ไม่มีใครไม่รู้จักชายหนุ่มบุคลิกดี เป็นทั้งนักธุรกิจหนึ่งในผู้บริหารเรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์ พิธีกร ดีเจ พ่วงด้วยตำแหน่งคุณพ่อลูกหนึ่งขวัญใจคนไทย ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะเรากำลังพูดถึง ‘คุณอั๋น-ภูวนาท คุนผลิน’ บุคคลที่ถือว่าเป็นเพอร์เฟกต์บอย เนี้ยบเป๊ะทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องบ้าน เพราะคุณอั๋นถือว่าเป็นคนรักบ้าน…มากถึงขั้นสุด และทุ่มเทชีวิตจิตใจ เลือกสรรและสร้างสรรค์บ้านสำหรับทุกคนในครอบครัว จนมีโอกาสได้มาพบกับ RHYTHM Charoenkrung Pavillion
“ผมเริ่มทำงานตั้งแต่ตี 5 จะเสร็จสิ้นวันนั้นกี่โมงไม่จำกัดเลย สิ่งเดียวที่ตายตัวคือเริ่มต้นทำงานตั้งแต่ตี 5 ผมขอตื่นเช้า แต่ขับรถแค่ 5 นาทีดีกว่า เวลาที่เหลือเราจะได้ไปทำอย่างอื่น”

งานอย่างอื่นที่เขาว่า นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้วก็คือการแบ่งภาคไปบริหารเจ้าพระยาครุยส์ ธุรกิจของครอบครัวที่เขาออกตัวว่าไม่ได้เข้าไปบริหารงานเต็มตัว “เราช่วยกันทำ 4 พี่น้องครับ ผมดูแล 40% ในแง่การตลาดและโปรโมชั่นต่างๆ” ด้วยความที่ครอบครัวมีท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คุณอั๋นจึงผูกพันกับเส้นเลือดใหญ่ของประเทศสายนี้มาทั้งชีวิต “กรุงเทพฯ ไม่ได้มีภูเขาหรือทะเลสาบกลางเมืองเหมือนเมืองอื่นๆ ธรรมชาติอย่างเดียวที่เราใกล้ชิดได้ก็คือแม่น้ำเจ้าพระยา ฉะนั้นการอยู่ริมแม่น้ำกลายเป็นอภิสิทธิ์หนึ่งของชีวิต พื้นที่ริมแม่น้ำคือ Prime ในยุคนี้ แค่ได้อยู่ริมน้ำเราก็รู้สึกว่ามีพื้นที่หายใจแล้วครับ”

ส่วนในชีวิตส่วนตัว บทบาทของเขาคือพ่อผู้มีเบบี้พอล ลูกชายวัยขวบครึ่งอยู่ในห้วงคิดคำนึงเสมอ ไม่แปลกใจที่สิ่งแรกที่คุณอั๋นทำเมื่อก้าวเข้ามาใน RHYTHM Charoenkrung Pavillion คือกวาดตาสำรวจพื้นที่ส่วนกลางทั้งนอกและในยูนิต “ณ ตอนนี้ ไม่ว่าจะไปห้างหรือโครงการคอนโดไหนๆ ก็ตาม ผมเห็นแล้วสามารถบอกได้ทันทีว่าคนออกแบบมีลูกแล้วหรือยังไม่มี เพราะคนเป็นพ่อแม่ปล่อยมือลูกไม่ได้ แต่บางทีเราบอกลูกได้ว่า ‘วิ่งเลยลูก’ เพราะไม่มีตรงไหนที่เขาจะตกลงไปได้ ไม่มีพื้นที่ลดหลั่นที่ไม่จำเป็น พื้นที่เปิดโล่งให้เรามองเห็นลูกได้ตลอดเวลา ผมจะดูการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางก่อนเลยว่าปลอดภัยกับเด็กหรือเปล่า

และด้วยอุปนิสัยที่เป็นคนเนี้ยบกริบในทุกๆ เรื่องของชีวิต ตั้งแต่การแต่งตัว การทำงาน การบริหารเวลา เมื่อเป็นเรื่องบ้าน แน่ใจได้เลยว่าบ้านของคุณอั๋นต้องเพอร์เฟกต์ขั้นสุดเช่นกัน “ผมชอบอยู่อย่างเงียบสงบ โชคดีที่คุณจ๋า (คุณอลิสา พันธุศักดิ์ ภรรยา) ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน บางวันที่ผมกลับมาบ้าน คุณจ๋าจะดูอาการก่อน ถ้าเห็นผมเหนื่อยหรือบอกเขาว่าวันนี้น่าจะพูดเป็นล้านคำแล้ว ขอเงียบหนึ่งชั่วโมงนะ เขาจะปล่อยให้ผมอยู่เงียบๆ

“สำหรับผมสำคัญมากที่เราต้องมีพื้นที่ที่เราปลีกวิเวกได้ในบ้าน ซึ่งต้องปลีกวิเวกจากพี่เลี้ยงและแม่บ้านได้ด้วย สำหรับคอนโดผมเลยต้องดูยูนิตที่ใหญ่นิดนึง เพราะต้องมีห้องแม่บ้านด้วย”
“สิ่งที่ผมคำนึงถึงไม่แพ้กันคือโลเคชั่นและเพื่อนบ้าน ซึ่งเราวัดได้จากชื่อเสียงของบริษัทเจ้าของโครงการซึ่งจะคัดกรองเพื่อนบ้านให้เราแล้ว เพื่อนบ้านคือสิ่งแวดล้อมของตัวเราและลูกของเรา ถ้าเรามีเพื่อนบ้านหรือชุมชมแวดล้อมที่ดีก็เท่ากับซื้ออนาคตที่ดีให้กับครอบครัวด้วย ซึ่งถ้าเราเลือกเจ้าของโครงการที่ดี เราแทบไม่ต้องดูเพื่อนบ้านเลย และเขาจะเลือกใช้ของคุณภาพทุกอย่างไปเองโดยที่เราไม่ต้องมานั่งลุ้นครับ”

เมื่อพูดเรื่องถูกใจ ก็เหมือนไปปลุกวิญญาณดีเจ และพิธีกรในตัวคุณอั๋นให้ออกมาดำเนินรายการโดยอัตโนมัติ “เมื่อก่อนผมสนุกกับการซื้อเสื้อผ้านาฬิการองเท้า พอถึงจุดหนึ่งรู้สึกว่าเราแค่สนุกกับการซื้อเท่านั้นเอง แปลว่าเราไม่ได้อยากได้ของ แต่เราเริ่มไม่มีสติแล้ว ผมเลยเปลี่ยนแพสชั่นมาซื้อสิ่งที่ทุกคนแชร์ร่วมกันได้ ซึ่งก็คือบ้าน พูดได้ว่าการมีครอบครัวเปลี่ยนชีวิตผมขั้นสุด ผมกลายเป็นคนที่ชอบแต่งบ้านหนักหน่วงมาก
“ผมเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ คุณจ๋าก็เช่นกัน คำว่าบ้านของเราคือมีคนหลายรุ่นอยู่ร่วมกัน ผมว่ามันน่ารัก ครอบครัวผมไม่มีเส้นแบ่งอะไรเลยกับคุณจ๋า คุณจ๋าเลยไม่รู้สึกว่ามีพื้นที่ไหนเลยในบ้านที่รู้สึกว่าเขาเป็นคนอื่น เราต้องเอ่ยปากไม่ให้เขาคิดเองด้วย เช่น วันนี้ถ้าเหนื่อย อยากประชุมที่บ้านก็นัดมาได้เลย ถ้ามีสัมภาษณ์ก็ไม่ต้องเกรงใจ มาที่บ้านได้ ผมสร้างบรรยากาศให้ทุกคนรู้สึกนี่คือบ้านของเรา”
หลายปีมาแล้วที่คุณอั๋นเปลี่ยนจากไปแผนกเสื้อผ้าอันดับแรก เป็นเข้าแผนกแต่งบ้านก่อน เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เขายินดีอย่างยิ่งและไม่เคยมองว่าเป็นภาระ เพราะภารกิจสำคัญที่สุดในวันนี้ของเขาคือการสร้างบ้านที่เป็นมรดกส่งต่อให้กับลูกหลานได้
โบนัสที่ได้นอกจากมีบ้านน่าอยู่แล้ว คุณอั๋นยังได้รับสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นรูปธรรม แต่เป็นความรู้สึกที่มีคุณค่าทางใจอย่างสูง “พอบ้านน่าอยู่เลยไม่มีใครชอบอยู่นอกบ้านและไม่มีใครคิดจะย้ายออก” เขาให้เหตุผลว่าเพราะให้น้ำหนัก Me Time, Me Space เทียบเท่ากับ Our Time, Our Space “ถามว่าผมอยากมีพื้นที่ส่วนตัวหรือ อยู่บ้านก็มีพื้นที่ส่วนตัวได้นี่ ถ้าเราทำให้บ้านมีทั้งความเป็นส่วนรวมและส่วนตัว บ้านในความคิดของผมคือพื้นที่ของเราและพื้นที่ของทุกคนในครอบครัวครับ”
เพราะเราเชื่อว่าการใช้ชีวิตครอบครัวในคอนโดมิเนียมในวันนี้ ใช่ว่าจะต้องจำกัดตัวเองให้อยู่แต่ในห้องของตัวเองเท่านั้น แต่สิ่งแรกๆ ที่คนมองหาเมื่อสร้างครอบครัวคือที่อยู่อาศัยในทำเลปลอดภัย ย่านที่เดินทางเชื่อมต่อไปยังเส้นทางต่างๆ ได้สะดวก พื้นที่ส่วนตัวและส่วนกลาง หากเป็น
คนเมืองแล้วต้องเพิ่ม ‘พื้นที่สีเขียว’ เข้าไปอีกข้อ จึงไม่แปลกใจที่ทำไมวันนี้เจริญกรุงจึงกลายเป็นทำเลทองคำของวงการที่อยู่อาศัย เมื่อเจริญกรุงยังคงเสน่ห์ของชีวิตผู้คนในย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของตัวเมืองที่ขยายออก และมีธรรมชาติที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่างแม่น้ำเจ้าพระยา นั่นทำให้ ‘RHYTHM Charoenkrung Pavillion’ คอนโดมิเนียมสูง 44 ชั้น ที่เปิดรับวิวโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา อุทิศพื้นที่ 3.5 ไร่ เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองมากที่สุด ทั้งพื้นที่สีเขียว พื้นที่ออกกำลังกายและพื้นที่ผ่อนคลายจิตใจ
นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ สวนลับ Secret Garden ที่ชั้น 9 ซึ่งเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมที่สวยที่สุด , สวรรค์ของคนรักการออกกำลังกาย ที่บริเวณชั้น 43 และ 44 คือที่มีทั้ง Gym, Private Gym, Yoga, Steam, Sauna และ Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือที่ทอดตัวยาวกว่า 47 เมตร พร้อมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา 360 องศา
เรียกได้ว่าทุกตารางนิ้วทั้งภายในห้องพักและพื้นที่ภายนอกจึงให้บรรยากาศเหมือนบ้าน มีพื้นที่ส่วนตัวให้แต่ละคน และมีพื้นที่ส่วนรวมให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน นับเป็นครั้งแรกที่โครงการที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ ที่ฉีกขนบวิถีคนเมืองยุคใหม่ ด้วยการสร้าง ‘บ้าน’ ที่สมาชิกทุกวัยได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง
สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของแฟล็กชิฟลักชัวรีคอนโดมิเนียม วิวพาโนรามาของโค้งน้ำเจ้าพระยา โครงการล่าสุดโดย เอพี (ไทยแลนด์) กับ RHYTHM Charoenkrung Pavillion ในทำเลสุดไพร์มเพียง 100 เมตร ถึงโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี ห้องชุด 1 ห้องนอน (35 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท พร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการ 7-8 มีนาคมนี้ ณ Sales Gallery โครงการ RHYTHM Charoenkrung Pavillion ลงทะเบียนทาง apthai.com รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท