วันนี้ HELLO! ได้มีโอกาสไปสัมผัสประสบการณ์ที่ Ms.Jigger คอกเทลบาร์แห่งใหม่ล่าสุด ที่พาเราก้าวเข้าสู่โลกของ Ms.Jigger นักเดินทางสาวแกร่งรสนิยมสูงที่เดินทางไปทั่วโลกตั้งแต่ปารีส อิตาลี ไปจนถึงรัสเซีย และได้แรงบันดาลใจมาสร้างสรรค์คอกเทลภายใน Lounge ที่แสนสบายน่านั่ง ชวนให้จิบเครื่องดื่มพร้อมกับลิ้มรสอาหารอิตาเลียน และเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวใหม่ๆ ในค่ำคืนหรรษา
Signature Cocktail

Feast of Ferragosto คอกเทลที่มีส่วนผสมของไข่ขาว ชีส และมะนาว ให้ความรู้สึกตื่นเต้นในรสชาติมาก เพราะรสชาตอที่เราได้สัมผัสนั้น แตกต่างไปจากเมนู Cocktail ที่เคยไปชิมมา มีรสชาติที่หวานปนเค็ม และความมันของชีส เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่หาดื่มได้ยากจริงๆ

Venice for one เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ใครหลายๆ ท่านมาดื่มที่ Ms.Jigger ด้วยเอกลักษณ์ของสีสันที่ดูสดใส ปนกับมะกอกลูกโตที่พาดอยู่ด้านบน Cocktail เวลาที่เสิร์ฟ จะมาเป็นชั้น Layer ของวัตถุดิบชนิดต่างๆ ก่อนดื่นทางร้านแนะนำให้คนให้ทุกอย่างปนเข้าด้วยกันก่อน
Signature Dish
นอกจากคอกเทลที่สร้างสรรค์แล้วก็มาถึงเรื่องของอาหารบ้าง ที่จะพาเราท่องไปทั่วอิตาลี โดยเชฟแดนิโลที่เน้นการแชร์อาหารกันในหมู่เพื่อนฝูง หรือระหว่างคนรัก เพื่อความสนุกสนานและเป็นกันเองของอาหารมื้อนี้

เราเริ่มอุ่นเครื่องกันด้วยริซอตโตทอดที่มีส่วนผสมของข้าวริซอตโต ชีส เห็ด และทรัฟเฟิลดำ ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วทอดจนเหลือง รสสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน เข้ากับ Feast of Ferragosto ได้อย่างดี เพราะกลิ่นของชีสที่ผสมกับทรัฟเฟิลดำ จะมาความหอมในสไตล์อาหารอิตาเลี่ยนมาก

ต่อกันที่ Appetizers จานที่ 2 กับ Bruschette with chicken liver pate ที่ให้สัมผัสที่เนียนลิ้น รสชาติกลมกล่อม แกล้มมะกอกอิตาเลียนดองเม็ดโตในคอกเทล Venice for one ได้ดีทีเดียว

มาถึงเมนูประเภท Pasta กันบ้าง อีกหนึ่งจานที่แนะนำคือราวิโอลิโฮมเมดที่มีขนาดใหญ่กว่าทั่วไปหน่อยนึง ที่มาพร้อมกับแป้งบางนุ่ม สอดไส้ผักขมกับริคอตตา ชีส แต่งหน้าด้วยเพสโต ซอส สีเขียวตัดกับสีแดงของซอสมะเขือเทศที่ออกเผ็ดนิดๆ นอกจากหน้าตาจะสวยงามแล้ว รสชาติยังอร่อยให้ความรู้สึกสดชื่นอีกด้วย

ในที่สุดเราก็มาถึง Main Course กันแล้ว กับซี่โครงแกะหุ้มด้วยครัสต์กรอบๆ ที่มีส่วนผสมของมัสตาร์ดและสมุนไพรเข้มข้น เสิร์ฟกับผักขม และมันฝรั่งอบแบบกรอบนอกนุ่มใน เป็นจานที่เราชอบมากที่สุด เพราะเชฟปรุงรสและเสิร์ฟแกะได้ดีมากๆ ให้ดาวเลย เนื้อแกะนุ่มมากหอมสมุนไพร แม้จะมีซอสเห็ดใส่ถ้วยวางมาข้างๆ แต่ไม่จำเป็นต้องพึ่งซอสใดๆ เลย เพราะเนื้อแกะซึบซับรสชาติความอร่อยไว้ได้ลงตัวแล้ว

ปิดท้ายกันกับของหวานที่ให้ความรู้สึกว่าถึงอิตาลีแล้วก็คือ Tiramisu ด้วยรสชาติอ่อนๆ ของกาแฟมาผสมกับรสชาติอันอ่อนนุ่มของช็อคโกแลต เป็นการปิดท้ายค่ำคืนสุดแสนจะเพอร์เฟคค่ะ

บรรยากาศของที่นี่มีทั้งส่วนที่เป็นอินดอร์และเอาท์ดอร์ให้เลือก ว่าคุณอยากจะพบปะผู้คนก็นั่งด้านใน หรือต้องการความสงบใกล้ชิดกับธรรมชาติก็นั่งด้านนอกได้ และวันเสาร์-อาทิตย์ มีมื้อกลางวันให้มาดื่มด่ำกับรสชาติความเป็นอิตาเลียนพร้อมชื่นชมธรรมชาติภายนอกที่เขียวขจีของ Kimpton Maa-Lai Bangkok ด้วย
เปิดมื้อเที่ยง 11.30 – 14.30 น. มื้อเย็น 17.30 – 00.00 น. (ปิดวันอังคาร)
สามารถติดตามได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 15 ฉบับที่ 10
ประจำวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563
หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com