Home > Lifestyle > Travel > ตามรอยตำนานรักนิรันดร์ เยี่ยมชมสวรรค์นักจิบไวน์

Day 4

วันนี้เราเดินทางไปเวโรน่าในแคว้นเวเนโต เมืองนี้ได้รับเลือกโดย UNESCO ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อีกแห่งของ ประเทศอิตาลี งานศิลปะวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอายุร้อยๆปี รวมทั้ง สถานที่สำคัญๆ และเก่าแก่สมัยโรมันยังคงรักษา ในสภาพเดิมและสมบูรณ์ ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเนื่องจากจะมีงานแสดงต่างๆประจำปี เช่น โอเปร่าที่จัดขึ้น ในอัฒจันทร์โบราณ และยังเป็นสถานที่สมมุติของบ้านจูเลียต ตัวละครเอกในวรรณกรรมชื่อดัง เรื่องโรมิโอ แอน จูเลียต ที่เป็นละครโศกนาฏกรรม ประพันธุ์โดย วิลเลียม เชกสเปียร์ ค.ศ.1595 จุดเด่นของบริเวรบ้านจูเลียตหลังนี้ตรงผนังจะมีข้อความ คำอธิษฐาน ชื่อคู่รัก ขีดเขียนบนทุกพื้นที่ของกำแพงแม้กระทั่งหมากฝรั่งทับกันไปมาหลากหลายสีสัน รวมถึงกุญแจล๊อกมาคล้องประตูจากผู้คนทั่วโลกที่มาเยือนเพราะเชื่อว่าจะทำให้ความรักมั่นคงยืนยาวเหมือนโรมิโอกับจูเลียตที่รักกันชั่วนิรันดร์

ส่วนบริเวณหน้าประตูบ้านมีรูปปั้นของจูเลียตสร้างตามจินตาการของผู้แต่ง มีความเชื่อว่าถ้าใครได้ สัมผัส ตรงหน้าอกขวาของจูเลียตและอธิษฐานจะพบกับรักแท้ในไม่ช้า! ทุกคนจึงนิยมมาถ่ายภาพตรงนี้มาก

คำอธิษฐาน จากคู่รักทั่วโลก

เราสามารถขึ้นไปข้างบนระเบียงอันแสนโรแมนติกสมผัสความรู้สึกตอนโรมิโอตะโกนสารภาพรักกับ จูเลียตได้ ภายในบ้านจะเป็นแบบจำลองในยุคสมัยนั้นที่นักประพันธ์ได้จินตนาการไว้ นอกจากนี้ยังมีกล่องจดหมายสีแดงตั้งไว้หน้าบ้านให้ทุกคนจากทั่วโลกเขียนหาจูเลียตเพื่อขอพรหรือปรึกษา เรื่องความรักเเละเทศบาลเวโรน่ายังสนับสนุนโดยมีอาสาสมัครมาคอยช่วยตอบจดหมายเหล่านี้อีกด้วย

จุดหมายต่อไปคือที่โปรดปรานของนักดื่มไวน์ เราได้โอกาส ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตไวน์ที่เก่าแก่ ในเมืองเวโรน่า Serego Alghieri ตั้งแต่ค.ศ. 1353 การนัดหมายของเราได้มีผู้เชี่ยวชาญของ Serego Alighieri มาต้อนรับเรา พาเราเดินรอบๆ สวนองุ่นในบริเวณคฤหาสน์ของเจ้าของไวน์นี้ ดูรอบๆ บรรยากาศโรงหมักไวน์เก่าแก่ของพื้นที่นี้ยังผลิตด้วยวิธีดั้งเดิม ตั้งแต่การตากองุ่น เวลามองออกไปข้างนอกจะเห็นสวนองุ่นในลักษณะต่างระดับไล่ลงไปตามเนินเขาสุดลูกหูลูกตา ต่อมาเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับชนิดไวน์ต่างๆ ในห้องชิมไวน์โดยให้ทานคู่กับขนมปังกรอบ ขณะนี้ผู้ดูแลยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขรุ่นที่ 21 ของ 2 ตระกูลนี้ ไม่ต้องบรรยายทุกท่านน่าจะทราบดีว่ารสชาติของไวน์ที่นี่เลิศล้ำเพียงใด เราได้แต่หัวเราะกันว่าราคาแต่ละขวดสุดคุ้มมาก แต่ ปัญหาคือจะเอากลับกันได้กี่ขวด

Day 5

วันสุดท้ายแล้ว โปรแกรมที่น่าตื่นเต้นวันนี้คือไป La Rinascente ที่เมืองมิลาน เป็นห้างสรรพสินค้าอิตาเลียนแห่งแรกของมิลานที่เก่าแก่กว่า 150 ปี ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1865 ซึ่งขณะนี้เครือเซ็นทรัลของไทย ถือครองมา ได้ประมาณ 6 ปีแล้ว ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งสำคัญของโลก มีสินค้าแบรนด์เนมมากมายเป็นสวรรค์ของนักช้อปเลยที่เดียว อยู่ติดกับ Galleria Vittorio Emanuele II อีกศูนย์การค้าหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งชื่อตามพระเจ้าวิคโตริโอ เอมานูเอลที่ 2 กษัตริย์พระองค์แรกของ ราชาอาณาจักรอิตาลี โดยได้รับการออกแบบในปี ค.ศ.1861 และสร้างโดย โจเซปเป เมนโกนี

จุดกึ่งกลางของพื้นที่รูปแปดเหลี่ยมนั้นจะเป็นโดมกระจกบน มีงานโมเสก4 ชิ้น ทำเป็นรูปตราอาร์มของเมืองหลวงทั้ง 3 แห่งของราชอาณาจักรอิตาลี มีตูริน ฟลอเรนซ์ โรม ส่วนชิ้นที่สี่นั้นก็คือตราอาร์มของเมืองมิลานที่ตั้งของแกเลอเรียแห่งนี้ มีความเชื่อที่ว่าหากสามารถหมุนตัวด้วยส้นเท้า ตรงอวัยวะเพศของวัวกระทิง (ในตราอาร์มของเมืองตูริน) ได้ 3 ครั้ง จะทำให้โชคดี แต่การกระทำนี้ทำให้เกิดความเสียหายกับงานโมเสก จึงจะมีตำรวจในเครื่องแบบมาตรวจเสมอ แต่ทุกคนพยายามที่จะแย่งกัน selfie เสียมากกว่า

เดินออกมาข้างนอกคือที่สุดของที่สุด Duomo di Milano (Milan Cathedral) มหาวิหารแห่งเมืองมิลานเป็นศิลปะสถาปัตยกรรม แบบโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มสร้างในค.ศ. 1386 โดย จิอาน กาเลอัชโช่ วิสคอนติ Gian Galeazzo Visconti แห่งตระกูลวิสคอนติ เพราะตอนนั้นมิลานเป็นดินแดนในปกครองของตระกูลวิสคอนติ เพื่อถวายแด่แม่พระ เพื่อขอให้ประทานบุตรชายของตนให้เป็นทายาทสืบทอดตระกูลวิสคอนติต่อไป โดยมีซิโมเน ดา ออร์เซนีโก (Simone da Orsenigo ) เป็นผู้คุมการก่อสร้างคนแรก และได้เงินบริจาคของคริสตชน การก่อสร้างผ่านอุปสรรคมามากหมาย จนกระทั่งลายละเอียดสุดท้ายได้เสร็จสมบูรณ์ ในวันที่ 6 มกราคม 1965 ถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดกระบวนการก่อสร้างมหาวิหารแห่งเมืองมิลานใช้เวลาทั้งสิ้น 579 ปี ความโดดเด่นอยู่ที่ยอดแหลมบนหลังคา

บนยอดใหญ่ตรงกลาง มีพระรูปแม่พระ Madonnina ทำด้วยทองสำริดโดย Giuseppe Perego ตั้งไว้เมื่อ ค.ศ. 1762 ทั้งในและนอกของมหาวิหารและด้านบนมีรูปปั้นสไตล์โกธิก รูปปั้นนักบุญ รูปปั้นเกี่ยวกับโบสถ์ ที่มากที่สุดในโลกกว่า 3,400 รูปปั้น ทุกตารางนิ้วช่างวิจิตรและงดงามจนเรารู้สึกยังไม่อยากกลับ ขอยืนจดจ้องต่ออีกนิด และคิดว่าความอัศจรรย์เช่นนี้ บอกเล่าด้วยภาพและคำพูดยังไงก็ไม่เห็นชัดเท่าไปส้มผัสด้วยตัวคุณเอง

การเดินทางกับสายการบินไทยต้องขอยอมรับว่าเขาจัดสรรเวลาบินได้ดีเยียม ไม่เสียเวลา ได้พักผ่อนเต็มที่ อาหารก็ดี ระบบ Entertainment มีให้เลือกมากมาย การAirbus A350 XWB สร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารมากฟังจากเสียงปรบมือของผู้โดยสารในเครื่องทั่งขาไปและกลับ การเดินทางไปกับสายการบินไทยทำให้เราสามารถเดินทางท่องเทียวไปยังเมืองต่างๆ ภายในประเทศอิตาลีได้ง่ายขึ้นอย่างเช่นที่กล่าวมา โดยบินเข้ากรุงโรมและกลับโดยออกจากมิลาน จุดบินทั้งสองของการบินไทยเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเมืองต่างๆได้อย่างสะดวกสบาย

และแล้วก็ถึงที่สิ้นสุดของทริปนี้ นอกจากการวางแผนที่ลงตัวของสายการบินไทยโดยมีมิกิทราเวลช่วย ให้การเดินทางสะดวกสบาย เรายังได้มิตรภาพที่ดีจากเพื่อนใหม่ พี่น้องที่มาร่วมทริปนี้ด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอทริปที่สนุกสนาน ลงตัวและสมบูรณ์เช่นนี้

……………………………………………………………………..

สัมผัสเส้นทางความสุขที่ลงตัวไปกับการบินไทยได้ที่
www.thaiairways.com

Tags
travel
Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.