Home > Lifestyle > Travel > 9 สถานที่ ‘ชมแสงดาว’ สุดโรแมนติก

‘หมูดาวเป็นประกายทั่วท้องฟ้า สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า’ นับเป็นสถานที่ในฝันที่ใครๆ ก็อยากไปชื่นชมพร้อมทอดอารมณ์ผ่อนคลายไปกับหมู่ดาว หรือกลุ่มดาวทางช้างเผือก ยิ่งไปกับคนรักไม่ว่าจะเป็นคู่ชีวิต หรือคนในครอบครัว ก็ถือเป็นประสบการณ์ประทับใจที่ทุกคนจะไม่มีวันลืม

วันนี้ HELLO! จึงมีมาให้เลือกไปถึง 10 สถานที่โล่งกว้างห่างจากแสงไฟในเมืองมีแวดล้อมที่เปิดกว้างไม่มีป่า หรือภูเขาหนาทึบมาบดบังแสงดาว การันตรีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาคุ้นค่ากับที่เกินทางมาชมหมู่ดาวจากกาแลคซี่สวยๆ ใน 2 บรรยากาศ เริ่มจากอบอุ่นตอนกลางวันและหนาวเย็นตอนกลางคืนบนทะเลทราย หรือหนาวเย็นบนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะแล้วแต่ไลฟ์สไตล์ว่าคุณความชอบท้าทายแบบไหน

มามิด (M’hamid)ประเทศโมรอกโก

มามิด เมืองโอเอซิสขนาดเล็กในประเทศโมรอกโก จุดเริ่มต้นสำหรับการผจญภัยในทะเลทรายซาฮาร่า คุณสามารถเดินทางไปยังเนินทรายที่กว้างใหญ่ที่สุดอย่าง เอิร์ก ชิกากา (Erg Chigaga) โดยการขี่อูฐหรือนั่งรถจี๊ป จะพบกับเนินทรายความสูงถึง 60 เมตร มีริ้วคลื่นบนเนินทรายเมื่อลมพัดผ่านใต้แสงอาทิตย์ ไกลออกไปมีเนินทรายอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้กับมามิด ถึงแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ก็เหมาะเป็นฉากสำหรับการดูดาวในบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลัง ตกดึงเสียงดนตรีพื้นเมืองของเผ่าเบอร์เบอร์จะบรรเลงคลอไปกับภาพผืนหมูดาวกว้างสุดสายตาตรงหน้า เป็นภาพความทรงจำที่สำคัญไปตลอดชีวิต

เซสเรียม (Sesriem)ประเทศนามิเบีย

สภาพภูมิอากาศแบบทะเลทรายที่ฝนแทบไม่เคยตก จึงเหมาะที่สุดสำหรับการชมท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งยามค่ำคืน เซสเรียมยังมีเนินทรายสีแดงขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียง รวมถึงหุบเขาลึกและซากต้นไม้หงิกงอสีดำที่ปกคลุมบริเวณโดยรอบ แน่นอนว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพ ส่วนเวลากลางคืนก็จะได้สัมผัสทิวทัศน์ที่งดงามยิ่งกว่า ด้วยแสงดาวสุกสกาวเต็มท้องฟ้า รวมทั้งดาวตกที่ส่องประกายพาดผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เลกเทคาโพ(Lake Tekapo) ประเทศนิวซีแลนด์


ในเวลากลางวัน ผู้คนมักไปเยือนเลกเทคาโพเพื่อชื่นชมธรรมชาติอันงดงาม ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบสีฟ้านวลตา ชายฝั่งที่มีดอกไม้สีม่วงบานสะพรั่งตัดกับป่าสนที่รายล้อม ล้วนประกอบขึ้นเป็นฉากหลังอันงดงามและน่าหลงใหล แต่ในยามค่ำคืนนั้น การชมดาวที่นี่ช่างแสนมหัศจรรย์ เนื่องจากที่นี่เป็นเขตอนุรักษ์ฟ้ามืดสากล (International Dark Sky Reserve) ซึ่งมีมลพิษทางแสงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ลองเลือกเต็นท์ที่พักสำหรับการพักผ่อนสักสองสามคืน แล้วถือโอกาสไปทัวร์หอดูดาวบนยอดเขาเมาท์จอห์น ซึ่งเป็นที่ตั้งของกล้องส่องทางไกลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ดูสิ

คาโบโปโลนิโอ (Cabo Polonio) ประเทศอุรุกวัย

หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอุรุกวัยแห่งนี้ไม่มีถนนตัดเข้าไปถึง ภายในหมู่บ้านมีเพียงกลุ่มกระท่อมเล็กๆ เพียงไม่กี่หลังซึ่งสร้างอยู่บนผืนทรายสีเงินที่ทอดยาวไปจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ที่นี่เป็นสถานที่เงียบสงบอย่างแท้จริง และสิ่งที่ดีไปกว่านั้น คือในช่วงไม่กี่ปีมา บรรดาอาคารในคาโบโปโลนิโอได้รับการปกป้องไม่ให้กลายเป็นรีสอร์ทเหมือนที่พบได้ทั่วไปในแถบอเมริกาใต้ ลองนอนดูดาวกับบ้านแนวฮิปปี้ดูสิ แล้วท่านจะติดใจ

วาดิรัม (Wadi Rum) ประเทศจอร์แดน


ความเวิ้งว้างของทะเลทรายที่แห้งแล้งในวาดิรัม ช่วยทำให้เห็นความงามของชีวิตมากยิ่งขึ้น แนวขอบฟ้าที่นี่ แต่งแต้มด้วยผาสูงชันและผืนทรายสีส้ม การชมดวงดาวสุกสกาวท่ามกลางสภาพภูมิประเทศที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับอยู่บนดวงจันทร์ จะทำให้ท่านรู้สึกเสมือนว่าอยู่ในโลกแห่งความฝัน ลองตั้งแคมป์กับกลุ่มเบดูอิน (Bedouin) พลางดื่มด่ำกับทิวทัศน์ทางช้างเผือกที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ความงดงามที่ได้เห็นจะทำให้ท่านแทบลืมหายใจ

เหมืองเซาโดมิงโกส (Sao Domingos Mine) ประเทศโปรตุเกส

ถึงแม้ว่าเหมืองร้างในโปรตุเกสแห่งนี้จะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่มันก็เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการดูดาวทีเดียว ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถานที่ที่น่าสนใจแห่งนี้ย้อนกลับไปถึงยุคโรมัน ท่านสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ สุสานของชาวอังกฤษ และอาคารเหมืองโบราณที่กระจายอยู่โดยรอบ ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้มองหาสถานที่สำหรับการดูดาวบนฟากฟ้ายามค่ำคืนที่แปลก แต่งดงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ

Torneträsk Lake ประเทศสวีเดน

บนทะเลสาบที่มีความยาวถึง 70 กม. นี้ การันตรีได้ว่าจะได้เห็นดาวสวยๆ อยู่ตรงหน้าทุกค่ำคืน แถมความพิเศษกับแสงเหนือ ออโร่ร่า ที่มาปรากฏให้เห็นเสมอ ชวนคุณตะลึงไปกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติบนโลกใบนี้ ทะเลสาปแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติอาบิสโก้ ทำให้กลางคืน ที่มีท้องฟ้าโปร่งห่างไกลแสงจากภายนอก ส่วนกลางวันก็มีบรรยากาศธรรมชาติสวยงามให้ชื่นชม

Photo : James Appleton

เมอร์มรังส์( Murmansk ) รัสเซีย

เมอร์มรังส์ เป็นจุดหมายหลักของนักล่าแสงเหนือ อีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้เราได้พบกับแสงเหนือ รัสเซีย ด้วยความเป็นเมืองท่า ที่ทางด้านทิศเหนือติดกับประเทศนอร์เวย์ ส่วนทางตะวันตกติดกับประเทศฟินแลนด์ แสงเหนือจาก 2 ประเทศจึงทอดยาวมาเยือนที่เมอร์มรังส์เช่นกัน ที่นี่บรรยากาศหนาวระดับ -10 อาจนอนดูชิวๆ ไม่ไดนานนัก แต่รับรองว่าภาพสวยติดตาตรึงใจไปตลอดแน่นอน

Photo: visitmurmansk.info

แคงเกอร์ลุสสวก (Kangerlussuaq) กรีนแลนด์

เมืองเงียบนิ่ง สวยงามด้วยธรมชาติขิงพื้นที่ปกคลุมหิมะ คนพื้นเมืองที่นี่การันตีว่า มีวันอากาศดี และฟ้าเปิดโล่ง ได้เห็นแสงเหนือ และดาวสวยๆ 300 วันต่อปีเลยทีเดียว เมืองนี้จึงเป็นจุดหมายของนักล่าดาว แนะนำให้มาเยือนช่วงปลายสิงหา ถึงมีนา เว้นเดือนมกราไว้สักหน่อยเพราะมีช่วงพระอาทิตย์ขึ้นตอนกลางวันน้อย ทำให้อากาศหนาวมาก และการเดินทางไม่สะดวก เมื่อมาถึงแล้วลองซื้อทัวร์พาไปดูดาวในไปที่โล่งมืดสนิทตอนกลางคืน หรือหาโรงแรมนอกเมืองพัก ก็จะมีโอกาสเก็บภาพแสงเหนือและดาวสวยท่ามกลางพื้นหิมะสีขาวได้ชัดขึ้น

Photo : Getty images

………………………………………………………………………………………………..

ข้อมูลจาก : Booking.com

Tags
travel
Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.