Home > Lifestyle > Food & Drink > ‘มิดไนท์ มูน’ (Midnight Moon) ลิ้มรส ชมจันทร์บนเส้นทางของดอกไม้

           ขอต้อนรับสู่เรื่องราวความสมบูรณ์แบบของ รูป รส กลิ่น เสียง องค์ประกอบของความสุขจากความพิถีพิถัน ที่เราเพิ่งได้สัมผัสกับอย่างอิ่มเอมใจ ในค่ำคืนพิเศษจาก “มิดไนท์ มูน” (Midnight Moon)  คอร์สดินเนอร์ภายใต้สวนสวยของพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) ภายใต้คอนเซ็ปต์อินเตอร์มิชชั่นคอร์ส สัมผัสความสุขได้ทุกมิติ บนเรื่องราวการเดินทางของของดอกไม้ หรือประสบการณ์เดินทางพบความสุข ของ อ.สกุล อินทกุล นักออกแบบดอกไม้เจ้าของสถานที่แห่งนี้

“เดือนงามยามเที่ยงคืน”   หรือ   “สุรานารี  (ชาตรี) มาลีเมรัย ผูกใจดวงน้อยของฉันไว้ ใต้แสงเดือนงามยามค่ำคื่น” คือชื่อไทยแท้ ของร้านที่อาจารย์สกุลตั้งไว้เพื่อบอกคอนเซ็ปต์ความสวยโรแมนติกได้ชัดเจน    เรานัดพบกับในบรรยากาศยามเย็น เพลินสายตาด้วยสวนสวย และฝีมือการจัดดอกไม้อันสวยงามไร้ที่ติ ในทุกมุมของบ้านโบราณย่านสามเสน  เมื่อเสียงจิ้งหรีดเรไร เริ่มบรรเลงตามกิจวัตรก็ถึงเวลาเริ่มต้นสัมผัสความเอ็กซ์คลูซีฟของมิดไนท์ มูน   อาจารย์เชิญเราเข้าไปในห้องดินเนอร์ขนาด 20 ที่นั่ง ภายในตกแต่งด้วยระย้า และพุ่มแจกันดอกไม้ บวกแสงไฟสลัวเนรมิตเป็นโลกของดอกไม้สุดอบอุ่นและโรแมนติก

ด้วยความเข้าใจในรูปรสสัมผัสของดอกไม้อย่างดีมากว่า 30 ปี  อาจารย์สกุล ใช้เวลา 2 เดือน ในการเข้าครัวทดลองปรุงอาหารสูตรพิเศษ ที่สามารถบอกเรื่องราวประทับใจในการเดินทาง  เผยตัวตนของดอกไม้ชนิดต่างๆ ผ่านรสสัมผัสอย่างครบถ้วน  จนได้เมนูแรก  “ทาคายามะ มิโซะ โทฟู” (Takayama Miso Tofu)  เล่าถึงการเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น จังหวัดทาคายามะ ครั้งแรก ถ่ายทอดบรรยากาศขณะกำลังมองวิวสวยๆ   พร้อมได้กลิ่นอาหารเช้าที่ชาวญี่ปุ่นใช้มิโซะกริลลงไปบนใบแมกโนเลียร้อนๆ  เผยกลิ่นหอมติดจมูกอบอวลไปทั่วห้องเป็นความประทับใจไม่รู้ลืม   พอต้องคิดในรูปแบบเมนูไทยอาจารย์จึงครีเอทใหม่โดยใช้ใบแมกโนเลียสกุลไทย หรือเรียกง่ายๆ ว่าใบจำปีจากหลังบ้านมากริลมิโซะซอส และเต้าหู้  ได้กลิ่นหอมสดชื่นไม่แพ้กัน ทานคู่กับขมิ้นขาวดองโฮมเมด  ย้ำว่าก่อนรับประทานต้องดมดอกจำปีก่อน แล้วย้ายไปสูดกลิ่นใบจำปีย่างไปพร้อมตักเต้าหู้ทานไปด้วย  จะได้รสความสุขจากกลิ่นทั้งใบและดอกไม้หอม

รื่นรมย์กับเมนูแรกผ่านอากาศเย็นๆ ดอกไม้สวยไปสักพัก อาจารย์สกุลก็ชวนเราไปเปิดประสบการณ์เดินทางไปที่ มุมไบ ประเทศอินเดีย  “มุมไบ มาซาลา แมงโก้  แอนด์ แมริโกลด์”  (Mumbai Masala Mango & Marigold) เสิร์ฟมาพร้อมกับโครงกระเช้าดอกดาวเรืองเป็นการพาข้ามสู่บรรยากาศชมพูทวีป เมืองวัฒนธรรมอลังการที่อาจารย์ประทับใจในรายละเอียดทุกครั้งที่ไปเยือน  แมริโกลด์ ดอกไม้สกุลดาวเรืองที่นำมาประดับ กับมะม่วงน้ำดอกไม้สุกมีสีและกลิ่นที่เข้ากันอย่างน่าประหลาดใจ  พร้อมลิ้มรสกับสลัดผักหลากชนิด และยำมะม่วงในซอสมาซาลาแฝงความเผ็ดนิดๆ หอมหน่อยๆ ตัดเป็นชิ้นห่อกับผักแล้วรับประทานแกล้มมะยงชิด  มีมิติของรสชาติทั้งหวาน เผ็ด หอม และชื่นใจ

ต่อเนื่องด้วยเมนูของทอดพักเบรคที่หอมพอๆ กับดอกไม้ทั้งสวนในชื่อ   “คารามารีกับซอสดอกอัญชัน”    ปลาหมึกชุปเกล็ดมะพร้าวทอด ทานคู่กับน้ำจิ้มเบสมาจากดอกอัญชัน เริ่มจากดมและชิมน้ำจิ้มเปล่าๆ  ก่อนนำปลาหมึกมาจิ้ม อีกครั้งรสจะค่อยๆ หวานกลมกล่อมขึ้น  สามารถบีบมะนาวลงไปในซอสเพิ่มความสดชื่นตัดรสมันหอมจากเกล็ดมะพร้าวที่จับตัวกันนุ่ม กรุบๆ เมื่อเคี้ยวเล่น

มาตัดความมันกันต่อด้วยซุปร้อนๆ  “ซุปตะไคร้หอม ดอกชมจันทร์ (Lemongrass Soup with Shrimp,Mushroom & Moon Flower)  เกสรของดอกชมจันทร์มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ แต่เมื่อดึงออก และนำแค่ตัวดอกมาใส่ในซุปใส จะมีความหวานมันตัดกับกลมกล่อมและหอมฟุ้งของซุป อัดแน่นด้วยกุ้งกับเห็ดที่ใส่มาให้เต็มที่อยู่ท้อง ตามความตั้งใจจากเจ้าของเมนูที่อยากให้อาหารทุกจานต้องสวย หอม อิ่ม และอร่อย

พักท้องเรียบร้อยแล้วเราบินข้ามกลับมาประเทศเพื่อนบ้าน ในเมนู “สลัดเมืองหลวง”  (Salad Muang Luang) คอนเซ็ปต์ของเมืองหลวงพระบาง  อาจารย์นำบรรดาดอกไม้ที่กินได้หมดทั้ง ดอกเข็ม ดอกโสน ดอกอัญชัน และ  ดอกพวงชมพู   ผสมผสานกับสลัดผักเอเชีย  ทานพร้อมข้าวตังบิออกแล้วทานไปด้วยกันแบบฝรั่งเศส  แต่ก่อนลงมือลิ้มรสต้องสัมผัสความหอมของหมูห่อดอกจำปาลาวทอด 1 คำ  แรงบันดาลใจเมนูนี้มาจากการเดินทางไปหลวงพระบางแล้วพบกับต้นดอกจำปาลาว หรือดอกลั่นทม เรียงรายสวยงามและหอมตรึงใจ  รสชาติอาจเฝื่อนนิดๆ แต่มีกลิ่นดอกจำปาลาวอบอวลในปาก อร่อยและผ่อนคลายไปพร้อมกัน

ปิดท้ายเมนคอร์ส กับเมนู  “ปลา และ ไก่ย่าง ทานคู่กับซอสมะม่วงมัสตาร์ด(Kolkata Pan-Grilled Chicken with Mango Mustard Sauce)  เนื้อไก่และปลาถูกปรุงมาให้นิ่มคู่กับมะม่วงชิ้นเล็ก และซอสรสเข้มข้น หั่นเนื้อใส่ผักราดซอสและห่อทานเป็นคำๆ จะได้ลิ้มรสความชุ่มฉ่ำชื่นใจ  หรือรับประทานกับข้าวหุงดอกอัญชันสีม่วงหอมก็รสเข้ากันดี

หลังจบอาหารจานหลัง อาจารย์สกุล พาเดินชมสวนยามค่ำสัมผัสความงามของธรรมชาติที่ไม่เคยหลับไหล  และกลิ่นหอมของดอกไม้ตอนกลางคืน ก่อนกลับมาจิบน้ำชาใต้แสงจันทร์  เริ่มต้นด้วยการโรยกลีบกุหลาบให้ทั่วทั้งโต๊ะเพื่อต้อนรับเมนูของหวานสุดโรแมนติกอย่าง “ไอศกรีมเชอร์เบทดอกกุหลาบอินเดีย” เย็นและหอมละมุนทุกคำ ปิดท้ายด้วย “น้ำชา กับชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่น ” มาพร้อมโครงตะเกียงเทียนประดับดอกไม้สวยงาม  สร้างบรรยากาศชวนให้กระซิบกระซาบบอกรักกัน ส่งท้ายค่ำคืนของดอกไม้แห่งความทรงจำ

————————————————————
        

‘มิดไนท์ มูน (Midnight Moon)    ตั้งอยู่ภายใน 315 สามเสน 28 ยกองครักษ์ 13  ในส่วนของห้องอาหาร จะเปิดบริการทุกค่ำคืนวันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ รวมทั้งทุกๆ วันที่ฟ้าไร้จันทร์ (แรม 15 ค่ำ)   เริ่มคอร์สตั้งแต่เวลา 17.30น  –  เที่ยงคืน   ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ 02 669 3633-4    Facebook :The Museum of Floral Culture

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.