อัพเดตร้านในปี 2022 กันบ้างดีกว่ากับ 6 ร้านอาหารไทยปี 2022 ดื่มด่ำบรรยากาศพร้อมอาหารเลิศรส การันตีด้วยรางวัลระดับ ‘Michelin Guide’ ที่ให้การยอมรับจากทั่วโลก และในวันนี้ HELLO! ขอพาทุกท่านมาดูร้านอาหารไทยที่ขึ้นชื่อว่า ‘พรีเมี่ยม’ กว่าร้านทั่ว ๆ ไป
Le Du (เลอ ดู)



เริ่มต้นกันที่ร้านอาหารไทยยอดฮิตในปี 2022 กันเลย กับร้าน ‘Le Du (เลอ ดู)’ ของเชฟต้น เชฟผู้มากประสบการณ์ ดีกรีจบจากสถาบันอาหารที่มีชื่อเสียงอย่าง The Culinary Institute of America สร้างสรรค์ร้านของตัวเองเพื่อปฏิวัติวงการอาหารไทยให้เข้าใกล้สู่เวทีระดับโลกมากขึ้น โดยคำว่า เลอ ดู เป็นการเล่นคำกับคำว่า ฤดู โดยวัตถุดิบต่าง ๆ ภายในร้าน จะปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบและคิดคอนเซ็ปต์ของร้านมาไว้อย่างดี รอคอยให้ทุกท่านเข้าไปสัมผัสความแปลกใหม่บนโต๊ะอาหารในร้าน โดยจะเป็นในรูปแบบของ Fine Dining ขายเป็นคอร์ส มี 6 เมนูตามวัตถุดิบในแต่ละช่วงของร้าน แต่หากใครอยากลองสัมผัสถึงอาหารไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารอันดับ 4 ของเอเชียในปี 2021 การันตีด้วยรางวัล Michelin 1 ดาว 3 ปีซ้อน ก็สามารถจองได้ที่ 081 562 6464 หรือหากอยากติดตามโปรโมชั่นในแต่ละเดือน ก็สามารถจองผ่านไลน์ (@ledubkk)
พระยา ไดน์นิ่ง – Praya Dining


มาต่อกันที่ห้องอาหารพระยาไดนิ่ง (Praya Dining) บอกเลยว่าในปี 2022 นี้ห้องอาหารนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ห้องอาหารตั้งอยู่ในโรงแรม Praya Palazzo ซึ่งมีทางเข้าเก๋ ๆ อย่างต้องนั่นเรือข้ามฟากไปเท่านั้น ภายในร้านจะตกแต่งด้วยสีสีนของไม้ ผสมผสานกับสีแดง มีรูปทรงสถาปัตยกรรมที่งดงาม เสิร์ฟเมนูอาหารไทยในช่วงสมัยสุโขทัย อยุธยา บอกเลยว่าเมนูกุ้งปลาดุกฟู และหมูผัดส้มเสี้ยว เป็นเมนูที่เราอยากให้ทุก ๆ ท่านได้ไปลองจริง ๆ
Aksorn (อักษร)



‘Aksorn’ ร้านอาหารไทยชื่อดังอีกร้าน ที่ถ้าบอกว่าเชฟเจ้าของร้านไม่ใช่คนไทย หลาย ๆ คนก็คงไม่อยากเชื่อกันใช่ไหมล่ะครับ เชฟ David Thompson เชฟชาวออสเตรเลีย ผู้หลงใหลในอาหารไทย และคว้ารางวัลมิชลินกับร้าน Nahm มาก่อนหน้านี้ รวมถึงได้เปิดร้านอาหารไทยในอีกหลาย ๆ ประเทศด้วย ร้าน Aksorn ตั้งอยู่บนชั้น 5 ของ Central : The Original Store ย่านเจริญกรุง มาพร้อมประสบการณ์ในการทานอาหารไทยฉบับใหม่ของเชฟ ทางเชฟตั้งใจให้การออกแบบเป็นแบบครัวเปิด ทุกคนสามารถสัมผัสและเพลิดเพลินกับการรังสรรค์ในแต่ละเมนูของเชฟระหว่างรอมื้อสุดพิเศษได้ คอร์สเมนูของที่นี่มีราคาที่ 2,800+ บาท และเมนูก็จะเปลี่ยนไปตามแต่ละช่วงเวลา สามารถเช็คเมนูในคอร์สได้ที่เว็บไซต์ของร้านรวมถึงการจองที่นั่งด้วย หรือจะติดต่อไปที่ 02 116 8622
Sala Rim Naam (ศาลาริมน้ำ)



ยังไม่พ้นจากแถวเจริญกรุง ห้องอาหาร ‘ศาลาริมน้ำ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ ที่มอบบรรยากาศสุดพิเศษ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สัมผัสรสชาติอาหารไทยแท้ ๆ พร้อมด้วยการตกแต่งร้านอันงดงาม วิจิตรประณีตในรูปแบบศิลปะไทย มีให้นั่งทั้งแบบโต๊ะปกติ หรือนั่งพื้นพร้อมหมอนอิง ให้ความรู้สึกถึงการรับประทานอาหารในสมัยก่อนสุด ๆ ทางร้านจะเปิดในช่วงเวลากลางวันแบบบริการบุฟเฟ่ต์อาหารไทย คัดสรรมาเป็นอย่างดี ทั้งวัตถุดิบและกรรมวิธีการปรุง ที่แม้จะเป็นบุฟเฟ่ต์ แต่คุณภาพอาหารก็ยังคงดี การันตีโดยเชฟประเสริฐ สัสดีวงศ์ และทุก ๆ 3 เดือน ไลน์อาหารในบุฟเฟ่ต์ก็จะหมุนเวียนเพื่อความหลากหลายของเมนู ในช่วงเวลาเย็นจะเป็นคอร์สอาหารไทย ราคา 2,450++ บาท/คน มีอาหารไทยหลากหลายเมนูพร้อมการแสดงโชว์นาฏศิลป์ไทยอีกด้วย หากท่านไหนสนใจ อาหารไทยพร้อมบรรยากาศดี ๆ โรแมนติกริมแม่น้ำ ก็สามารถจองได้ที่ 02 659 9000
Saneh Jaan (เสน่ห์จันทน์)



อีก 1 ร้านดังใจกลางเมือง หากใครกำลังมองหาร้านอาหารไทยสไตล์ Fine Dining ร้าน ‘เสน่ห์จันทน์’ ก็คงจะเป็นอีก 1 ร้านที่ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ ร้านตั้งอยู่ที่ อาคารสินธร ถนนวิทยุ ตัวร้านให้บรรยากาศแบบไทยร่วมสมัยที่มีความหรูหรา นอกจากที่นั่งปกติแล้ว ยังมีห้องส่วนตัวถึง 3 ห้อง สำหรับลูกค้าที่อยากได้ความไพรเวท หรือ มากันเป็นกลุ่มเพื่อสังสรรค์ ซึ่งทางร้านได้คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน โดยจะเปลี่ยนเมนูทุก ๆ 3-4 เดือน มีทั้งเมนู A La Carte และชุดคอร์สในราคา 2,200++ บาท แต่ที่ดูโดดเด่นก็ต้องขอยกให้ ‘ต้มยำกุ้ง’ ที่ใช้กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ รวมถึงหัวกุ้งลงไปต้ม ออกมาได้ต้มยำน้ำข้นที่หอมอร่อยถึงเครื่อง กลมกล่อมพร้อมกับข้าวสวยหอม ๆ เติมเต็มมื้อสุดพิเศษให้ออกมาครบรสมากขึ้น สามารถจองได้ที่ 02 650 9880
Khao (ข้าว)



มากันที่ร้านสุดท้าย ร้าน ‘ข้าว’ ของเชฟวิชิต มุกุระ เชฟมากประสบการณ์ผู้อยู่คู่กับวงการอาหารไทยมาอย่างยาวนาน การันตีด้วย Michelin Star 1 ดาว ร้านตั้งอยู่บริเวณเอกมัย ซอย 10 มีทั้งเชฟเทเบิ้ล ห้องไพรเวทไดน์นิ่ง และโซนร้านอาหารปกติ ที่ขอบอกเลยว่า เหมาะกับทุกคนและตอบทุกความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี สามารถพาครอบครัวมาทาน หรือจะเป็นมื้อสุดพิเศษกับเชฟเทเบิ้ล ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ในร้านนี้ บรรยากาศก็ตามชื่อร้านเลย ที่ตรงกลางของร้านจะมีแปลงนาไว้ปลูก ‘ข้าว’ ของร้านอีกด้วย เมนูที่เป็นแกงได้รับคำชมเป็นพิเศษจากลูกค้าหลายท่าน แต่ที่เห็นแล้วอดสั่งไม่ได้ก็คือ ‘มัสมั่นน่องแกะ’ ที่ใช้น่องแกะชิ้นใหญ่ พร้อมด้วยแกงมัสมั่นเข้มข้น รสชาติกลมกล่อม ที่ไม่ว่าทานที่ไหนก็ไม่อร่อยใกล้เคียงกับที่ร้านนี้ หรือจะเป็นอาหารหวานที่ก็มีดีไม่แพ้อาหารคาวเลย อย่าง ชุดขนมไทยรวม รวบรวมขนมไทยยอดนิยมมาไว้ด้วยกัน เช่น ขนมชั้น เปียกปูน หยกมณี และวุ้นกะทิ สัมผัสรสชาติอาหารของเชฟวิชิตได้ที่ 02 381 2575
เป็นยังไงกันบ้างกับ 6 ร้านอาหารไทยปี 2022 ที่เรามาอัพเดตกันในปี 2022 ที่ HELLO! ได้เลือกมาแชร์ในวันนี้