คนคลั่งเนื้อมารวมกันทางนี้ Mad Beef ร้านอาหารน้องใหม่สไตล์ Kaiseki ในย่านเจริญกรุง จาก ‘เชฟเชอ-พันธ์ทิพย์ อรรถการวงศ์’ เชฟและเจ้าของร้าน ที่รักเนื้อได้เข้ามาสัมผัสความอร่อยของเนื้อทุกๆ ส่วนไปพร้อมกัน โดยทางร้านจะใช้วัตถุดิบเฉพาะส่วน Secondary Cut เพื่อมาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าแม้เป็นเนื้อส่วนที่ไม่ได้รับความนิยม ก็อร่อยไม่แพ้กัน!

คำว่า Kaiseki ของใครหลายๆ คน อาจหมายถึงสไตล์อาหารญี่ปุ่น แต่สำหรับ Mad Beef การันตีว่าเป็น Kaiseki แบบไร้สัญชาติ จะเน้นไปที่การใช้เทคนิคการปรุงของหลากหลายประเทศมาจับคู่ให้เข้ากับเนื้อชนิดต่างๆ ให้เกิดความลงตัวของเนื้อแต่ละจาน
The Eye of Chuck

วันนี้เราขอไฮไลต์เมนูที่ HELLO! เห็นพ้องต้องกันว่า “ควรไปลองซักครั้ง” จานแรกที่อยากจะไฮไลต์เลยนั่นก็คือจาน The Eye of Chuck เนื้อส่วนใบพาย ช่วงสันคอถึงท้อง นำมาสไลซ์บางๆ แล้วท็อปด้วยซอสที่มีส่วนผสมของมะม่วง และสมุนไพรนานาชนิด ก่อนจะตัดรสชาติด้วยแอปเปิ้ลเขียวและกระเทียมกรอบ ไว้ยกระดับรสชาติให้กับเนื้อได้อย่างพิดิบพอดี
Between The Bone

เข้มข้นทุกจานจริงๆ แม้แต่ซุปร้อนๆ กับเมนู Between The Bone ที่เชฟเลือกใช้เนื้อส่วน Finger Rib ไป Sous Vide นานกว่าครึ่งวัน ไม่ต้องพูดถึงความหอม เพราะเชฟเชอได้ยกระดับความฟินโดยการนำเนื้อไปย่างเพิ่มความหอมและ Texture เวลาเคี้ยวให้มีความกรุบเล็กน้อย เสิร์ฟมาในซุปปลาแห้งที่ผสมกับซุปกระดูกวัว ได้ความเข้มข้นจากเลือดวากิว ทานพร้อมกับหัวไชเท้าต้มและกระเทียมเจียว รสชาติทุกอย่างเข้ากันได้อย่างลงตัวโดยไม่ต้องสงสัย
Beef Cheek

เมนูใหม่ล่าสุดจากทางร้าน ที่เปิดโอกาสให้เราได้ลองเป็นที่แรก! Beef Cheek หรือเนื้อส่วนแก้มวัวที่ผ่านการตุ๋นจนเปื่อย ทำให้เนื้อนุ่มละมุนมากๆ แต่ทีเด็ดจริงๆ แล้วคือซอสราสที่ผสมไปด้วยวัตถุดิบพิเศษมากมาย แต่รสชาติที่เด่นออกมาคนรสชาติของเนื้อวัว ที่เราก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ต้องมาลองเองถึงจะรู้
Caveman’s Heart

อีกหนึ่งเมนู Signature กับ Caveman’s Heart ที่เชฟนำเนื้อส่วน Hanger Man มาปรุงรส นำเสนอเนื้อด้วยวิธีการย่างในสไตล์ของ Caveman หรือการย่างบนถ่าน ซึ่งเพิ่มความหอมให้กับเนื้อ และเพิ่มความฟินเวลาเคี้ยว เสิร์ฟมาคู่กันกับซอสมิโสะแดงผสมเนย แนะนำให้รีบทานคู่กับซอสตอนซอสฟูๆ จะอร่อยๆ มากๆ แต่เชฟเชอก็คอยเติมซอสให้เผื่อว่าเราทานไม่ทันซอสละลาย

Mad To The Bone

มาถึง Main Course จานที่ 2 อีกหนึ่งเมนูเด็ดอย่าง Mad To The Bone กับเนื้อวัวสายพันธุ์ Angus ที่เชฟเชอเลือกใช้ส่วน Tenderloin ติดกระดูก เนื้อที่ฉ่ำไปด้วยความหวานของเนื้อ ถือว่านุ่มละลายลิ้น อีกหนึ่งสิ่งบนจานที่โดดเด่นไม่แพ้กันนั่นก็คือมันบด ที่มีความละเอียดเหมือนครีม แต่ยังคงความเหนียวเวลาเคี้ยว ทานคู่กับ Red Wine Source คือที่สุดแล้ว
Mad Don

มาถึงจุดๆ นี้แล้ว จะเรียกว่าเริ่มอิ่มก็ไม่ผิด แต่ต้องขอยกนิ้วให้จาน Mad Don นี้จริงๆ ข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่น ที่เชฟเชอเลือกใช้เนื้อสันคอไป Sous Vide ให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่ม พร้อมอธิบายลายเนื้อให้เราได้ฟังกัน ก่อนจะนำไปย่างไฟและสไลซ์เป็นชิ้นบางพอดีคำ เสิร์ฟมาบนข้าวผัดกระเทียมที่เม็ดข้าวแตกต่างจากที่อื่น และท็อปด้านบนด้วยไข่ดอง สัมผัสแรกคืออยากจะเคี้ยวต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากกลืนเลย เพราะมันนุ่มและอร่อยมากๆ
Mad Ice Cream Sandwich

นอกจากของคาวแล้ว ของหวานก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน Mad Ice Cream Sandwich ไอศกรีมที่ทำมาจาก Beef Fat ที่เชฟนำไปรมควันกับ Apple Wood สอดไส้ด้วยราสพ์เบอร์รีเจลลี ประกบด้วยขนมสไตล์ญี่ปุ่นอย่างขนมข้าวโมนาโกะ กัดคำแรกจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นเนื้ออ่อนๆ พอเริ่มกัดคำที่ 2 ที่ 3 ต่อมา รสชาติจะค่อยๆ จางหายไป เป็นการปิดท้ายค่ำคืนที่ลงตัว

พิกัดของร้านตั้งอยู่ที่ ATT19 คาเฟ่ ที่สร้างบรรยากาศแสนสบายของบ้านหลังใหญ่ ซึ่งทำให้ร้านรองรับลูกค้าได้เพียง 13 คนต่อรอบเท่านั้น และมีเพียงหนึ่งรอบต่อวันอีกด้วย