก ที่ตกหลุมรักคุณพี่หมื่นไม่แพ้สาวเมืองกรุงฯ จึงขอบินตรงมาถ่ายทอดเคล็ดลับฉบับเชฟฮอลลีวูดผ่านเมนู “หมูโสร่ง” ให้สาวไทยได้แชร์กันรัวๆ

“อินเลิฟกับละครบุพเพสันนิวาสมากค่ะ (หัวเราะ) ตอนที่อยู่เมืองนอกคือมีคนส่งลิ้งค์ให้ดู เราก็ชอบมากๆๆ เพรารู้สึกว่าเป็นละครที่มีเสน่ห์ ทำให้เราได้รู้จักวัฒนธรรมไทย ดูแล้วมีความสุข อยากย้อนเวลากลับไปมีชีวิตริมน้ำแบบนั้นเลย พอทาง HELLO! ชวนมาเราก็เลยอยากลองทำเมนูนี้ ซึ่งเป็นเมนูง่ายๆ เพราะเราอยากให้คนทางบ้านรู้ว่าการทำอาหารนั้นจริงๆมันเริ่มจากใจก่อนเลยค่ะ แล้วก็ค่อยๆปรับปรุงไป”
แม้จะเป็นเมนูง่ายๆเพราะวัตถุดิบนั้นใช้เพียงไม่กี่อย่างคือ หมูสับ 300 กรัม , หมี่ซั่ว 1 ห่อ รากผักชี , พริกไทย , กระเทียม และเครื่องปรุงรส คือน้ำมันหอย แต่งานนี้เชฟหงส์ก็แอบกระซิบว่ามีเคล็ดลับแทรกอยู่ทุกขั้นตอนว่าแล้วเชฟหงส์ไม่รอช้าบอกเราว่า “เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย!”
ขั้นตอนการทำ ‘หมูโสร่ง’
1.ตำกระเทียม พริกไทย และรากผักชี ให้ละเอียดพอประมาณ เชฟหงส์บอกว่าถ้าไม่อยากให้ตำแล้วเสียงดังลั่นครัวก็อย่าลืมหาผ้ามารองครกกันด้วย
2.นำหมูสับที่เตรียมไว้มาคลุกกับส่วนผสมที่ตำไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมใส่น้ำมันหอยเพื่อเพิ่มรสชาติ
3.หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 40 นาที
4.นำหมูที่ซอสซึมเข้าเนื้อแล้วมาปั้นเป็นก้อนขนาดพอดีคำ อาจใช้ช้อนตักไอศกรีมเล็กๆมาตักก็จะได้หมูก้อนที่ออกมาสวยงามขนาดเดียวกันเป๊ะ
5.ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำเส้นหมี่ซั่ว เส้นสปาเก็ตตี้ หรือเส้นแองเจิ้ลแฮร์ ลงไปต้มประมาณ 2 นาที เมื่อนำขึ้นมาแล้วให้นำมาแช่น้ำเย็นเพื่อให้เส้นแข็งตัว
6.นำเส้นมายีไม่ให้พันกัน แล้วเริ่มใส่โสร่งให้หมูกันได้เลย แต่ถ้าระหว่างพันแล้วเส้นแห้งเกินไปหรือไม่ติดที่หมูสามารถเอาน้ำมันพืชมาแตะเพื่อให้สามารถเกาะตัวได้
7.ตั้งกระทะพร้อมน้ำมันให้เดือด จากนั้นนำหมูที่พันด้วยเส้นหมี่ซั่วแล้วลงไปทอด
8.รอจนหมี่เป็นสีเหลืองนวล หรืออสังเกตจากฟองน้ำมันถ้าเริ่มน้อยลงแสดงว่าหมูสุกแล้ว
9.นำขึ้นจากกระทะ จัดจานพร้อมเสิร์ฟ ทานคู่กับน้ำจิ้มไก่ หรือน้ำจิ้มอื่นๆได้ตามใจชอบ

บอกเลยว่ากลิ่นหอมรัญจวนใจ หน้าตาดีเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการทำหมูโสร่งครั้งแรก! งานนี้เราจึงต้องแอบถามเคล็ดลับจากเชฟคนสวยสักหน่อย
“เคล็ดลับคือใจล้วนๆเลยค่ะ เพราะเมนูนี้เป็นเมนูที่ทำง่าย แม้คนที่ยังไม่เคยทำมาก่อนก็สามารถครีเอทใส่ความสนุก อาจจะใช้เว้นสปาเก็ตตี้มาแทนหมี่ซัวก็ทำได้อย่างเต็มที่”
ทำไมเวลาทำอาหารเชฟหงส์ดูมีความสุขมากกกก?
“การที่หงส์ตัดสินใจเป็นเชฟเพราะมีแรงจูงใจอย่างเดียวเลยคือหงส์ love to serve people หงส์อยากจะให้ความรักและอยากจะให้คนอื่นมีความสุข เราแฮปปี้แล้วคนอื่นก็แฮปปี้ด้วย แต่ถามว่าตอนสมัยเรียนสนใจอาหารไหมก็เปล่านะ เราคิดแค่ว่าอาหารเป็นเรื่องที่ดีจังเลย”

จนวันหนึ่งที่พระเจ้าได้ขีดเส้นทางชีวิตให้เธอได้งานในร้านอาหารไทยชื่อดังที่นิวยอร์ก
“หลังจากจบปริญญาโท MBA สาขา International Business Management จากมหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ หงส์ก็ทำ Kids club สโมสรสำหรับทำกิจกรรมนอกโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษของเด็กๆ แต่ยังไม่ตอบโจทย์ที่สุด ด้วยความที่เรียนธุรกิจมาก็อยากทำกับบริษัทนานาชาติ จึงสมัครไปที่บริษัทยา Merck ในตำแหน่ง Cooperate Social Responsibility Manager ทำไปสักพักแม้งานจะดีเพราะเราทำ CSR ได้ช่วยเหลือสังคมแต่ในวันที่เราไม่ได้ออกไปเจอคนเราก็ต้องตอกบัตรตามปกติซึ่งหงส์คิดว่ามันไม่ใช่ ก็เลยตัดสินใจลาออก
“ตอนนั้นหงส์มาวิเคราะห์มาหาตัวเองว่าเราทำอะไรได้ดี จุดเด่นเราคือสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เคยเป็นพิธีกรเคยอยู่หน้ากล้อง ประกอบกับคิดว่าอยากทำธุรกิจที่สามารถตอบแทนสังคม และทำธุรกิจให้ทุกคนได้ให้ความรักเลยมีไอเดียเรื่องอาหารเข้ามา เพราะเราก็ชอบมาตั้งแต่เด็ก แต่เราทำไม่เก่งก็ต้องศึกษาเพิ่ม เลยลองยื่นใบสมัครทางอีเมล์ไปที่ร้านอาหารชื่อดังอย่าง Spice ในนิวยอร์ก”
ไม่มีประสบการณ์ด้านอาหาร แต่ร้านอาหารชื่อดังก็รับ!
“ตอนแรกสมัครไปเป็นพนักงานต้อนรับค่ะ พอเขาเห็นเรซูเม่เขาก็ถามว่าเราจะมาทำไม งานร้านอาหารก็ไม่เคยทำ จบปริญญาโทมา เราก็บอกว่า อ๋อ ความเป็นจริงคือฉันอยากจะเป็นเชฟ เขาก็คงคิดว่าคนนี้บ้าดี ในที่สุดที่เลยรับเรามาทำงาน”
แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตในครัวไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด จากสาวออฟฟิศที่ชีวิตสวยหรูจึงต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายกว่าจะได้เป็นเชฟ
“โดนด่าทุกวัน มีดบาดทุกวัน น้ำมันลวกทุกวัน กลับบ้านร้องไห้ เพราะเราไม่เคยทำมาก่อน จนผ่านไป 2 อาทิตย์เชฟก็บอกว่าถ้ายังทำงานไม่ได้ เราก็ต้องให้คุณไปนะ ท้อมาก แต่ก็ไม่ยอมหยุดตัวเองแล้วปฏิณาณตนว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้”

โชว์ฝีมือทำผัดไทให้เชฟต้องตะลึง!
“มีอยู่วันหนึ่งเราไปช่วยเขาเตรียมของที่สเตชั่น พอเราเดินเข้าไปคนก็หันหน้ามาดูเรา แล้วก็ถามว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน เป็นเด็กใหม่หรอ เราบอกใช่ค่ะ มาจากไทยแลนด์ เขาก็บอกว่าอ่อ ไอเลิฟไทยฟู้ด เขาก็ถามว่าชอบผัดไทร้านเขาไหม เราก็บอกว่า จะให้เราพูดจริงๆหรอ เขาบอกไม่ต้องพูดก็ได้งั้นลองไปทำมา เราก็เลยหันไปถามเจ้านายเราว่าเขาคือใคร เจ้าก็บอกว่าเชฟมือขวาของ Jean Georges เราก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เหมือนคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง แต่หงส์ก็แบบโอเคตั้งสติ ทำผัดไทในสิ่งที่เรารู้ กะทะแรกพังไม่เป็นท่า เราก็อธิฐานพระเจ้า เรียกความเชื่อมั่นแล้วลองทำอีกครั้งจากนั้นส่งไปให้เขาชิม เขาบอกว่าเป็นผัดไทที่อร่อยมาก เหมือนที่ไอกินที่เมืองไทยเลย I have to tell Jean Georges about you. หลังจากนั้นจำได้ว่าเดินออกมาจากร้านร้องไห้เหมือนเป็นบ้า คือเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราฝันไว้ตั้งแต่เราอยู่เมืองไทยตั้งแต่เราทำอะไรไม่เป็น จนกระทั่งเราหาหนทางเข้าไปทำในครัวได้ มันเป็นจริงได้”


จากวันนั้นจนถึงวันนี้เชฟหงส์แสดงฝีมือที่ได้มาจากการประสบกาณ์อันเข้มข้นจนได้เป็นเชฟตัวจริงที่ทำอาหารให้คนดังได้ลิ้มรสชาติมากแล้วมากมาย และปัจจุบันเธอมีร้านอาหารไทยถึง 3 ร้าน ได้แก่ Thaimee Table เมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้คือเบอร์เกอร์ไส้อั่ว ที่ได้รับการโหวตให้ติด 1 ใบ 10 เบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดในอเมริกา , Thaimee Box ต้องลอง Afternoon tea สไตล์ไทยๆหนึ่งเดียวในโลก , Thaimee Magic ห้ามพลาดเมนูวุ้นเส้นเปลี่ยนสี ที่ช่างทำเล็บของ ‘เลดี้ กาก้า’ ยังยกนิ้วให้
รวมถึงผลงานหนังสือเรื่อง ‘True Thai’ ที่ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษวางขายทั่วโลก และ ‘เชฟหญิงเหล็ก สูตรชีวิตจากครัวไทยในนิวยอร์ก’ ผลงานเล่มล่าสุดที่เชฟหงส์บอกว่าเรื่องราวชีวิตแสนแซบที่เล่าวันนี้ไม่หมดรวบรวมไว้อย่างครบรสที่เล่มนี้ หรือถ้าใครอยากติดตามผลงานทางด้านรายการโทรทัศน์เชฟหงส์ก็ได้มารับหน้าที่เป็นคณะกรรมการในรายการ ‘สงครามปลายจวัก’ ที่ออกอากาศอยู่ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 หรือหากอยากชมฝีมือการทำอาหารและติดตามเชฟหงส์ก็สามารถเข้าฟอลโลอินสตาแกรมได้ที่ @hongthaimee นะคะ แล้วรับรองว่าคุณจะมีความสุขในการทำอาหารเหมือนเชฟหงส์แน่นอน!