คุณลิ้ม-สมชัย ส่งวัฒนา CEO และ Art Directorแห่งอาณาจักร Flynow อัจฉริยะแห่งวงการออกแบบ ความกล้าที่จะบุกเบิกความเป็นดีไซเนอร์ของตัวเองในต่างแดนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และนำประสบการณ์ดังกล่าวกลับมาสร้างอาณาจักรที่บ้านเกิด และนี่เป็นครั้งแรกที่ HELLO! ได้เหยียบย่างเข้าสู่อาณาจักรส่วนตัวของเขาซึ่งไม่เคยเปิดต้อนรับสื่อใดๆ มาก่อน
“บ้านของผมจะตื่นตอนหกโมงเย็นเป็นต้นไป ถ้าคุณมาในตอนเช้า คุณจะพบว่าเขากำลังหลับอยู่ ไม่พร้อมต้อนรับแขก แต่เขาจะเริ่มมีบรรยากาศของตัวเขาตั้งแต่บ่ายสามโมงเป็นต้นมา จนกระทั่งตื่นเต็มตาพร้อมรับแขกช่วงนี้ เพราะผมตั้งใจจัดไลท์ติ้งในบ้านให้ล้อไปกับเมืองกรุงเทพฯ ด้านนอก ผมใช้ระบบไลท์ติ้งทั้งหมดจากประเทศเยอรมนี เป็นระบบไฟที่ใช้ในพิพิธภัณฑ์ระดับโลก เพราะผมต้องการให้ของทุกชิ้นในบ้านของผมเปล่งประกายให้สวยงามที่สุดโดยไม่แก่งแย่งกันและกัน สารภาพว่าการเซ็ตไลท์ติ้งในบ้านหลังนี้ยากมาก ไฟทุกดวงคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมอย่างเป็นอิสระจากกันและกัน ปล่อยแสงตามเลเยอร์ ความสูง และสีสันของสิ่งที่มันตกกระทบ เพื่อให้แสงโดยรวมทั้งบ้านดูกลมกลืนและให้ชีวิตกับบ้านหลังนี้อย่างเต็มที่ที่สุด”
ตึกหลังนี้เป็นอาคารเก่าที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ตัวตึกถูกออกแบบให้เป็นโค้งรูปไข่ล้อไปกับผืนน้ำเจ้าพระยาเบื้องล่าง ระเบียงถูกออกแบบอย่างชาญฉลาดและจงใจให้เชื่อมติดกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้ผู้พักอาศัยได้ดื่มด่ำกับวิวพาโนราม่าของฝั่งพระนครได้อย่างเต็มที่ จากมุมนี้คุณสามารถเห็นพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นในได้แบบสุดลูกหูลูกตาโดยไม่มีอะไรปิดบัง
“ข้าวของบนโต๊ะที่วางไว้แบบนี้ ถ้าแม่บ้านมาขยับเพียงนิดเดียว ผมก็จะรู้ได้ทันที จะว่าผมเป็นเพอร์เฟกชั่นนิสต์ก็ได้นะ แต่เวลาผมเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะอยู่ในที่ของมัน ผมจะรู้สึกหงุดหงิดใจ”
นอกจากคุณลิ้มจะจดจำสิ่งของทุกชิ้นที่ตนมีได้อย่างละเอียดแม่นยำแล้ว เขาสามารถสื่อสารกับสิ่งของเหล่านั้น และนำมาจัดวางให้แต่ละชิ้นงดงามในแบบของมันเองได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
“เป็นเรื่องแปลกที่บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยนกยูงโดยไม่ได้ตั้งใจ” คุณลิ้มเล่าเมื่อพาเรามายืนหน้านกยูงขนาดใหญ่ที่ถือเป็นจุดศูนย์กลางของบ้านก็ว่าได้ พื้นที่นกยูงเหยียบอยู่นั้น เมื่อมองต่ำลงไป เราจะเห็นภาพสะท้อนอันบิดเบี้ยวแต่งดงามทั้งของตัวนกยูง และของเราเอง คุณลิ้มก็เล่าให้ฟังว่า เขาใช้ฟิล์มพิเศษชนิดหนึ่งเคลือบกับกระจกเพื่อให้ได้ภาพสะท้อนเป็นการเพิ่มความสูงของห้องอีกทางหนึ่ง
“เพดานคอนโดสูงไม่เกินสามเมตรแน่นอน แต่ผมไม่อยากอยู่บ้านที่สูงเท่านี้ ผมเลยติดกระจกเงาบนเพดานเพื่อเพิ่มความสูงให้กับห้องทั้งหมด” และนั่นก็เป็นวิธีที่ชาญฉลาดและใช้การได้จริง คุณแทบจะลืมไปเลยว่า คุณเดินเข้ามาในคอนโดขนาดเพียง 400 ตารางเมตร
ลูกเล่นเรื่องแสงอีกประการที่น่าสนใจในบ้านหลังนี้คือ เมื่อเรายืนอยู่ในส่วนรับแขก เราจะเห็นภาพนู้ดของสาวสวยคนหนึ่งอยู่บนกระจกที่เราคิดว่าเป็นกำแพง แต่เมื่อเราหันหลังกลับไปในตำแหน่งที่กระจกนั้นควรจะสะท้อน เรากลับเห็นเพียงเศียรพระพุทธรูปจากประเทศพม่า ทำให้เราต้องหันกลับไปจ้องภาพนู้ดดังกล่าวนั่นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะได้รับการเฉลยจากเจ้าของบ้านว่า ภาพนั้นถูกแขวนไว้ในห้องน้ำ โดยกระจกที่เราเห็นนั้นเป็นบานประตูห้องน้ำ แต่ลูกเล่นในการให้แสง และฟิล์มอัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็นทั้งกระจกเงาและกระจกใสตามสภาพแสง ทำให้เราสามารถมองเข้าไปเห็นภาพนู้ดในห้องน้ำ โดยไม่เห็นผู้ที่กำลังทำกิจกรรมส่วนตัวอยู่เลยแม้แต่น้อย และในขณะเดียวกัน คนข้างในห้องน้ำก็จะสามารถเห็นกิจกรรมข้างนอกได้อย่างชัดเจน
เมื่อเราถามว่าเหตุใดจึงตัดสินใจใช้คอนโดขนาดกลางนี้เป็นบ้านแห่งแรงบันดาลใจ “ผมมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวผมก็จากโลกนี้ไปแล้ว แต่สิ่งของเหล่านี้จะอยู่ต่อไป นานกว่าชีวิตของผม หรือทายาทของผมเสียอีก ดังนั้น พวกเขาควรจะมีที่ทางที่เหมาะสมและพวกเขาจะไม่เสียใจที่เลือกมาอยู่กับผมตั้งแต่แรก”
“บ้านไม่ใช่แค่ที่พักกายเท่านั้น สำหรับผม บ้านคือที่พักพิงแห่งจิตวิญญาณเมื่อจิตวิญญาณของคุณมีความสุข ทุกอย่างก็จะมีความสุขและสวยงามไปด้วย ดังนั้น บ้านหลังนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผม ผมสามารถนั่งละเลียดซิการ์ดีๆซิงเกิ้ลมอลต์ และนั่งนิ่งๆ ได้ทั้งวันโดยไม่ขยับตัว แต่หัวสมองผมทำงานเต็มที่ ผมสามารถทั้งผักผ่อน และคิดงานต่างๆ ได้ในห้องนี้ เพราะจิตวิญญาณของผมเติมเต็มได้มากที่สุด”