เคนย่า เมืองแห่งทุ่งหญ้าซาฟารีที่คราคร่ำไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด และที่ใกล้จะสูญพันธ์ุ รวมทั้งพันธุ์พืชที่พบได้เพียงที่นี่เท่านั้น ฉะนั้นถ้าใครยังลังเลที่จะไปผจญภัยในดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสะวันนานี้ล่ะก็ ลองอ่านเหตุผลดีๆ พวกนี้ดูนะ แล้ว ‘เคนย่า‘ จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือคุณอย่างแน่นอน!!
1. ท่องซาฟารี
การท่องซาฟารีในทุ่งหญ้าสะวันนาเป็นการผจญภัยที่ตื่นเต้น สนุก และได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทุ่งหญ้าในเขตร้อนที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด คนท้องถิ่นเรียกว่า ‘Game Drive’ ซึ่งไม่ได้มีการเล่นเกมอะไรหรอก แต่เป็นการนั่งรถออกไปส่องสัตว์ โดยเฉพาะการตามหาเจ้า ‘The Big 5’ ที่ใครๆ ก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งก็ได้แก่ ช้างป่าแอฟริกัน แรด เสือดาว ควายป่าแอฟริกัน และสิงโต แล้วคุณจะตื่นตาไปกับการใช้ชีวิตของสัตว์ป่าที่นั่น มีสถานที่แนะนำให้ไปดังต่อไปนี้
– Maasai Mara National Reserve: ที่นี่เป็นเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการดูการอพยพของฝูงสัตว์ จะเห็นฝูงม้าลายและสัตว์อื่นๆ ทำการอพยพเป็นระยะทาง 2,900 กิโลเมตร จาก Maasai Mara National Reserve ไปยัง Serengeti National Park ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศ ‘ทานซาเนีย‘ ซึ่งควรไปในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
– Meru National Park: ที่นี่จะมีสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างจาก Maasai Mara National Reserve และสัตว์ป่าบางชนิดจะมีสีที่ต่างกัน อาทิช้าง เพราะสีของช้างที่นี่จะมีสีเข้มกว่าเขตอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ไม้ที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
– Loisaba Conservancy: ที่นี่นอกจากจะมีสัตว์ป่ามากมายแล้ว ยังมียีราฟพันธ์ุ Rothschild ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ และฝูงช้างป่าอัฟริกันที่มีสีอ่อนกว่าช้างป่าที่ Meru National Park
2. ที่พักสุดหรูบริการระดับห้าดาวสัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ
อย่าคิดนะว่าที่ประเทศเคนย่าจะไม่มีโรงแรมหรูๆ ให้พัก ขอบอกว่ามีเยอะเลยล่ะค่ะ! เราขอแนะนำให้พักในที่พักที่ตั้งอยู่ในวนอุทยาน หลายที่ภายนอกดูเหมือนกระต๊อบเหมือนเต้นท์ขนาดใหญ่ แต่พอเข้าไปแล้วการตบแต่งหรูหราเหมือนโรงแรมห้าดาว บางที่มีบัตเลอร์ประจำตัว และคุณภาพในการบริการของโรงแรมเรายกให้เต็มสิบ ที่พักที่นี่จะมีจำนวนห้องไม่มาก บางแห่งมีเพียงแค่ 10 ห้อง และทุกห้องถูกดีไซน์ให้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ชนิดที่เห็นฝูงม้าลายเดินผ่านในขณะที่อาบน้ำกลางแจ้ง ที่พักที่เราขอแนะนำก็ได้แก่ Elsa’s Kojpe, Loisaba Tented Camp และ Sand River Maasai Mara ถ้ามีเวลาหลายวันเราแนะนำให้ไปเที่ยวให้ครบทุกวนอุทยาน และพักทั้ง 3 ที่ แต่ถ้ามีเวลาจำกัด (3-4 วัน) เราแนะนำให้ไปอุทยาน Maasai Mara ที่พักเหล่านี้มีบริการทานอาหารกลางป่า ‘Breakfast in the Bush’ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ขอบอกว่าลืมไม่ลงจริงๆ!
3. ขี่อูฐขี่ม้าหรือจะเดินชมป่า
ที่พักหลายๆ แห่งจะมีบริการขี่อูฐหรือขี่ม้าชมป่าซาฟารี อย่างเช่นที่ Loisaba Tented The Camp มีบริการเดินป่าซาฟารี ที่มีไกด์และเรนเจอร์นำทาง ขณะที่เดินไกด์จะเล่าเรื่องการสังเกตพฤติกรรมสัตว์ รอยเท้า และร่องรอยต่างๆ ที่สัตว์ป่าทิ้งเอาไว้ และที่นี่คุณจะได้เห็นการใช้ชีวิตของฝูงช้างป่าฝูงใหญ่อย่างใกล้ชิด ระยะห่างไม่เกิน 200 เมตรเท่านั้นเอง
4. เยี่ยมชมหมู่บ้าน Maasai Mara
Maasai Mara เป็นชาวท้องถิ่นที่นำชื่อเสียงมาให้เคนย่า เนื่องจากพวกเขามีที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับสถานที่ส่องสัตว์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง และมีชุดและเครื่องประดับประจำเผ่าที่สวยงาม ในการเยี่ยมชมหมู่บ้านนั้นคุณจะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนกลุ่มนี้
5. ศูนย์บริบาลช้างกำพร้า
ที่ศูนย์บริบาลช้างกำพร้า David Sheldrick Wildlife Trust นั้น มีช้างน้อยกำพร้าอายุ 1 เดือนจนถึง 1 ขวบ โดยในช่วงเช้าจะถูกพาเข้าป่า เพื่อให้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบธรรมชาติ จะได้กลับเข้าไปใช้ชีวิตในป่าเมื่อพร้อมแล้วได้ ที่นี่คุณจะได้เห็นภาพช้างน้อยหลายสิบตัววิ่งตามกันได้แบบน่ารักน่าชังมาก!
6. มนต์เสน่ห์สินค้าท้องถิ่น
แหล่งช้อปปิ้งในกรุงไนโรบีประเทศเคนย่านั้น คือสวรรค์ของนักช้อปฯ เป็นศูนย์รวมของงานศิลปะและงานฝีมือของคนท้องถิ่น ที่นี่มีทั้งผ้าทอท้องถิ่น ‘Shuka’ สีสันสดใสใช้ได้สารพัดประโยชน์ สร้อยลูกปัดดีไซน์เก๋ เครื่องประดับของชนเผ่า นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าสาน ‘เบาบับ‘ และตระกร้าผ้าทอสีสดใสตามสไตล์ชาวอัฟริกันด้วย เราแนะนำให้ไปที่ ‘The Village Market Nairobi’ ซึ่งเปิดตั้งแต่เช้าถึงเย็น เป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ มีร้านค้าถึง 150 ร้านบนเนื้อที่ 20,000 ตารางเมตร นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารและการแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมด้วย
7. สร้อยลูกปัด ‘Kazuri Beads Factory’
ถ้าใครอยากได้สร้อยลูกปัดที่ทำจากดินเหนียวที่ได้จาก Mt. Kenya ล่ะก็ อย่าลืมแวะไปชมโรงงานทำสร้อยที่กรุงไนโรบีล่ะ สร้อยลูกปัดของที่นี่จะมีสีสันและลวดลายที่จัดจ้านตามสไตล์คนเคนย่า และส่งออกทั่วโลก แถมที่โรงงานแห่งนี้ยังเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้หญิงหม้ายในประเทศเคนย่าอีกด้วย!
8. อาหารเคนย่าที่ต้องลอง
อาหารท้องถิ่นในประเทศเคนย่านั้นมีความหลากหลายมาก ส่วนใหญ่ก็จะประกอบไปด้วยเนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อวัว และเนื้อไก่ รวมทั้งผักและถั่วนานาชนิด เอามาปรุงกับสมุนไพร ทำให้มีรสชาติเข้มข้น ถูกปากใครๆ หลายคน แถมส่วนใหญ่ยังเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และมีหลายอย่างที่เป็นเมนูมังสวิรัติ ฉะนั้นผู้ที่กลัวอ้วนทั้งหลายสามารถเลือกกินได้อย่างสบายใจเลยนะคะ! เราแนะนำร้านในกรุงไนโรบีชื่อ ‘Nyamanyama Mama KE‘ ที่นี่จะอยู่ในศูนย์การค้าขนาดกลาง มีซุปเปอร์มาร์เก็ตทันสมัยให้ช้อปฯกาแฟและชาชื่อดังของเคนย่า เราแนะนำให้ลองซื้อ Chevda สแน็คทานเล่นเป็นของฝาก และถ้าคุณพลาดการช้อปปิ้งใน ‘The Village Market Nairobi’ ก็สามารถมาเก็บตกได้ที่นี่
9. บ้านแห่งตำนานของผู้เขียนนิยาย ‘Out of Africa’
บ้านของคาเรน บริกเซน ที่สวมบทบาทโดยเมอรีล สตรีฟ เจ้าของไร่กาแฟชาวเดนมาร์ค ที่มาอาศัยอยู่ในไนโรบีตั้งแต่ปี 1914 – 1931 ซึ่งเป็นผู้เขียนนิยายในภาพยนตร์เรื่อง ‘Out of Arica’ ที่โด่งดังจนนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ และได้รับรางวัลมากมาย รวมทั้งรางวัลออสการ์ 7 สาขา ซึ่งปัจจุบันบ้านหลังนี้ได้กลายเป็นมิวเซี่ยมที่มีไกด์อาชีพพาเดินชมบ้านไปแล้วละค่ะ!
10. ศูนย์อนุรักษ์ยีราฟ
Giraffe Center คือศูนย์อนุรักษ์ยีราฟในกรุงไนโรบี ซึ่งได้ทำการอนุรักษ์ยีราฟสายพันธุ์ Rothschild ที่เริ่มจะสูญพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 700 ตัวเท่านั้น จุดเด่นของยีราฟสายพันธุ์นี้คือตั้งแต่ช่วงเข่าลงไปจะเป็นสีขาวล้วนเหมือนใส่ถุงเท้า จนใครๆ ขนานนามให้ว่า ‘White Sock’ ซึ่งคุณจะได้ป้อนอาหารและพบกับประสบการณ์พิเศษ ‘Giraffe Kiss’ ด้วย!
Travel Tips
– เคนย่าแอร์ไลน์มีตารางการบินตรงไปและกลับ กรุงเทพฯ – ไนโรบี ทุกวัน เช็คข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kenya-airways.com หรือโทร. 02-630-4545
– ถ้าจะท่องเที่ยวให้สะดวกระดับห้าดาวเราแนะให้ใช้บริการ SkySafari by elewana Kenya Connoisseur ได้ที่ www.elewanacollection.com และ www.skysafari.com โทร. 0-2365-5735 อีเมล์ tuangdej_pi@minor.com เพราะที่นี่จะให้บริการที่พักระดับห้าดาวและเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว
– สำหรับการเดินทางในเคนย่าของเราครั้งนี้ เป็นการเดินทางโดยเครื่องบินเจ็ทซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ผู้โดยสารจึงต้องเตรียมกระเป๋าเดินทางที่พอดีกับพื้นที่เก็บสัมภาระ ซึ่งสามารถรับกระเป๋าเดินทางที่ทำจากผ้าเท่านั้น โดยกว้างไม่เกิน 25 ซม. ยาวไม่เกิน 30 ซม.และสูงไม่เกิน 62 ซม. สำหรับกระเป๋า Carry-on น้ำหนักไม่เกิน 1.5-2 กก.
– ในการท่องซาฟารีควรนำเสื้อผ้าสีกากี เขียว เบจและสีอ่อน ไม่ควรใส่สีเข้ม แต่สามารถสวมเสื้อสีเข้มในที่พักได้ ควรสวมเสื้อแขนยาวเพื่อกันแดดและกันยุง และหากตกค่ำอากาศจะเย็น สำหรับเกมไดร์ฟในช่วงค่ำควรสวมกางเกงขายาว ควรเตรียมแจ็คเก็ตกันน้ำน้ำหนักเบาไปด้วย รองเท้าใส่สบายและกันน้ำ ยาทากันยุง ยาประจำตัว แว่นกันแดด กล้องถ่ายรูปที่มีเลนส์ซูมสำหรับการถ่ายภาพสัตว์ แบตเตอรี่สำรอง เมมโมรีการ์ดจำนวนมาก ควรขออนุญาตก่อนการถ่ายภาพชาวแอฟริกันตะวันออก เพราะอาจถูกเรียกเก็บเงินเอาได้ นอกจากนี้ยังควรเตรียมไฟฉายเล็กๆ ไปด้วย
Cr. ke_food’s Instagram, https://en.wikipedia.org