ร้านอาหาร Suhring เป็นร้านอาหารของเชฟคู่แฝดชาวเยอรมัน ชื่อว่า Thomas และ Mathias ความตั้งใจแรก คือการสร้างร้านอาหารเยอรมันเพื่อจะเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนทั่วโลก เพราะอาหารที่เขาตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นมา เป็นอาหารที่ใช้วิธีการทำแบบทันสมัย แต่กลับคงความดั้งเดิมของสมัยก่อนไว้ได้อย่างดี ซึ่งรสชาตินั้นจะเหมือนกับอาหารที่เขาเคยลิ้มรสเมื่อตอนยังเด็กนั่นเอง
“จ๋าได้ลองเข้าไปทานอาหารที่นี่ก่อนร้านจะเปิดค่ะ ตอนนั้นเชฟยังอยู่ระหว่างการคิดคอนเซป และทดลองเมนูอยู่เลย” คุณจ๋ายังเล่าบรรยากาศต่อไปอีกว่า “ร้านนี้ได้ตั้งอยู่ที่บ้านหลังเก่าๆที่ดูวินเทจ พวกเราได้ดื่มเรียกน้ำย่อยกันเล็กน้อย พร้อมนั่งชมธรรมชาติด้านนอกที่ร่มรื่น ผ่านกระจกใสในห้องไปในขณะเดียวกัน หลังจากนั้นเราก็ได้เดินเข้าไปรับประทานอาหาร “ห้องครัวเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ และหมอนอิงที่จัดวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งจ๋ารู้สึกว่าเหมือนเรามากินข้าวบ้านเพื่อนมากกว่า และแน่นอนว่ามุมที่ดีที่สุดในการรับประทานอาหารคือ ห้องครัว เพราะเราจะได้เห็นทุกขั้นตอนการปรุงอาหาร และความตั้งใจของเชฟกว่าจะมาเป็นอาหาร 1 จานตรงหน้า
อาหารยังคงรสชาติความเป็นเอกลักษณ์ของประเทศเยอรมันเอาไว้มาก ทั้งมีประโยชน์ และให้รสชาติเหมือนอาหารทำเองตามบ้าน ถูกปากพวกเรามากๆเลยค่ะ แต่สิ่งที่พิเศษที่หาไหนไม่ได้เลย คือความพิถีพิถันในการปรุงอาหาร เชฟตั้งใจทำอาหารมากๆ ทุกๆอย่างถูกจัดไว้ในขนาดพอดีคำ โดยเฉพาะขาหมูเยอรมันกับซาวเคร้าต์ครีมและเป็ดย่างกับฟักทอง ที่ทำให้จ๋าย้อนคิดถึงทริปมูนิคที่เคยไปมาเมื่อคราวก่อนค่ะ
จ๋าถือว่าเชฟคู่แฝดปรุงอาหารเยอรมันได้ประสบความสำเร็จมากๆ เพราะเชฟระดับท็อปหลายๆคนในเอเชียเห็นตรงกันว่าพวกเขาคืออัจฉริยะ และเชฟเหล่านั้นยังมาร่วมลงทุนในร้านอาหารนี้ด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่า “เพราะว่าเชฟคู่แฝดเป็นคู่แข่งคนสำคัญ เขาจึงต้องเก็บศัตรูไว้ใกล้ๆตัว” นับว่าเป็นคำชมที่ลึกซึ้งที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมาเลยค่ะ
สำหรับร้าน Gaggan Lab ตอนแรกจ๋าไม่คิดค่ะว่าเขาจะทำได้เลยค่ะ แต่คงต้องยอมรับว่าคราวนี้กากั้นทำจ๋าอึ้งไปเลย เขาเริ่มจากส่งจดหมายเชิญมาให้เรา 4 คน ให้ไปลองร้านอาหารใหม่ของเขา Gaggan Lab เป็นร้านที่อยู่ชั้นสองของร้านเดิม พวกเราฝ่ารถติดและฝนที่ตกลงมาอย่างกระหน่ำ เพื่อจะมาชิมอาหารอินเดียที่ไม่เหมือนใครกันที่นี่ค่ะ
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำอาหารเท่าไหร่เลยครับ ส่วนมากจะดูแลแขกในห้องอาหารมากกว่า แต่ว่าผมคิดถึงตอนที่อยู่ในครัวมากๆ” กากั้นกล่าว จ๋าบอกได้เลยว่าโครงการนี้ทำให้เขาได้กลับไปทำอาหาร และดูแลรับแขกในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบทำมากๆเลยค่ะ
การมารับประทานอาหารในร้านนี้ เหมือนได้มาสัมผัสบรรยากาศนั่งอยู่เคาน์เตอร์ห้องครัวบ้านเพื่อน พร้อมดูเพื่อนทำอาหารไปพลางๆ และจิบไวน์ไปในขณะเดียว บอกได้คำเดียวว่าอาหารที่นี่นั้น เป็นสวรรค์ของคนที่ชอบทานอาหารอินเดียเลย กากั้นตั้งใจเล่ารายละเอียดของแต่ละจาน ทั้งแรงบันดาลใจ ส่วนผสม และวิธีการทำ ทุกอย่างอร่อยลงตัวจนต่อจานสองได้เลยค่ะ โดยเฉพาะแกงกะหรี่หมู และแกะแทนดอรี่ ตอนที่พวกเรานั่งมองเขาจัดจานนั้น ช่างเขากันดีกับเพลงยุค 80 ที่เขาเปิดวันนั้นพอดิบพอดี
หลังจากที่ได้ลิ้มลองอาหารอินเดียวสไตล์ใหม่ไปในวันนี้ จ๋าบอกได้เลยว่าอดใจรอโปรเจ็กต์ใหม่ของกากั้นไม่ไหวแล้วค่ะ
