หลังจากที่ประเทศไทย ได้ฟื้นขึ้นมาจากสถานการณ์โรคระบาดอย่างเต็มตัวแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่า ไลฟ์สไตล์ของคนไทยเอง ก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก เราสังเกตุได้ว่า ผู้คนเริ่มออกมาแฮงก์เอ้าท์กันมากขึ้น สังสรรค์กันมากขึ้น และที่สำคัญมีสเปซใหม่ๆ ให้คนได้มาพักผ่อนเกิดขึ้นมาเต็มไปหมด ซึ่งวันนี้ HELLO! ก็ขอเอาใจเหล่าคนชิคๆ ที่กำลังอินในเทรนด์ หรือดีไซน์ สไตล์ Y2K มาปักพิกัดนั่งชิลล์ นั่งทานข้าว นั่งทำงาน หรือมานอนพักผ่อนก็ย่อมได้ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ กับที่ โรงแรม PUBLIC HOUSE ใจกลางสุขุมวิท 31 ที่เรามั่นใจว่าต้องกลายมาเป็นจุดสุดฮิตของเหล่าคนเมืองแน่นอน

ตอบโจทย์สาย Snap
ที่บอกว่าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เพราะที่นี่นั่น เขามีสเปซที่พร้อมรองรับไม่ว่าจะสายกิน สายดื่ม สายทำงาน สายทำคอนเทนต์ หรือสายพักผ่อน รวมในสเปซที่ออกแบบมามาเป็นสัดส่วน มีกลิ่นอาย Modern industrial ผสมผสาน Mid-century ดีไซน์ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รวมไปถึง lightning ก็เพอร์เฟคสำหรับการสร้างคอนเทนท์สุดๆ ใครที่ชอบถ่ายรูปแนว Y2K ก็ห้ามพลาดถ่ายรูปชิคๆ เปิดแฟลชกล้องสั่นๆ บอกเลยว่าได้รูปทุกมุมแน่นอน
ตอบโจทย์สาย Foodie

แต่ใครที่เป็นสาย Foodie เรายิ่งขอ Recommend สุดๆ เพราะที่นี่มีห้องอาหาร Fest ที่มาในธีม All Day Comfort Food มีแต่เมนูที่คุ้นจะต้องชอบ ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารเช้า เมนูเมนคอร์สหลากหลายสัญชาติ รวมไปถึงขนมหวานรสเลิศก็มีเสิร์ฟตลอดวัน มีให้เลือถึง 60 เมนู
ต้องแอบกระซิบว่าเมนูที่ถูกใจ HELLO! มากๆ ก็ต้องขอแนะนำ Josper-Roasted Garlic Tofu Hummus ซอสฮัมมุสสูตรของทานร้าน รสเนียนละมุน เค็มหวาน กลิ่นเครื่องเทศหอมพอดี ทานคู่กับแป้ง Pita อร่อยแบบโลกลืม ต่อด้วย Italian Sausage Pizza ชีสยืดๆ แป้งหนานุ่ม พร้อม Italian Sausage แน่นๆ บอกเลยว่าต้องถูกใจสายชีสแน่นอน แต่ใครที่ชอบทานปลารสอ่อนๆ ต้องลอง Josper-Grilled Hamachi ปลาฮามาจิทานคู่กับน้ำมิโซะเฮเซลนัทหอมหวาน เมนูนี้ดีงามมากจริงๆ ซึ่งเราขอแนะนำให้จบมื้อด้วยของหวานอย่าง Mango Sticky Rice เมนูข้าวเหนียวมะม่วงที่ไม่ธรรมดา เพราะมาในรูปแบบของข้าวเหนียวโมจิ ไส้มะม่วง ถูกใจสายหวานแน่นอน

แต่ Surprise ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะพื้นที่ใหม่ของ โรงแรม PUBLIC HOUSE กำลังจะเปิดยิ่งทำให้ที่นี่นั้น เหมาะเป็นแหล่งแฮงก์เอ้าท์ยิ่งขึ้นไปอีก กับ THE MOOON พื้นที่รูฟท็อปสไตล์ 80s จะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ พื้นที่แห่งนี้ให้บรรยากาศที่หลากหลายในแต่ละช่วงเวลาของวัน ในช่วงกลางวัน คุณสามารถนั่งพักผ่อนบนเก้าอี้เล้าจน์ริมสระน้ำพร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูจาก FEST ได้ด้วย ซึ่งหลัง 17:00 จะมีการทำอาหารปิ้งย่างสไตล์โรบาตะ และการย่างถ่านแบบบินโชตันที่จะช่วยเพิ่มอรรถรส และประสบการณ์การทานอาหารที่สมบูรณ์แบบ
ตอบโจทย์สาย Work and Play

นอกจากจะเพลิดเพลินกับอาหารแล้ว ยังสามารถผ่อนคลายกับโซน FORUM ซึ่งเป็นพื้นที่โคเวิร์กกิ้ง มีทั้งห้องประชุมที่มอบความเป็นส่วนตัว พร้อมเสิร์ฟกาแฟ ชา และค็อกเทล ให้คุณผสมผสานประสบการณ์การทำงานและการพักผ่อนเข้าด้วยกันอีกด้วย ให้คุณได้มานั่งทำงานไม่ว่าจะคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม ก็พร้อมรองรับหมด
ตอบโจทย์สาย Staycation

การพักผ่อนที่ถูกต้อง ต้องได้ชิลล์ตั้งแต่เช้ายันวันต่อไป ดังนั้น ใครที่กำลังหาที่ Staycation ก็เตรียมรอมาพักผ่อนแบบคนชิคๆ ได้ที่ โรงแรม PUBLIC HOUSE ได้เลย กับเพราะมีห้องถึง 79 ห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องดีลักซ์ 33 ห้อง ห้องแกรนด์ดีลักซ์ 15 ห้อง ห้องคิงสวีท 4 ห้อง และห้องพรีเมียร์ คอร์เนอร์ 27 ห้อง มาพร้อมกับผ้าม่านกันแสง สมาร์ททีวีแอลซีดีขนาด 65 นิ้ว เตียงแสนสบาย ให้คุณชิลไปกับเน็ตฟลิกซ์ได้ตลอดทั้งวัน
คุณพอล สัจจเดว เจ้าของกิจการของ โรงแรม PUBLIC HOUSE ก็ยังได้บอกอีกว่า “เราอยากให้ PUBLIC HOUSE เป็นเหมือนกรุงเทพฯ นั่นก็คือมีการเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง เปล่งประกาย ส่งเสียง และรังสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างเหนือความคาดหมายอยู่เสมอ”
เรียกได้ว่าตอบโจทย์ครบได้ในทุกไลฟ์ไสตล์ ยิ่งใครที่กำลังอินกับเทรนด์ สไตล์ Y2K แล้วนั้น ยิ่งต้องห้ามพลาดที่จะแวะเวียนมาถ่ายรูป มาแฮงก์เอ้าท์ในที่คูลๆ แห่งนี้!