หลายคนคงรู้จัก ‘สิงห์’ ในนามบริษัทเครื่องดื่มชื่อดัง แต่สิงห์ไม่ได้มีแค่ธุรกิจเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจในตลาดอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนอย่าง ‘สิงห์ เอสเตท’ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย
โดย ‘บริษัท สิงห์ เอสเตท‘ มีผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 กว่า 2,127 ล้านบาท (Revenue) เพิ่มขึ้นมามากกว่า 20% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยรายได้เกินครึ่งมาจากธุรกิจโรงแรมถึง 1,422 ล้านบาท และธุรกิจที่พักอาศัยอีกกว่า 436 ล้านบาท เรียกได้ว่าสร้างความมั่นใจอย่างมากว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว อีกทั้งบริษัทยังควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างดี เพื่อสร้างกำไรและผลประกอบการให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมในสหราชอาณาจักรมีส่วนสำคัญในการทำให้ ‘บริษัท สิงห์ เอสเตท’ เติบโตในไตรมาสนี้อีกด้วย โดยกวาดรายได้ไปกว่า 1,410 ล้านบาท เติบโตกว่า 1,000% จากไตรมาส 3 ของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของการท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักร รวมไปถึงการปลดมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เรียกได้ว่า ‘บริษัท สิงห์ เอสเตท’ ทำรายได้อย่างมากจากกลุ่มโรงแรมในพอร์ทการลงทุนนี้
โดย ‘นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลประกอบการที่น่าพอใจของพอร์ทโรงแรมในสหราชอาณาจักรนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ยืนยันความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน”

“เรายังเชื่อว่าผลประกอบการของธุรกิจโรงแรมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี ยาวไปจนถึงต้นปีหน้า หนุนโดยโรงแรมในโครงการ CROSSROADS สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ซึ่งจะเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ เรามีความมั่นใจว่าในช่วงปลายปี RevPAR ของโรงแรมในพอร์ทนี้จะสามารถปรับเพิ่มขึ้นไปดีกว่าช่วงก่อนโควิดได้”

“นอกจากนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย และสาธารณรัฐมอริเชียส อีกทั้ง ‘โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส’ ยังปิดการขายไปทั้งหมดกว่า 25 ยูนิต ตอกย้ำให้เห็นถึงความมั่นใจของลูกค้าในแบรนด์ สิงห์ เอสเตท ที่ใส่ใจและมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพชีวิต ที่ดีให้กับลูกบ้าน” นางฐิติมา กล่าว