The Story House ห้องอาหารใหม่ของ The Siam Hotel ที่หยิบคอมฟอร์ตฟู้ดมารังสรรค์ใหม่ให้โมเดิร์น
หนึ่งในโรงแรมโปรดของ HELLO! ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็คือ The Siam Hotel (โรงแรม เดอะ สยาม กรุงเทพฯ) ที่แม้ว่าจะตั้งอยู่ในย่านอันแสนคึกคัก แต่ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปก็จะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และอาจพูดได้ว่าเป็นเหมือนคอมฟอร์ตโซนของใครหลายคน
หากใครเป็นขาประจำของโรงแรม เดอะ สยาม กรุงเทพฯ คงจะรู้ดีว่าในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ห้องน้ำชายามบ่ายที่เคยเป็นโซนเอาต์ดอร์ ได้ถูกรีโนเวทใหม่ให้กลายเป็นเรือนกระจกเต็มตัว นอกจากนี้ทางโรงแรมยังได้เปิดตัวร้านอาหารฟูลไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ‘The Story House’ ที่ได้หัวหน้าเชฟ Blaire Mathieson นำทัพรังสรรค์เมนูใหม่ๆ เติมความสดชื่นให้กับห้องอาหารด้วยวัตถุดิบสนุกสนานและเทคนิคอันซับซ้อนจากทั่วโลก


บทอินโทรสนุกสนานเรียกน้ำย่อย
เริ่มมื้อสายของวันนี้กันด้วยจานเรียกน้ำย่อยสีสันสดใสอย่าง Charred Calamari ปลาหมึกเนื้อแน่นเด้ง เสิร์ฟมาบนฮัมมูส ราดซอสเพสโตที่ผสานความหอมมันไว้ด้วยวอลนัตและใบผักชี ก่อนปิดท้ายตัดรสชาติด้วยพริกหวาน
เติมความสดชื่นให้มื้ออาหารด้วย Beetroot Carpaccio บีทรูทสีจัดจ้าน เสิร์ฟคู่มากับลูกฟิก (Fig) ที่สุกหวานกำลังพอดี ทับทิม วอลนัต และครีมฮอสแรดิช (Horseradish Crème) เมื่อทานทั้งหมดในคำเดียวจะได้รสชาติหวานละมุนแสนสดชื่น
จบคอร์สเรียกน้ำย่อยด้วยเมนูยอดฮิตประจำห้องอาหารอย่าง Seared Sesame Crusted Tuna เนื้อทูน่าถูกย่างมาให้สุกแค่พอรอบนอก เพิ่มความกรุบกรอบด้วยงาขาวและดำ ราดน้ำสลัดงาซีอิ๊วญี่ปุ่น ทานคู่กับแตงกวาและอะโวคาโด เมื่อทานเสร็จจะรู้สึกอยากทานจานหลักต่อไป



เมนูหลักแสนคอมฟอร์ตกับรสชาติที่แปลกใหม่
คอนเซปต์ของร้าน The Story House คือการหยิบเมนูคอมฟอร์ตฟู้ด (Comfort Food) มาดัดแปลงและนำเสนอรสชาติใหม่ๆ ที่คุณอาจไม่เคยรับประทานที่ไหนมาก่อน ให้คุณได้กินจานโปรดด้วยรสชาติแปลกใหม่ ดังนั้นในเมนูจานหลักนี้เราจะได้เห็นหลากหลายเมนูที่รู้สึกคุ้นชื่อ แต่กลับไม่คุ้นหน้า
อย่างจานแรกที่ถูกยกมาวางบนโต๊ะก็คือ Pork Chop แต่พอร์คช็อปของที่นี่ต้องบอกเลยว่าไม่เหมือนที่เราเคยทานที่ไหนมาก่อน โดยเนื้อหมูที่เลือกมาใช้มาจากหมูที่ถูกเลี้ยงแบบอิสระ (Free Range) เสิร์ฟมาบนพูเรดอกกะหล่ำ (puree) เนื้อหมูเกลซด้วยซอสฮอยซิน ให้ความหวานเค็มกำลังพอดี ตัดรสด้วยแยมโชริโซด้านบน
ตามมาด้วยสเต็กอีกจานที่เชื่อว่าคงถูกใจใครหลายคนอย่าง Lamb Cutlets ที่เสิร์ฟแบบเนื้อยังติดกระดูกเพื่อคงความหวานฉ่ำของเนื้อแกะไว้ ทานคู่กับมะเขือม่วงรมควัน ซอสพริกตูนิเซียอย่างซอสฮาริสซา (Harissa) น้ำมันใบโหระพา และซอสจูส์กระเทียมดำ ให้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมเข้ากัน
ปิดท้ายเมนูจานหลักกันด้วยเมนูคอมฟอร์ตฟู้ดอย่างพาสต้า Ghocchi เนื้อแป้งญ็อกกีนุ่มเนียน เข้ากับรสชาติจัดจ้านของซอสกุ้ง เมื่อทานคู่กับเนื้อกุ้งนุ่มเด้งแล้วเข้ากันดีสุดๆ ที่สำคัญเชฟยังได้เพิ่มความสนุกให้กับจานนี้ด้วยครัมเบิลกระเทียมและกลิ่นสดชื่นของทาร์รากอน (Tarragon) และหญ้าฝรั่น (Saffron)



บทจบของมื้ออาหารด้วยของหวานจานโปรด
แน่นอนว่ากินคาวแล้วก็ต้องกินหวาน สำหรับเมนูที่เราได้ลองชิมในมื้อนี้ถือเป็นจานคลาสสิกที่ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็คงจะเอนจอยได้ไม่ยาก โดยจานไฮไลต์แรกคือ Soft Chocolate ที่เรากล้าการันตีว่าสายช็อกโกแลตจะต้องเลิฟ ตัวมูสช็อกโกแลตเนื้อนุ่มเนียน รสเข้มข้น ไม่หวานจัด ตัดกับซอสคาราเมลที่ให้ความหวานและเค็มกำลังพอดี ด้านบนเพิ่มความหอมและกรุบกรอบด้วยฮันนี่คอมบ์ เปลือกส้มแคนดี้ และใบโหระพาซอย
ส่วนจานสุดท้ายที่ปิดจบมื้ออาหารนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบก็คือ Hot Cinnamon Donut โดนัทเนื้อแน่นหอมกลิ่นซินนามอน เสิร์ฟมาร้อนๆ คู่กับกล้วยไข่คาราเมลไลซ์ด้านบน ให้สัมผัสกรอบนุ่มตัดกัน เสริมความกลมกล่อมของรสชาติด้วยไอศกรีมวนิลาหอมละมุน


หากใครอยากไปใช้เวลาช่วงบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์ทานอาหารกับครอบครัว หรือแม้แต่จะไปดินเนอร์กับคนพิเศษในวันสำคัญ ก็สามารถติดต่อสอบถามเพื่อสำรองโต๊ะได้ทาง
- Facebook ของ The Siam Hotel
- เว็บไซต์ www.thesiamhotel.com
- หรือโทร 02-206-6999

