ดินแดนที่ถูกขนานนามว่าเป็น Dream Destination ของใครหลายคน ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลหลัก ๆ ของคนส่วนใหญ่ที่มาเยือนไอซ์แลนด์คงหนีไม่พ้น การตาม ล่าแสงเหนือ เพื่อชมพลังความงดงามของธรรมชาติที่พาดพผ่านอยู่บนท้องฟ้าอันมืดมิดในยามราตรี แต่ความจริงแล้ว ไอซ์แลนด์ ยังมีโลเคชั่นและกิจกรรมอีกมากมายให้ทุกคนได้ไปใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขและสนุกสนานท่ามกลางความมหัสจรรย์ของธรรมชาติ และวันนี้ HELLO! จะพาทุกคนไปท่องโลกดินแดนแห่งฝันตามรอย ‘คุณไนล์ ภาสิรี ตั้งคารวคุณ’
STAY

The Reykjavik EDITION โรงแรมเปิดใหม่สุดหรูระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงที่มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และความสวยงามของประเทศไอซ์แลนด์ อย่าง เรคยาวิก ที่สำคัญยังอยู่ห่างจาก Laugavegur Street ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของคนเมือง และ Harpa Concert Hall ฮอลจัดคอนเสิร์ตที่มีสถาปัตยกรรมอันโด่งดังเพียงไม่กี่ก้าว นอกจากนี้ที่นี่ยังอยู่ตรงข้ามกับท่าเรือเก่าแก่อย่าง Old Harbour ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของพื้นน้ำ ภูเขา Esja อันกว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว และธารน้ำแข็งสไนล์เฟลส์โจกุลในตำนาน ปิดท้ายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครั้นไร้กังวล
คุณไนล์แอบกระซิบบอกเราว่าสบู่ที่โรงแรมนั้นหอมมาก ๆ เพราะทางโรงแรมทำขึ้นมาเองเป็นพิเศษ รวมถึงผ้าขนหนูของทางโรงแรมก็นุ่มมากเช่นกัน อีกหนึ่งความประทับใจจากคุณไนล์ ที่ขอยกให้ เมนูอาหารเช้าอย่าง Egg Benedict เป็นไข่เบเนดิกต์ที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยทานมากันเลนทีเดียว

ทุกคนจะต้องเคยได้ยิน Blue Lagoon หรือบ่อน้ำพุร้อนสีฟ้าน้ำนมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะนอกจากจะอยู่ห่างจากเมืองหลวง เรคยาวิก ออกมาเพียง 50 กิโลเมตร บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ยังมีทั้งความสวยงามจากธรรมชาติ และแร่ธาตุดี ๆ ที่มีคุณประโยชน์ต่อผิวพรรน ทำให้คนมักจะนิยมมาแช่บ่อน้ำร้อน ที่มีอุณหภูมิประมาน 38 – 39 °C ตลอดทั้งปี เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า และสปาผิวพรรณด้วยการนำโคนมาผอกหน้า จนกลายเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ที่ทุกคนต้องถ่ายเมื่อมาที่ Blue Lagoon
แต่สำหรับใครที่อยากสัมผัสความเอ็กซ์คลูซีฟของบลูลากูนแบบไพรเวท ต้องมาที่ The Retreat at Blue Lagoon Iceland โรงแรมชื่อดังสุดลักว์ชัวรี หนึ่งโลเคชั่นขึ้นชื่อที่แม้แต่เหล่าเซเลบริตี้ระดับโลกยังต้องขอมาเช็คอิน เพื่อสัมผัสกับความงามของธรรมชาติระดับไฮคลาส ทั้งความสวยงามของดีไซน์ ความเป็นส่วนตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ที่สำคัญที่โรงแรมแห่งนี้ยังโด่งดังเรื่องของ รีทรีท ไม่ว่าจะเป็น สปาหรือซาวหน้า ที่นี่ก็พร้อมให้บริการเสมอ
INDULGE

ฉีกทุกกฎการดูแสงเหนือ ใครว่าอยากดูแสงเหนือ จะต้องออกเดินทาง ล่าแสงเหนือ แบบผจญภัยทุกครั้งไป เพราะคุณไนล์จะพาเรามาดูแสงเหนือในสระว่ายเอาท์ดอร์สุดไพรเวท ที่โรงแรม Fosshotel Glacier Lagoon โรงแรมสุดลักซ์ชัวรีระดับ 4 ดาว ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงามของไอซ์แลนด์ เรียกว่าเอาใจคนชอบธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น อุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์ ทะเลสาบธารน้ำแข็ง Jökulsárlón และบ่อน้ำพุร้อนบลูลากอน
ADVENTURE

นอกจากดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายให้ทุกคนได้พจนผัญอย่างสนุกสนาน พร้อมชมความงดงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เช่นเดี๋ยวกับคุณไนล์ของเรา ที่ได้ไปสัมผัสประสบการณ์เดิน ถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) จนเกิดความประทับใจ และได้เล่าให้เราฟังว่า “แนะนำให้ไปเดิน Ice Cave เลยค่ะ สวยมากจริง ๆ แต่อันนี้ต้อง adventure นิดนึงนะคะ เพราะลมแรงมาก ส่วนด้านล่างก็เป็นธารน้ำแข็ง แต่บอกเลยว่ามันสวยมาก คุ้มค่ามาก ๆ เพราะมันเป็นถ้ำแข็งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจริง ๆ “

Snowmobile อีกหนึ่งกิจกรรมสุดมันส์ ที่จะมาทำให้ทุกคนตื่นเต้นเร้าใจกับความเร็วที่พุ่งทะยานไปบนพื้นน้ำแข็งและหิมะ กับการการขี่สโนว์โมบิลไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวปุย เพื่อไปยังยอดภูเขา และระหว่างทางทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวธารน้ำแข็งและธรรมชาติอันสวยงามตระการตา
TASTE

Silfra Restaurant ห้องอาหารจากโรงแรม ION Adventure Hotel นำโดย 2 เชฟมากประสบการณ์ อย่างเชฟ Snædís Xyza Mae Ocampo และเชฟ Þráinn Freyr Vigfússon ที่ที่จะพาทุกคนไปลิ้มลองอาหารสไตล์โมเดิร์น ตามฤดูกาล และเน้นใช้วัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์มที่ยั่งยืนในท้องถิ่น ห้องอาหารนี้จึงถือเป็นแหล่งรวบรวมรสชาติความอร่อยแบบต้นตำรับและจิตวิญญาณของชาวไอซ์แลนด์อย่างแท้จริง
Recommend : เมนูไฮต์ไลท์ไม่ควรพลาด อย่าง ปลาอาร์กติก เป็นหนึ่งในเมนูที่คุณไนล์ย้ำกับเราว่าอร่อยมาก และเป็นของขึ้นชื่อ ไม่ว่าจะไปร้านไหนในไอซ์แลนด์ คุณไนล์ถึงกับต้องสั่งมาทานทุกครั้งกันเลยทีเดียว
EXPLORE

Gullfoss Waterfall หรือ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ ซึ่งแปลจากภาษาไอซ์แลนด์ความหมายว่า ‘น้ำตกทองคำ’ หนึ่งในแลนด์มาร์คอันโด่งดังของเหล่านักท่องเที่ยว ที่ต้องการไปเยือนความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติระดับโลก อย่าง น้ำตกที่เต็มไปด้วยเกร็ดน้ำแข็งและหิมะในช่วงฤดูหนาว พร้อมด้วยละอองน้ำสีขาวพุ่งขึ้นมาจากเหวลึก ส่วนน้ำที่เราเห็นอยู่นี้ คือ น้ำจาก แม่น้ำควิทอา (Hvítá) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไอซ์แลนด์ ที่มาทำให้ น้ำตกทองคำ แห่งนี้ยิ่งพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก
WHAT TO PACK

