IGNIV (อิกนีฟ) ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่มีดีกรีมิชลินสตาร์ 3 ดาวจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ แม้จะเลือกมาเปิดสาขาแรกนอกสวิสอย่างกรุงเทพได้เพียงไม่กี่ปี แต่ก็ได้รับความนิยมและโด่งดังในหมู่นักชิมอย่างรวดเร็ว สาเหตุเป็นเพราะห้องอาหารแห่งนี้ไม่เหมือนกับร้านไฟน์ไดนิ่งหรูหราทั่วไปนั่นเอง

ลบภาพเดิมๆ ของร้าน Fine Dining
จุดเด่นแรกที่เราสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในร้าน คือบรรยากาศ Cozy แสนจะสบายตัวสบายใจ ชวนให้รู้สึกเหมือนเหยียบย่างเข้ามาในห้องนั่งเล่นมากกว่าร้านอาหาร การตกแต่งภายในเน้นใช้สีฟ้าน้ำทะเล เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ประเภทโซฟาทรงโค้งที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบอย่างละเมียดละไมตามความตั้งใจของเจ้าของ เชฟแอนเดรียส คามินาดา ที่อยากให้ร้านอาหารแห่งนี้อบอุ่นและเป็นกันเอง ดังชื่อ IGNIV ที่แปลว่า “รังนก”
นอกจากบรรยากาศในร้านจะแตกต่างจากห้องอาหารไฟน์ไดนิ่งทั่วไปแล้ว วิธีการเสิร์ฟและประสบการณ์ในการกินยังแตกต่างอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย โดยที่ IGNIV จะไม่ได้เสิร์ฟเป็นคอร์สจานเดี่ยวสำหรับแต่ละคน แต่เลือกใช้วิธีการเสิร์ฟแบบ “จานกลาง” เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัส Sharing Experience ลดความเกร็งและความเป็นทางการของร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งลงอย่างหมดจด

หมุนเวียนเมนูตามฤดูกาล
ปัจจัยสุดท้ายที่ดึงดูดเหล่านักชิมให้แวะเวียนมานั่งรับประทานอาหารที่ IGNIV ตลอดทั้งปีก็คือ “การเปลี่ยนเมนูตามวัตถุดิบประจำฤดูกาล” ซึ่งหัวหน้าเชฟประจำสาขากรุงเทพ เชฟเดวิด ฮาร์ดวิด จะเป็นคนเลือกหยิบวัตถุดิบท้องถิ่นที่เจริญเติบโตได้ดีในแต่ละซีซั่นมารังสรรค์เป็นเมนูประจำฤดูกาล
มื้ออาหารที่อิกนีฟจะถูกเสิร์ฟทั้งหมด 4 คอร์ส 19 จาน แบ่งออกเป็น Snacks (ของทานเล่น) 4 คำ , Starters (อาหารเรียกน้ำย่อย) 7 จาน , Mains (อาหารจานหลัก) 4 จาน และ Desserts (ของหวาน) 4 จาน และถึงแม้เมนูหรือวัตถุดิบจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามแต่ละซีซั่น เอกลักษณ์ของแต่ละจานยังคงไว้ให้ได้กลิ่นอายเช่นเดิม อาทิ โคนคอนเนตโต ที่ไม่ว่าใครเห็นก็จำได้ว่าเป็นเมนูจากอิกนีฟ


Autumn Menu รสชาติที่อบอุ่นและซับซ้อน
เมนูประจำฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ของ IGNIV เริ่มต้นด้วยของทานเล่น 4 คำ ไล่เรียงรสชาติจาก มาการองแก่นตะวัน มีไส้ตรงกลางเป็นหัวไชเท้าและหอมแดงดอง ก่อนจะเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติต่อกับไอศกรีมคอนเนตโตไส้เห็ด ถัดมาเปิดต่อมรับรสด้วยกะหล่ำดาว พาร์เมซานชีส เลม่อน และขิง และปิดท้ายคอร์สแรกกันไปกับแซนด์วิชคุกกี้แป้งบาง สอดไส้ทาทาร์เนื้อลูกวัว ออนท็อปด้วยไข่นกกระทา
ไม่ทันปล่อยให้ขาดช่วง Autumn Menu จาก IGNIV คอร์สที่สองก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ซึ่งในคอร์ส Starters หรืออาหารเรียกน้ำย่อยนี้มีจำนวนมากที่สุดในบรรดาทุกคอร์ส หรือ 7 จานด้วยกัน ประกอบไปด้วย สลัด Red Beet และแครอท ซึ่งเป็นจานแรกที่ทำให้เรานึกถึงฤดูใบไม้ร่วงทันทีที่ตักเข้าปาก ด้วยรสชาติของพืชผักตระกูลหัวที่แผ่กระจายอยู่ทั่วทุกวัตดุดิบ ขณะที่จานถัดมาเองก็เต็มอิ่มไปกับรสชาติของปลาแม็คเคอเรล ปลาทูน่า และแตงกวาที่ถูกปรุงด้วยหลากหลายเทคนิค

จานที่สามเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติขึ้นมากับทาทาร์ปลา Arctic Char ออนท็อปด้วยฮอสแรดิชและไข่ปลาแซลมอน ถัดมายังจานที่สี่ที่วางอยู่ข้างกันแต่หน้าตาชวนให้ประหลาดใจ ก่อนทางอิกนีฟจะเฉลยว่าแผ่นทรงกลมสีแดงนี้คือแตงโมที่นำไปอบแห้งเป็นเวลาหลายวัน ให้เนื้อสัมผัสนุ่มเหนียวเคี้ยวเพลินพร้อมกลิ่นหอมตลบอบอวลอยู่ในปาก ด้านใต้เป็นสลัดเนื้อปูรสชุ่มฉ่ำเข้ากันได้ดี
จานที่ห้าเชฟเดวิดพาเราออกท่องไปสู่รสชาติที่เหมือนจะคุ้นเคยแต่ก็ประหลาดใจในทุกคำ รสอบอุ่นของหัวหอมใหญ่ที่ผัดจนสุก มัสตาร์ด และแยมลินกอนเบอร์รีเปรี้ยวหวาน ถูกเสิร์ฟมาในรูปแบบของไอศกรีมซอร์เบเย็นเฉียบ ถือเป็นอีกจานที่น่าสนใจและหยุดทานไม่ได้เลย
ใกล้จะจบคอร์สที่สอง จึงต้องเพิ่มคาร์โบไฮเดรตให้กับมื้ออาหาร โดยเสิร์ฟขนมปังเนื้อสัมผัสคล้ายครูตองซ์ ออนท็อปมาด้วยฟัวกรา แอปเปิ้ล และลูกเกด ก่อนเต็มอิ่มกับรสชาติสุดแสนอบอุ่นของจานสุดท้ายอย่างขนมปังบริออชร้อนๆ ปาดทับด้วยฟัวกราเทอร์รีนและองุ่นฝานบาง


เข้าสู่คอร์ส Mains อาหารจานหลักประจำฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเชฟเดวิดเลือกใช้เนื้อลูกวัวและเนื้อนกกระทาจากฟาร์มจังหวัดอุบลราชธานี เติมความอบอุ่นให้เข้ากับบรรยากาศซีซั่นนี้ด้วยฟัวกราและทรัฟเฟิล โดยเชฟรังสรรค์ออกมาทั้งสิ้น 4 จานด้วยกัน ได้แก่ เนื้อนกกระทายัดไส้ผักโขมและทรัฟเฟิล , สเต็กเนื้อกวางเสิร์ฟพร้อมพิวเรฟักทองน้ำเต้าและแอปเปิ้ล , มะเขือม่วงย่างพริกไทยดำเสิร์ฟคู่ซอสปาปริก้า และผัดกะหล่ำม่วงราดซอสกิมจิ ออนท็อปด้วยผักเคลอบกรอบ
เดินทางมาถึงคอร์สสุดท้ายของ Autumn Menu อย่างคอร์สขนมหวาน ที่ประกอบไปด้วยทั้งสิ้น 4 จาน 3 เมนู เริ่มต้นด้วยโมจิสอดไส้ไอศกรีมเสาวรส โรยผิวมะกรูดหอมชื่นใจ ถัดมาเพิ่มความหวานมันด้วยซูเฟล่มะพร้าวเนื้อเบาราวกับปุยเมฆ ทานคู่กับเมลอน ส้มโอ และสะระแหน่
ปิดท้ายเมนูประจำฤดูกาลกันด้วยของหวานรสจัดจ้านอย่างไอศกรีมดอกกาแฟและเหล้ารัม ให้ความหอมหวานผสมกับกลิ่นเอกลักษณ์ของเหล้ารัมฟุ้งกระจายอยู่ในปาก เป็นการจบมื้ออาหารอย่างอบอุ่นและเต็มอิ่มที่สุด
ร้าน IGNIV ตั้งอยู่ที่โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวันพฤหัสบดี – วันจันทร์ สำหรับมื้อเย็น (เวลา 17.30 – 00.00 น. / ปิดรับออเดอร์ 21.30 น.) และเปิดให้บริการทุกวันเสาร์ – วันอาทิตย์ สำหรับมื้อกลางวัน (เวลา 12.00 – 15.00 น. / ปิดรับออเดอร์ 14.00 น.) สามารถสำรองที่นั่งได้ทาง 02-207-7822


ข้อมูลและรูปภาพ : Courtesy of IGNIV and The St. Regis Bangkok