บรรดาบ้านหรูกลางป่าบนเส้นถนนทหารผ่านศึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หรือที่ หลายคนว่ากันว่าเป็นย่านทองหล่อ เขาใหญ่หนึ่งในนั้นคือบ้านของ ‘คุณด้อม-ศานติ และคุณปุ๊ย-นภสร ประนิช’ บ้านหลังงามบนพื้นที่ 13 ไร่ ไว้กว่า 5 ปี แต่ทว่าขับรถผ่านไม่สามารถ มองเห็นตัวบ้านได้ ด้วยว่าแนวม่านของต้นไม้ปกคลุมบังบ้านไว้อย่างน่าประหลาดใจ เรียกว่า เป็นครั้งแรกที่ HELLO! มีโอกาสไปเปิดบ้าน และเยี่ยมชมบ้านยุ้งข้าวบ้านไม้ดีไซน์เก๋ดัดแปลงมาจากยุ้งข้าว
คุณด้อมเริ่มออกตัวว่าการมาปลูกบ้านที่ เขาใหญ่ไม่ได้ตามเทรนด์อย่างคนอื่นเพราะส่วนตัวตนเองเที่ยวเขาใหญ่มาตั้งแต่เด็กชอบต้นไม้และบรรยากาศเขาใหญ่ จนวันหนึ่งเมื่อมีโอกาสจึงอยากมีบ้านเป็นของตนเองสักหลัง ซึ่งหากย้อนไป 10 กว่าปีก่อนหน้านี้เขาและภรรยาอยู่ในช่วงกําลังสร้างธุรกิจครอบครัวจึงไม่มีเวลามาทุ่มเทให้กับการปลูกบ้านที่เขาใหญ่ ว่าแล้ว…คุณด้อมย้อนอดีตความรักของเขากับคุณปุ๊ย (ภรรยา) ให้ฟังว่า ทั้งคู่พบรักกันตั้งแต่ทํางานอยู่บริษัทยูนิลีเวอร์ แรกเริ่มคุณด้อมศึกษาจบทางด้าน Food Science จึงไปทํางานในส่วน Food Development Manager จากนั้นขยับไปอยู่ตําแหน่ง Industrial Business Manager ส่วนคุณปุ๊ยดูแลโปรดักส์ กรุ๊ป ช่วงที่คุณปุ๊ยตั้งครรภ์จึงลาออกไปช่วยงานที่ธุรกิจอสังหาฯของครอบครัว
ด้านคุณด้อมออกไปเปิดบริษัททําเฟอร์นิเจอร์พร้อมกับรับงานอินทีเรียควบคู่กันในช่วงฟองสบู่แตกเขาพลิกจากอินทีเรีย ไปทําสโตร์เดคเคอเรชั่น และเริ่มค่อยๆ ผันสู่ธุรกิจความงามด้วยการนําเข้า Dermalogica Thailand ก่อนจะขายให้อีกบริษัท และเริ่มหันมาเป็น ซัพพลายเออร์ให้บอดี้เชฟ ทําครีมเซลลูไลท์ เนื่องจากมีพื้นฐานความรู้ด้านฟู้ดไซน์ ประกอบกับประสบการณ์จากยูนิลีเวอร์ จึงนํามาดัดแปลงเขียนสูตรเอง และในเวลาต่อมาทั้งคู่จึงกระโดดเข้ามา
ลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามแบบครบวงจรเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว เมื่อธุรกิจและทุกอย่างลงตัว คณุด้อมจงึเปิดให้ HELLO! เยี่ยมชมบ้านเขาใหญ่บนเนื้อที่ 13 ไร่ อย่างใกล้ชิด
บ้านสไตล์ตามใจฉัน vs อเมริกัน โมเดิร์น
สําหรับบ้านหลังนี้คุณด้อมเล่าว่าได้สถาปนิกรุ่นใหญ่คนดังอย่าง ‘คุณเก๊ะ- เอกชัย ไหลมา’ แห่งบริษัทอาร์เด็ค เป็นผู้เขียนแบบซึ่งที่ผ่านมาคุณเก๊ะออกแบบ บ้านสวยๆที่เขาใหญ่มาประมาณ 50 หลังแล้ว “บ้านหลังนี้ให้เครดิตลูกสาวผมก่อนเลย คือเขาชอบขี่ม้าแล้วไปเห็นบ้านตัวอย่างที่ฮอร์สชู พอยท์ ที่พัทยา เป็นสไตล์บ้านที่ถูกใจสมาชิกทุกคนในครอบครัวรวมทั้งลูกชายลูกสาว (ชัญญา – กฤตพัฒน์) โดยทราบว่าพี่เก๊ะ-เอกชัย เป็นผู้ออกแบบจากนั้นเราได้ติดต่อไปที่บริษัทอาร์เด็คซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่าง ดี ก่อนจะสร้างบ้านทางอาร์เด็คได้มาทําการสํารวจรอบแรก เพื่อวัดระดับพื้นที่แต่ละจุดสูงเท่าไร รอบสองคือวัดต้นไม้มีลักษณะอย่างไร สูงเท่าไรมีต้นอะไรบ้าง เพื่อคงสภาพเดิมของป่าไว้มากที่สุด หลังจากนั้นจึงค่อยออกแบบบ้านว่าควรมีลักษณะอย่างไรเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศโดยรอบตั้งอยู่บริเวณไหนจะได้เห็นวิว สวยที่สุด ปรากฏว่าเราตัดต้นไม้ออกไปเพียงต้นเดียว
“สําหรับเรื่องบ้านเราไม่ได้ตั้งใจจะให้ตรงไหนเด่น หรือเป็นบ้านเพื่อโชว์แต่เราอยากให้เป็นบ้าน ที่เราอยู่แบบสบายๆเพราะอนาคตเกษียณคงมาอยู่ต่างจังหวัดไว้ให้เพื่อนฝูงมาเฮฮาปาร์ตี้ ผมจึงไม่มีแบบอะไรมากมาย เป็นแบบสไตล์ตามใจ ฉัน…หลายคนบอกเหมือนอเมริกันโมเดิร์นแล้วแต่คนจะมอง

“ฟังก์ชั่นที่ต้องการมากสุดคือระเบียงใหญ่เพื่อไว้ใช้สังสรรค์ ซึ่งเป็นมุมประจําใช้เยอะที่สุดโดยเฉพาะช่วงเช้าอากาศเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งชิลล์ๆ ชมวิวจิบกาแฟหรือแม้ตั้งโต๊ะรับประทานอาหารเช้าก็ลงตัว ส่วนช่วงบ่ายแดดเริ่มไล่มาจึงต้องไปทําสวนหลังบ้านระหว่างนั้นให้ แม่บ้านเตรียมเซ็ตอัพพื้นที่เพื่อปาร์ตี้รอบค่ำจัดคาราโอเกะ พอตะวันตกดินเราค่อยย้ายกลับมา รวมตัวตรงระเบียงใหญ่หน้าบ้านอีกครั้ง (หัวเราะ)
เฟอร์นิเจอร์…รากไม้
นอกจากธรรมชาติต้นไม้เขียวสบายตาล้อมรอบโอบบ้านไว้แล้ว เพื่อให้เข้าบรรยากาศโดยรอบ คุณด้อมยังขนซื้อเฟอร์นิเจอร์รากไม้ประดับตั้งโชว์ ไว้ทั่วบริเวณบ้านอีกหลายจุด เรียกว่าจน ‘รากไม้’ กลายเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของบ้านเพราะรากไม้แต่ละรากไม่ธรรมดาเฟอร์นิเจอร์รากไม้บางชิ้นเขาว่าต้นหนึ่งไม่ต่ำกว่าร้อยปีก็มี “เราไปเจอร้านขายที่เชียงใหม่แล้วชอบ รากไม้

พวกนี้ผมคิดว่าอีกหน่อยคงเป็นของหายาก…หาไม่ได้แล้ว เฟอร์นิเจอร์รากไม้มีตั้งแต่ราคาหลักพัน หลัก หมื่น เรานํามาตกแต่งตามจุดต่างๆในบ้าน สําหรับรากไม้ขนาดใหญ่สุดคือนํามาทําเป็นโต๊ะอยู่กลางสวน หลังบ้าน เวลาไม่อยู่ต้องใช้ผ้าใบคลุมไม่อย่างนั้นไม้อาจผุพังเสียหายได้

ตกแต่งให้ดูดีมีดีไซน์กับเฟอร์นิเจอร์รากไม้ยักษ์ คุณด้อมบอกว่าตั้งได้พอดีเหมือนเป็นกําแพงรากไม้
“…รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ ถ้าชอบไม่รีรอที่จะ ตัดสินใจซื้อ อย่างเช่นโต๊ะไม้มะค่าขนาดใหญ่ซึ่งเป็น ไม้แผ่นเดียว เจอปุ๊บผมซื้อเลย (ยิ้ม) ไม่รู้หรอกจะเอา มาตั้งตรงไหน แต่ขอให้ได้ซื้อไว้ก่อน พอมาถึงบ้าน มันวางได้ที่พอดีตรงระเบียงใหญ่ จากนั้นไปซื้อตอไม้ ขนาดใหญ่ให้ลูกน้องมาต่อเป็นขาโต๊ะ ส่วนแผ่นไม้ มะค่าเริ่มโค้งตอนหลังต้องเอาเหล็กดาม ข้างล่าง ต้องมีลิฟต์ดันเอาไว้เป็นเหล็ก ทําให้ดูโมเดิร์นอีกแนว สําหรับโต๊ะชุดนี้ประมาณ 7 หมื่น ไม่สามารถใช้คนยก ได้เพราะหนักมาก!! ต้องใช้รถเครนยกขึ้นมา แล้ว บังเอิญขาเครนยกเข้ามาได้แค่ระเบียงใหญ่หน้าบ้าน จึงกลายเป็นโต๊ะกินข้าวอย่างที่เห็น เพราะเครนยกมา สุดได้เท่านี้ (หัวเราะ) ทุกอย่างมาฟลุกๆ”

มุมนั่งเล่นภายในห้องนอน ประดับ ด้วยผลงานศิลปะของคุณสุจริต หิรัญกุล
นอกจากนี้ยังมีภาพวาดที่ติดบนฝาผนังอีกจํานวน หลายสิบภาพจากหลายศิลปินระดับเทพ ซึ่งคุณด้อมบอกว่าชอบงานศิลปะเป็นการส่วนตัวและสะสมมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี สมเพ็ชร หวานชิต ประสงค์ ลือเมือง อ.ช่วง มูลพินิจ อ.วสันต์ สิทธิเขตต์ ภายในบ้านสิ่งที่ตั้งโดดเด่นอีก
ไฮไลต์…บ้านหลองข้าว
บ้านหลองข้าวหรือยุ้งข้าว อายุราว 80 – 90 ปี บ้านอีกหนึ่งหลังที่คุณด้อมภูมิใจนําเสนอ เขาได้บ้านหลังนี้มาจากเชียงใหม่โดยทําการแยกส่วนแล้วมีช่างมาประกอบที่เขาใหญ่ พร้อมกับโมดิฟายเป็นบ้านเพื่อให้อยู่อาศัยได้จริงและตั้งไว้ในสวนหลังบ้านได้อย่างพอดีเป๊ะโดยไม่ต้องตัดต้นไม้สักต้น

ห้องนั่งเล่นชั้นล่างของบ้านหลองข้าว ที่ยังคงเสาแปดต้นไว้เหมือนเดิม
“ข้างในยังเป็นตัวเรือนยุ้งข้าวแบบสมัยก่อน มีเสาครบทั้งแปดต้นที่อยากได้เพราะชอบเสาไม้เป็นของเก่าโบราณหลังจากได้มาจึงนํามาดัดแปลงปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเพื่อให้ดูเป็นบ้านอีกหลังที่ใช้งานได้จริง”
อย่างไรก็ดีการสร้างบ้านไม้ คุณด้อมบอกว่ามีปัญหาในเรื่องการดูแลรักษาเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องใหญ่สุดคือความชื้นทําให้ไม้ร่อนไม้บวม โดยช่วงหน้าฝนซึ่งหลีกเลี่ยงปัญหานี้ไม่ได้แต่เขาพยายามทําแบบให้ดีที่สุด ส่วนหน้าร้อนต้องคอยระวังป้องกันไฟป่าเพราะที่ข้างบ้านเจ้าของยังไม่ได้ทําอะไรเป็นเพียงป่าหญ้าคาแห้งๆหน้าแล้งอาจติดเป็นเชื้อเพลิงได้ง่ายต้องคอยไถที่ให้โล่ง
เรื่องจัดสวน..หน้าท่ีของภรรยา

ขยับเข้ามาถึงเรื่องการจัดสวน งานนี้คุณด้อมมอบหน้าที่ให้คุณปุ๊ยเป็นผู้อธิบาย เนื่องจากเรื่องสวนเป็นเรื่องของภรรยาดูแลจัดการเองทั้งหมดทุกขั้นตอน “เรื่องบ้านให้คุณด้อมจัดการแต่เรื่องสวนเราขอดูแลเอง ชอบมากสนุกมาก (ยิ้ม) ออกแบบเองทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีความรู้เรื่องต้นไม้เรื่อง แต่งสวนเลยสักนิดเดียว…แต่พอเริ่มมีบ้านหลังนี้ทีแรกจะจ้างเขาก็ไม่เริ่มเขียนแบบสักที แล้วคิดราคาแพง เลยไม่จ้างดีกว่า (หัวเราะ) สรุปหันมาศึกษาจากคู่มือหนังสือจัดสวนต่างๆด้วยตนเอง ชอบสวนแบบไหน ชอบต้นไม้ดอกไม้แบบไหน ก็คั่นหน้าหนังสือไว้ จากนั้นค่อยๆเขียนแปลนลงรายละเอียดว่าต้นอะไรอยู่ตรงไหน เขียนเบอร์กํากับไว้เรียบร้อย เหมือนเลือกต้นไม้จากแคตตาล็อก อย่างต้องการปาล์มต้องสูง 2 เมตร หมากผู้ หมากเมีย ลิ้นมังกร ฯลฯ ไปถึงร้านขายต้นไม้เปิดหนังสือให้ดูว่าอยากได้ต้นแบบนี้ไปกับแม่บ้านอีกคนคอยช่วยถือหนังสือส่วนต้นไม้เราซื้อต้นเล็กๆมาปลูก สัก 2 – 3 เดือนไม่ชอบเรารื้อทําใหม่ในส่วนของสวนหินเราพยายามทําให้สวนมีสีสัน ด้วยการปลูกดอกไม้ที่มีสีสันสลับกัน”

“เรามองว่าการปลูกต้นไม้ลงมือจัดสวนเองจะทําให้เราได้มีพัฒนาการได้ความรู้เรื่องสวน กลายเป็นฮอบบี้ ได้เห็นต้นไม้โตขึ้นจากต้นกล้าเล็กๆเห็นแล้วมีความสุขไม่ว่าจะเป็นดอกแก้ว พุด ศุภโชค ซื้อมาต้นละ 3 บาททุกวันนี้ต้นใหญ่ออกดอกส่งกลิ่นหอม คือเราไม่ได้ต้องการต้นไม้แบบสวยตั้งแต่วันแรก แต่เรารอมันโตได้ เราไม่รีบเราอยากเห็นการพัฒนาการของต้นไม้ดีกว่าพอมันโตออกดอกออกผลแล้วรู้สึกภูมิใจมากกว่า
‘บ้าน’ คือความสุข
คุณด้อมทิ้งท้ายว่า “บ้านหลังนี้เตรียมไว้เป็นบ้านอยู่ ไม่ใช่แค่บ้านพักตากอากาศ เพราะอนาคตแก่ตัวลงคงจะมาอยู่ที่นี่ ถึงเวลานั้นถ้าต้องนั่งรถเข็นก็ไม่ต้องลําบากใคร ไม่ต้องรอพึ่งลูกเพราะเตรียมทั้งทางลาดและบันไดพร้อมไว้หมด (ยิ้ม) …ส่วนบ้านหลังนี้ต่อไปก็ตกเป็นของลูกๆ ผมเชื่อว่าอนาคตหาที่ดินทําเลดีๆแบบนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว”

………………………………………..
PHOTOS : เฉลิมหัช ตันติวงศ์
MAKE-UP & HAIR : ทักษ์ ทีปธนโชติ