วันเวลาผ่านไป มีสิ่งใหม่ๆ เข้ามามากมาย แม้กระทั่งในวงการอาหาร การหาอาหารไทยแท้ๆ แบบที่พ่อแม่เรารับประทานกลายเป็นของหายาก ทั้งๆ ที่ปู่ย่าตายายของเราล้วนมีสูตรเด็ดของแต่ละครัวเก็บไว้เป็นตำราให้ค้นคว้าเต็มหอสมุดแห่งชาติ เมื่อคุณปรียาธร พิทักษ์วรรัตน์ ผู้ทำพระยาไดนิ่ง ในโรงแรมพระยาพาลาซโซ จนมีชื่อเสียงโด่งดังแล้วเธอก็นึกถึงใจคนที่อยากจะรับประทานอาหารไทย แต่ไม่อยากไปไกลมาก จึงเลือกมาเปิดร้านอาหารอยู่ที่สาทร 1และตั้งใจนำอาหารไทยแท้ๆ ที่ไม่ฟิวชั่นกลับมาใหม่
ภายในร้านโดดเด่นด้วยเพดานสูงที่ตกแต่งด้วยกระดิ่งทองเหลืองที่มักห้อยอยู่ตามชายคาศาลาไทย บางครั้งก็จะเสียงกรุ๋งกริ๋งคลอไปกับเสียงเพลงไทยบรรเลงโดยคุณ ดนู ฮันตระกูล หรือบางทีก็จะเป็นเพลงคลาสสิกของโมซาร์ท ให้บรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางความสดชื่นของดอกไม้สดเราเรียกน้ำย่อยกันด้วยของว่างจานแรก คือค้างคาวเผือก ที่ทำจากแป้ง 3 ชนิดผสมกับเผือก บดนวดเป็นแผ่นบางๆ ห่อไส้ที่ทำจากกุ้งผัดกับมะพร้าวและเครื่องแกงปั้นเป็นรูปสามเหลี่ยมทรงคล้ายค้างคาวห้อยหัว กินกับอาจาด เจ้าของตำรับคือ เจ้าครอกทองอยู่ พระชายาเอกในกรมพระราชวังหลัง นับเป็นของว่างที่ประณีตบรรจงมาก
เรียกความแซบกันอีกนิดด้วยกุ้งตะไลตามตำรับของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ หรือ ‘แม่ครัวหัวป่าก์’ โดยใช้กุ้งสดลวกพอสะดุ้งเดิมใส่มาในถ้วยตะไล แต่ที่นี่ดัดแปลงเป็นแก้วช็อตที่ต้องยกซดทั้งแก้ว จะได้ความเปรี้ยวของมะกรูด ส้มซ่า และมะนาว หอมถั่วลิสงและเผ็ดด้วยกระเทียมไทยกลีบน้อย ตบช็อตแรกแล้วต้องมีช็อตที่สองตามมาแน่นอนค่ะ เพราะอร่อยมากๆ เมนูอาหารทุกจานผ่านการรีเสิร์ชมาอย่างจริงจัง และปรับเล็กน้อยให้เข้ากับเทคนิคการครัวในปัจจุบัน แต่ที่เหมือนเดิมคือการเน้นวัตถุดิบสดใหม่ และสะอาด ยำส้มโอรสกลมกล่อมก็ต้องใช้ส้มโอจากนครชัยศรี น้ำพริกกะปิปลาทู ห้ามพลาดค่ะอลังการด้วยเครื่องจิ้มที่มีทั้งผักสด ผักลวก และผักทอดจิ้มน้ำพริกกะปิแบบข้น เครื่องเพียบ หอมกุ้งแห้ง และกลิ่นมะนาวสดๆ อวลขึ้นมาเชียว รับประทานคู่กับแกงจืดสาคู ไข่เค็ม ที่รับรองว่าเด็กสมัยนี้ไม่รู้จัก ที่นี่ใช้เม็ดสาคูนวดจนเนื้อละเอียดปั้นเป็นลูกเล็กๆ ไส้เป็นไข่เค็ม เรียกว่า ‘ฟองสกุณา’ ได้ความหวานของน้ำซุปจากหัวไชเท้า ประณีตสุดๆ อีกจานหนึ่งที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาคือ ผัดดอกขจร เพราะโรยหน้าแบบไม่ยั้งมือด้วยกากหมูและกระเทียมเจียวหอมกรอบ
แกงจี๋จ๋วน หรือแกงจีนจ๊วน ตำรับท่านผู้หญิงกลีบ มหิธรเพิ่งเคยเห็นที่นี่เป็นที่แรก เป็นแกงโบราณที่นิยมทำในวังได้รับอิทธิพลมาจากแกงชวา เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสชวา แกงโดยกุ๊กจีนชื่อจ๊วน เป็นแกงกะทิรสอ่อนใส่ส้มซ่า ถั่วลิสง และพริกหยวก เป็นแกงแขกที่อมเปรี้ยวนิดๆ แก้เลี่ยนดีทีเดียวแกงรัญจวนที่เกิดจากน้ำพริกกะปิก้นถ้วยนำมาละลายน้ำใส่เนื้อหรือหมูกับใบโหระพาจนหอมรัญจวนกลายเป็นเมนูใหม่ที่ซดได้คล่องคอ ที่นี่ยังมีเมนูไทยแท้ๆ ให้ไปลองชิมอีกมากมาย ทั้งอร่อยและมีความเป็นมาที่น่าสนใจศึกษา มาช่วยกันรดน้ำให้อาหารไทยเบ่งบานต่อไปอีกนานๆ ที่สำคัญคือราคาสบายกระเป๋ามากค่ะ
สอบถามและสำรองโต๊ะ: Siam Spring Bistro 38/9 The Natural Place Suite สาทร 1 ซ.งามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ กรุงเทพฯ 10120 โทร. 08–7777–3555 เปิด 10.30 – 21.30 น. ปิดวันจันทร์