เมื่อพูดถึง Soneva Kiri ใครๆ ก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็น…ว่าเป็นรีสอร์ทสุดหรู ที่มีหาดทรายเม็ดละเอียด และน้ำทะเลที่ใสแจ๋วชนิดมองเห็นพื้นทราย จนติดอันดับ ‘ Soneva Kiri รีสอร์ทในฝัน ที่ต้องไปพักสักครั้งในชีวิต’ แต่ก็ใช่ว่าวันพักผ่อนในรีสอร์แห่งนี้ จะมีแต่หาดทราย สายลม และความเงียบสงบให้ชื่นชมเท่านั้นนะ เพราะยังมีกิจกรรมดีๆ ที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ประทับใจ และอิ่มเอมกับธรรมชาติได้มากขึ้น และนี่คือ 5 กิจกรรมที่คุณพลาดไม่ได้เด็ดขาด!

1. จิบค็อกเทลนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตก
หลังจากที่เครื่องบินส่วนตัวพาเราร่อนลงบนสนามบินเกาะไม้ซี้ แล้วมุ่งตรงสู่วิลล่าอันหรูหราของ ‘โซเนวา คีรี’ เราก็สัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายจากโทนสีสบายตา และวัสดุที่เลือกมาใช้ในการตกแต่งห้องพัก ที่ดูกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว แต่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เรารีบถอดรองเท้าเดินย่ำพื้นทรายกันอยู่ได้ไม่นาน ก็ถึงเวลาต้องนั่งเรือไปชมทัศนียภาพยามพระอาทิตย์ตกกันแล้ว

บนเรือขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เต็มไปด้วยความโอ่อ่าหรูหรา มีที่นั่งกว้างขวางพอให้ได้เอนกายชมความงดงามของท้องฟ้า และเงาสะท้อนบนผืนทะเลยามพระอาทิตย์ตก พร้อมกับจิบค็อกเทลอร่อยๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นตื่นตากับดวงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยเคลื่อนลับขอบฟ้าไป ก่อให้เกิดภาพสวยงามบนท้องฟ้า ก่อนที่ดวงจันทร์จะเฉิดฉายออกมาทำหน้าที่แทนบนท้องฟ้าที่มืดมิด
2. ชิมอาหารไทยรสดั้งเดิมที่ ‘ครัวแม่ตุ๊ก’
หลังจากจิบค็อลเทลชมพระอาทิตย์ตกจนได้ที่แล้ว เราก็เบนหน้ามุ่งตรงสู่ ‘ครัวแม่ตุ๊ก’ เพื่อไปดินเนอร์กัน ร้านอาหารไทยรสชาติจัดจ้านแห่งนี้แฝงตัวอยู่ในป่าโกงกาง ที่แวดล้อมด้วยทัศนียภาพชวนหลงใหล จึงไม่แปลกใจที่เรารู้สึกเจริญอาหารขึ้นเป็นพิเศษ ก็แหม…อาหารแต่ละเมนูของที่นี่ เค้าใช้วัตถุดิบมาจากชุมชนที่อยู่ในละแวกนี้ทั้งนั้น จึงมีความสดใหม่เป็นอย่างมาก!
เมื่อวัตถุดิบสดใหม่มาเจอกับฝีมือการควงตะหลิวของแม่ตุ๊ก อาหารแต่ละจานจึงไม่สามารถทำให้เราละมือในการตักเข้าปากได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเมี่ยงคำ ปอเปี๊ยะกุ้งทอด น่องไก่ทอดกรอบ ยำคอหมูย่าง ทะเลผัดเกลือ กุ้งทะเลนึ่งสมุนไพร แกงกะทิกุ้งสดดอกขี้เหล็ก และอะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ ก่อนจะตบท้ายด้วยของหวานสุดอร่อย ที่ทำให้เราแทบจะต้องกลิ้งตัวกลับที่พักกันเลยทีเดียว!
3. เที่ยวน้ำตก ‘ห้วงน้ำเขียว’
วันรุ่งขึ้นเราตื่นแต่เช้า เพื่อจะได้เดินชมนกชมไม้บนสะพานไม้ที่ทอดไกล ปล่อยให้สายลมและแสงแดดยามเช้าโลมไล้เนื้อตัวเพื่อเพิ่มวิตามินดี ก่อนจะที่เริ่มต้นเดินทางสู่ ‘น้ำตกห้วงน้ำเขียว’ อันโด่งดัง! น้ำตกขึ้นชื่อแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่อยู่ในป่าทึบที่ทำให้ต้องพละกำลังในการบุกป่าฝ่าดงเล็กน้อย แต่พอถึงตัวน้ำตกแล้วล่ะก็ จะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะทัศนียภาพที่เห็นต้องเรียกว่า ‘สวรรค์บนดิน’ ได้เลย!

นอกจากม่านน้ำตกที่ไหลเป็นทางอย่างต่อเนื่องดุจผ้าไหม่โปร่งบางคลี่คลุมชะง่อนผาแล้ว ยังมีลำธารน้ำใสเย็นที่ยั่วเย้าให้เราลงไปแหวกว่ายอีก แถมในบริเวณนั้นยังเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 500 ปี บางต้นก็ใหญ่มากๆ ต้องใช้คนโอบถึง 10 คนเลย! สถานที่แห่งนี้นับเป็นทางเลือกที่ดี ที่ช่วยให้เราเปลี่ยนบรรยากาศจากน้ำทะเลที่ดูเวิ้งวาง มาเป็นน้ำจืดที่ใสเย็นท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร
4. เดินเก็บผักเพื่อไปทำ ‘อาหารวีแกน’

ที่ Soneva Kiri แห่งนี้มีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจคือ ‘เป็นมิตรและรักษาสิ่งแวดล้อม’ ฉะนั้นบนพื้่นทีกว่า 400 ไร่ จึงแทบไม่มีการตัดต้นไม้ แถมยังมีการทำสวน ปลูกผักและผลไม้ไว้รับประทานภายในรีสอร์ทด้วย งานนี้เราจึงมีโอกาสได้เดินชมสวนผัก และทำการเก็บผักงามๆ ที่ไร้สารเคมี มาปรุงเป็นอาหารวีแกนในมื้อกลางวันด้วย

บรรยากาศของสวนผักที่นี่ แบ่งออกเป็นโซนๆ ซึ่งแต่ละโซนก็เป็นไปด้วยความเรียบง่าย ไม่มีแปลงเกษตรที่มีขนาดเท่ากันเป๊ะๆ เพราะที่นี่เค้าจะปล่อยให้ธรรมชาติได้ทำหน้าที่ของมันเอง โดยมีแค่คนงานเป็นผู้ดูแล เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ตามธรรมชาติ อาหารวีแวนวันนั้นจึงรู้สึกลื่นคอเป็นพิเศษ เพราะเรารู้แหล่งที่มาของอาหารด้วยตาตัวเอง!
5. ดื่มด่ำกับ Afternoon High Tea บน Tree pod

ไฮไลท์สำคัญของทริปนี้…คือการได้ไปนั่งจิบชายามบ่าย พร้อมหยิบของว่างอร่อยๆ เข้าปากกันบน Tree pod หรือพอตลอยฟ้าที่มีหน้าตาคล้ายรังนกขนาดใหญ่นั่นเอง ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ และความร่มครึ้มของต้นไม้นานาชนิด เรียกได้ว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมยอดฮิต ที่ใครๆ ต่างฝันใฝ่ที่จะได้ขึ้นมาชมทิวทัศน์อันสวยงามกันทั้งนั้น!

นอกจากนี้เรายังมีโอกาสได้ไปนั่งปิคนิคกันบนชายหาดส่วนตัวที่ ‘Somchai Beach’ ด้วย เป็นชายหาดที่มีเม็ดทรายละเอียดมากๆ
สามารถนั่งเกลือกกลิ้งไปมาได้เหมือนนั่งอยู่บนพรมกำมะหยี่เลยทีเดียว นับเป็นสถานที่แฮงเอ๊าท์ให้เราได้ปล่อยอารมณ์ไปกับหาดทราย สายลม และเกลียวคลื่น ได้แบบไม่ต้องกลัวสายตาของคนแปลกหน้า เพื่อปล่อยอารมณ์กับสมาชิกในครอบครัว คนรัก หรือเพื่อนสนิท ได้อย่างเต็มที่!

และแล้วก็ถึงเวลาต้องจากลา เราเดินอ้อยอิ่งชมความงามของธรรมชาติให้เต็มตาอีกครั้ง สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอีกเฮือกใหญ่ๆ ก่อนจะโบกมือบ๊าย..บาย และสัญญากับตัวเองว่า จะต้องกลับมาเยือน Soneva Kiri ‘สวรรค์บนดิน’ แห่งนี้อีกแน่นอน!