เข้าสู่ช่วงปลายปีกันแล้วนะคะ เรียกได้ว่าอากาศเริ่มจะเย็นสดชื่นมากๆ ถึงเวลาที่เราจะนำทุกท่านขึ้นเหนือไปชมวิวแดนล้านนาที่จังหวัดเชียงรายกัน! โดย HELLO! จะมาแนะนำสถานที่ สำหรับสายธรรมะธรรมโม จัดทริปขึ้นเหนือไปวัดกัน ในวันนี้เรามี 3 วัดในดวงใจมาเสนอเหล่าเซเลบริตี้กันนะคะ

ใครอยากได้รูปถ่ายโทนสีสไตล์นี้ ไม่อ่านไม่ได้แล้วละค่ะ เพราะเราจะมาแนะนำจุดถ่ายรูปแบบปังสุดๆ แถมเสริมความเฮงต้อนรับปีใหม่ด้วยค่ะ มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีที่ใหนควรจะไปให้ถึงเมื่อมาถึงจังหวัดเชียงรายกันแล้ว
วัดร่องเสือเต้น

เริ่มต้นกันเลยกับ วัดร่องเสือเต้น ที่ ‘คุณบูบี-วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์’ แชะภาพเปิดตัวไปแล้ว ตัววัดตั้งอยู่ในชุมชนร่องเสือเต้น ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่พระอุโบสถใหม่ที่สร้างขึ้นมา ด้วยศิลปะแบบไทยประยุกต์ เป็นการนำศิลปะแบบท้องถิ่นของเชียงราย เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่ทุกๆ ท่านจะได้เห็นคือ “พระอุปคุต” องค์สีขาวมุกตั้งอยู่บนใบบัว รายล้อมไปด้วยบ่อน้ำพุ จุดเด่นอีกอย่างของวัดร่องเสือเต้น นั่นก็คือสีสันและลวดลายของวัด ที่มีสีน้ำเงินเข้ม ภายในวัดจะพบภาพจิตรกรรมตามฝาผนัง ต่างจากวัดอื่นๆ ที่เคยไปมา

วัดร่องเสือเต้นถูกออกแบบและสร้างโดย ‘นายพุทธา กาบแก้ว’ หรือ สล่านก ลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้ออกแบบ วัดร่องขุ่นที่โด่งดัง สีน้ำเงินเข้มที่ตัดกับท้องฟ้าและสีทอง ทำให้เกิดโทนสีที่ฉูดฉาดและโดดเด่นให้กับตัววัด โดยสีน้ำเงินที่เปรียบเสมือท้องฟ้า แสดงถึงธรรมะที่ได้เผยแพร่ออกไปทั่วโลก ซึ่งอิงตามความจริงและเหตุผล

ฝาผนังรายล้อมไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติอันสวยงาม มุมถ่ายรูปที่เด่นที่สุดคือ การถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นสีน้ำเงินเข้ม แม้ว่ารูปจะซูมอินจนไม่เห็นอุโบสถ แต่ก็ยังรู้ว่ารู้นี้ได้ถูกถ่ายที่ไหน แถมยังเห็นหน้าเราชัดๆ อีกด้วย
วัดร่องขุ่น

เมื่อพูดถึงจังหวัดเชียงรายแล้ว ก็อดนึกถึงวัดร่องขุ่นไม่ได้ เพราะสถาปัตยกรรมอันแสนละเอียดอ่อน บวกกับสีที่ขาวโพลน ออกแบบและก่อสร้างโดย ‘อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์’ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ โดยอาจารย์ได้รับแรงบรรดาลใจมาจาก ชาติ ศาสนาและพระมหากษัติย์ โลเคชั่นของวัดร่องขุ่น จะถึงก่อนตัวเมืองเชียงรายประมาณ 13 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใกล้ถนนใหญ่ ทำให้การเดินทางสะดวกมาก

ทำให้วัดร่องขุ่นเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวนานาชาติ จุดถ่ายรูปของวัดก็ต้องบอกได้เลยค่ะว่า อลังการสุดๆ การแต่งตัว HELLO! ขอแนะนำให้นำชุดพลิ้วๆ สีขาวเวลาโดนลมหนาวแล้วเนี่ย ภาพจะออกมาปังสุดๆ เลยละค่ะ ใครโชคดีไปในวันที่แดดออกก็จะได้ภาพสดใสๆ แต่อย่าเลยนำหมวกไปกันด้วยนะ เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะพบเห็นวัดสีทองที่ใครหลายๆ คนอาจไม่รู้ เพราะวัดร่องขุ่นได้ขยายพื้นที่ ทำให้มีจุดถ่ายรูปเพิ่มขึ้นไปอีกค่ะ ช่วงเวลาที่ไปเราแนะนำให้ไปวันธรรมดากันนะคะ เพราะวันเสาร์อาทิตย์ทัวร์อาจจะลงได้ มุมถ่ายรูปที่ปังที่สุดคือการถ่ายภาพมุมกว้างบนสะพานข้ามแอ่งน้ำ ถ่ายให้คนอยู่ตรงกลางให้รูป Symmetrical รับลองว่า ‘ปัง’ ทุกรูปไม่มี ‘พัง’
วัดห้วยปลากั้ง

มาถึงวัดสุดท้ายที่ใครหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่รู้จัก วัดห้วยปลากั้ง รายล้อมไปด้วยเนินเขาอันเขียวขจี ซึ่งต้องบอกเลยค่ะว่า วัดแห่งนี้ได้ถูกจัดอยู่ในลิส Unseen ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากความประทับใจแรกพบของนั้น ก็คงจะพลาดไม่ได้กับรูปปั้น เจ้าแม่กวนอิมที่มาความสูงถึง 79 เมตร หรือตึก 25 ชั้น ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นโลเคชั่นที่เด่นสุดๆ มีความเชื่อกันว่าหากใครมาขอพรในเรื่องสุขภาพ การเงิน การงาน จะได้พรนั้นกลับไป

ความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรม และไฮไลท์ที่สำคัญของวัดนี้ก็คือ พบโชคธรรมเจดีย์ เจดีย์ที่มีความสูงถึง 9 ชั้น เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2544 โดยวัดห้วยปลากั้งเริ่มกันก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์ จนกระทั่ง วันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 ได้มี ‘พระอาจารย์พบโชค ติสฺสวํโส’ ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมและเริ่มมีการก่อตั้งศาสนวัตถุ จะสังเกตณ์เห็นว่ามีรูปปั้นมังกรคู่ขนาน 2 ข้าง ซึ่งเป็นมุมถ่ายภาพยอดฮิตอีกจุดหนึ่ง ในรูปทรงที่แปลกตาหาชมไม่ได้ที่อื่นนอกจากที่นี่ เป็นศิลปะสไตล์จีน เป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายรูปที่ฮิตมากในช่วงหน้าหนาว เตรียมตัวเที่ยวกันได้เลยค่ะ