ตามติด ‘คุณหญิงแม้น-ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล’ ตะลุย Isle of Skye สวรรค์บนดิน จากอังกฤษไปสกอตแลนด์ก็แค่ปากซอย!!
ทั้งที่เคยเรียนอยู่ที่อังกฤษตั้งหลายปี จากอังกฤษจะข้ามไปสกอตแลนด์ก็แสนง่าย แต่ท้ายที่สุดการไปสกอตแลนด์ครั้งแรกของหญิงแม้น กลับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2019 นี้เอง ในวันที่ครอบครัวของเราได้ไปกันพร้อมหน้า ในวันที่หญิงแม้นเพิ่งเริ่มสร้างครอบครัวใหม่ได้ไม่นาน และก่อนวันที่น้องสกายจะมาเป็นสมาชิกใหม่ของเรา ตั้งแต่แต่งงานแยกครอบครัวออกมา ‘คุณหญิงแม้น-ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล’ กับน้องสาว (ม.ร.ว.จันทรนิภา ยุคล) ก็มีธรรมเนียมว่าทุกปีเราจะพาท่านพ่อ (พล.อ. ม.จ.จุลเจิม ยุคล) กับคุณแม่ (หม่อมอัญชลี ยุคล ณ อยุธยา) ไปเที่ยว ซึ่งทริปสกอตแลนด์นี้จะว่าไปก็เป็นทริปที่นกนำทาง เพราะท่านพ่อชอบถ่ายภาพนกมาก เมื่อเรารู้ว่าในแต่ละปีจะมีสี่เดือนที่นกพัฟฟินย้ายจากกลางทะเลไปอยู่บนเกาะคันน่า แพลนนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อให้ท่านพ่อได้ไปเก็บภาพนก และเอาใจคุณแม่ซึ่งเป็นแฟนหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ด้วยการพาไปดูรถไฟสายฮอกวอตส์ เพราะการได้เห็นท่านพ่อกับคุณแม่มีความสุขกับการได้ไปเห็นอะไรที่ชอบ ลูกๆ ก็พลอยมีความสุขไปด้วยแล้ว ( คุณหญิงแม้น พาชม สกอตแลนด์ )

หญิงแม้นแพลนทุกอย่างแล้วเก็บไว้ไม่บอกใครแม้แต่คุณซัน (สามี-ต่อสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต) ทุกที่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันจึงเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่มีกับทุกคน เพราะเราจะเก็บรายละเอียดความชอบของแต่ละคน แล้วหาข้อมูลว่าระหว่างทางที่เราไปมีอะไรที่แต่ละคนชอบบ้างใส่ไว้ในแพลน เพื่อให้ทุกคนสนุกและมีความสุขไม่น้อยไปกว่ากัน

ทริปนี้ของเราเริ่มต้นที่ลอนดอน ในเดือนเมษายน ปี 2019 โดยใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในลอนดอน และอีกหนึ่งสัปดาห์ในสกอตแลนด์ อันที่จริงแล้วเราสามารถนั่งเครื่องจากลอนดอนไปถึงสกอตแลนด์ได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง แต่เราเลือกที่จะนั่งรถไฟแม้จะใช้เวลานานกว่า เพราะชอบการเดินทางที่ได้เห็นอะไรๆ ระหว่างทางซึ่งสนุกมากกว่า
จากสถานียูสตันในลอนดอน เราใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงสถานีกลาสโกว์ ในเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีชีวิตชีวาที่สุดในสกอตแลนด์ แต่จุดหมายของพวกเราไม่ใช่ที่นี่ เมื่อนอนพักเอาแรงได้หนึ่งคืน รถเช่าซึ่งมีคุณซันประจำการอยู่บนที่นั่งคนขับ ก็พาพวกเราเดินทางต่อไปยังฟอร์ตวิลเลียม โดยเส้นทางที่สวยที่สุดของสกอตแลนด์ซึ่งต้องผ่านเกลนโค ถ้าจะขับต่อเนื่องจริงๆ ก็ใช้เวลาราวสองชั่วโมงครึ่ง แต่เราเลือกที่จะขับไปเรื่อยๆ แวะกินข้าวริมทะเลสาบ เดินดูสถานอนุบาลสัตว์ และเดินเล่นในป่าเพื่อให้ท่านพ่อได้ถ่ายรูปนกเก็บแต้มไปเรื่อยๆ จนมาถึงเกลนโค หมู่บ้านกลางหุบเขาที่จอร์จ มาร์ติน เจ้าของนวนิยายชุด A Song of Land and Fire ซึ่งถูกนำมาสร้างเป็นซีรี่ส์ Game of Thrones เคยให้สัมภาษณ์ว่าแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งของตอน Red Wedding นั้นนำมาจากเรื่องราวการสังหารหมู่ของตระกูลแมคโดนัลด์ในเกลนโค
ถึงเรื่องราวจะฟังดูเศร้าและน่าหวาดกลัว แต่ความงดงามของเกลนโคก็เป็นจุดหมายให้กับคนที่ชอบการเดินป่า ปีนเขา เล่นสกี ส่วนพวกเราก็แวะเก็บภาพความงามกันเป็นระยะ กว่าจะถึงฟอร์ตวิลเลียมก็แปดชั่วโมง ได้เวลาพักผ่อนพอดี จากฟอร์ตวิลเลียม ในวันต่อมาเรากดแผนที่ไปยังมัลเลกเพราะจะต้องขึ้นเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยัง Isle of Skye หรือเกาะสกาย แต่ก็เหมือนเคยที่เราจะยังไม่ตรงดิ่งไปในทันที เพราะเราต้องพาคุณแม่ที่อินกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ยิ่งกว่าใคร ไปดูรถไฟหัวจักรไอน้ำจาโคไบต์ ที่จะวิ่งผ่านสะพานเกลนฟินเนน สะพานคอนกรีตเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1897 และเป็นเส้นทางรถไฟที่ใช้ในการถ่ายทำรถไฟสายฮอกวอตส์ เอ็กซ์เพรส ที่พานักเรียนพ่อมดแม่มดจากสถานีคิงส์ครอส ชานชาลาที่ 9 3/4 ไปส่งที่สถานีฮอกส์มีด แล้วต่อเรือไปที่โรงเรียนฮอกวอตส์




ด้วยความอินของคุณแม่ และความสุขของลูกๆ ที่ได้เห็นคุณแม่ปลื้มปริ่มกับการได้รอดูขบวนรถไฟพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ อีกนับร้อยคน ทำให้ท่านพ่อที่แม้จะเข้าไม่ถึงความอินนี้ก็เพลินกับการได้เดินไปถ่ายภาพนก คน และต้นไม้ ไปพลางๆ อย่างสนุกสนานไปด้วยระหว่างรอ
พวกเราพารถเช่าคันเดิมขึ้นเฟอร์รี่เพื่อข้ามไปยังไอส์ล ออฟ สกาย เกาะที่สวยเป็นอันดับสี่ของโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสกอตแลนด์รองจากเอดินบะระ คุณแม่ลองค้นข้อมูลดูจึงพบว่าเกาะที่มีความยาว 50 ไมล์ กว้าง 25 ไมล์นี้ น่าจะมาจากการผสมคำของภาษานอร์ส ภาษาโบราณของชาวสแกนดิเนเวียน ที่ Ski แปลว่าเมฆ และ Ey แปลว่าเกาะ แต่ในภาษาเกลิกที่เป็นภาษาถิ่น จะเรียกเกาะนี้ว่า Ant-Eilean Sgitheanach ซึ่งหมายถึงปีก เพราะปลายแหลมที่อยู่เหนือสุดของเกาะทั้งแหลมวอเตอร์นิช และทรอตเทอร์นิชมีรูปร่างเป็นปีกนก

ไฮไลต์ที่รอคอยของท่านพ่อสิ้นสุดลง หลังจากขับรถขึ้นเขาลงเขาบนเกาะไปยังมาเลกเพื่อไปลงเรือต่อไปเกาะคันน่า เรือที่พาเราไปเป็นเรือยางที่นั่งได้ 12 คน แต่ก็ไม่ได้สบายเพราะเราต้องนั่งทรงตัวกันในเรือที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายรูปทั้งเลนส์และกล้อง พวกเราพ่อลูกนึกดีใจที่คุณแม่ไม่ได้ไปด้วย เพราะคลื่นขนาดนี้คุณแม่ต้องเมาเรือแน่ๆ
หลังจากฝ่าคลื่นทะเลไปสักชั่วโมงครึ่งก็ถึงดินแดนของพัฟฟินที่รอเราอยู่หลายร้อยตัว นกพวกนี้จะชอบอยู่ตามหน้าผา ชายฝั่งทะเล หรือเกาะแก่งต่างๆ ตามมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งในเวลส์ สกอตแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ รัสเซีย โดยจะทำรังในร่องหินหรือขุดดินด้วยจะงอยปากสีสดใสของมันให้เป็นโพรงลึกเป็นเมตรและกว้างขวาง มีแบ่งสัดส่วนรังให้เป็นห้องนอนกับห้องส้วมเสียด้วย เจ้าหน้าที่เล่าว่าในหนึ่งปีเราจะเห็นนกบนฝั่งได้แค่สี่เดือน ในช่วงหน้าร้อนราวๆ เมษายนเป็นต้นไป เพื่อผสมพันธุ์และวางไข่ที่จะออกมาแค่ตัวละหนึ่งฟองต่อปี อีกแปดเดือนที่เหลือนกเหล่านี้จะกลับไปอยู่กลางทะเล
นกพัฟฟินรวมตัวกันอยู่เป็นฝูง หน้าตาออกจะคล้ายนกเพนกวิน ปีกเล็กกว่าตัวป้อมๆ ของมันมาก เวลาจะบินจึงต้องกระพือปีกเร็วถึง 400 ครั้งต่อนาที และบินได้เร็วถึง 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเก่งของเจ้านกสายพันธุ์นี้คือสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 60 เมตร แล้วแง่งเล็กๆ ในปากก็ทำให้มันจับปลาไหลทราย ปลาสแปรด และปลาแฮร์ริ่งที่มันชอบได้ครั้งละหลายตัว
ท่านพ่อเก็บภาพนกพัฟฟินอย่างเพลิดเพลิน แถมยังได้ภาพเหยี่ยว นกนางนวล และกวางติดกลับมาด้วย กำลังนึกสงสัยอยู่ว่ากวางบนเกาะนี้มาได้ยังไง เจ้าหน้าที่ก็อธิบายว่าเกาะคันน่านี้เดิมมีมหาเศรษฐีไปสร้างคฤหาสน์เอาไว้ แล้วขนเอาสัตว์สำหรับล่าไปปล่อยไว้เพื่อจัดปาร์ตี้ล่าสัตว์กับเพื่อนๆ กวางเรนเดียร์ที่ขนเอามาบนเกาะนี้จัดเป็นสายพันธุ์ที่บริสุทธิ์ที่สุด จนถึงวันหนึ่งเกิดสถานการณ์พลิกผัน มหาเศรษฐีถึงคราวตกอับกลายเป็นยาจก รัฐบาลสกอตยึดเกาะคืน ส่วนกวางก็รอดจากการล่าแล้วออกลูกออกหลานเดินกันเพ่นพ่านเต็มเกาะ
เรื่องคนมีเงินไปซื้อที่บนเกาะนี้มีเรื่องเล่าไม่จบ เพราะเจ้าของบ้านหลังที่เราไปพักก็เล่าให้ฟังว่า บนเกาะสกายเองก็มีชาวตะวันออกกลางทุ่มเงินซื้อเขาทั้งลูก เนื้อที่เป็นหมื่นๆ เอเคอร์เพื่อใช้เป็นที่เลี้ยงกวางสำหรับล่าเช่นกัน อย่างป่าหลังบ้านที่เรานอนกันอยู่ พอถึงหน้าร้อนกวางก็ออกมาเดินกันเป็นว่าเล่น




ทริปนี้ท่านพ่อเลยได้รูปมาเยอะแยะและมีแต่นกจริงๆ เพราะแม้แต่ภรรยากับลูกก็ไม่ได้เป็นนางแบบ ดังนั้นตำแหน่งช่างภาพประจำทริปจึงตกเป็นของสามีอย่างคุณซัน ที่ทั้งขับรถ ถือของ และดูแลท่านพ่อกับคุณแม่อย่างเต็มที่ จะว่าไปก็เป็นบทพิสูจน์ที่ดีมากเพราะตอนนั้นเราเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ แล้วครอบครัวเราเวลาไปเที่ยวกันก็จะลุยกันเต็มที่ ไม่เคยซื้อทัวร์ จัดการทุกอย่างกันเองหมด ทั้งหารถเช่าขับเอง หาที่พักเอง หาที่กินเอง แล้วก็ชอบเที่ยวธรรมชาติมากกว่าไปช็อปปิ้ง ทริปลองใจนี้เลยเข้าทางคุณซันที่ก็ขอบเที่ยวธรรมชาติแบบนี้อยู่แล้ว
ส่วนท่านพ่อกับคุณแม่เองก็ได้ทำอะไรที่ปกติไม่ได้ทำ เพราะเราพาท่านไปลุยในวันที่ไม่คิดว่าท่านจะลุยแล้ว กลายเป็นว่าท่านยังลุยและมีความสุขกันมาก จากที่เคยคิดว่าผู้ใหญ่ต้องเที่ยวแบบสบายๆ แต่พอได้มาเที่ยวแบบนี้ก็ทำให้ท่านได้ย้อนวัยเด็กที่ทุกอย่างสนุกไปหมด
เพราะความสวยงามและธรรมชาติที่มีแต่ความสงบจนเหมือนอีกโลกหนึ่ง และความทรงจำระหว่างทริปที่ประทับอยู่ในใจเรา ทำให้สกอตแลนด์เป็นที่ที่หญิงแม้นชอบที่สุด กระทั่งคิดว่าถ้าวันหนึ่งไม่ได้อยู่เมืองไทย และจะต้องซื้อบ้านอีกสักหลัง ก็จะซื้อที่เกาะสกาย เกาะที่เราไปอยู่ตรงนั้นแล้วรู้สึกว่าถ้าสวรรค์มีจริงก็คงเป็นประมาณนี้ ตั้งแต่ลืมตาจนหลับตาก็เห็นแต่ความสวยงามทั้งนั้น
แล้วไอส์ล ออฟ สกาย ก็เป็นที่มาของชื่อลูกสกาย ลงตัวกับชื่อของพ่อแม่ ที่คุณซันคือพระอาทิตย์ และหญิงแม้นคือพระจันทร์ พวกเราอยู่ด้วยกันบนท้องฟ้า
Where to Stay
- Inverlochy Castle โรงแรมในฟอร์ตวิลเลียม เป็นปราสาทเก่าแก่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 มีห้องพักแค่ 17 ห้อง ที่ตกแต่งไม่ซ้ำกัน จัดวางด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณดูคลาสสิก
- Strathaird บ้านพักบนเกาะสกาย ที่อยู่บน Cuillin Hills มองออกไปเห็นทะเลสาบและภูเขาหินที่มีแต่ความสงบ เป็นโลกอีกใบที่ทำให้เราหลงรักได้ง่ายๆ เลย
- The Dunstane Houses โรงแรมในเอดินบะระ เมืองที่เราแวะก่อนกลับเมืองไทย เป็นทาวน์เฮาส์โบราณสไตล์วิกตอเรียที่อยู่ใจกลางเมือง
Where to Eat
- Three Chimneys ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมบนไอส์ล ออฟ สกาย ที่มีที่พักด้วย วิวสวยมองเห็นทั้งภูเขาและทะเลสาบ
- Claymore Restaurant อีกร้านบนไอส์ล ออฟ สกาย ที่เต็มไปด้วยเมนูอาหารทะเล สดและอร่อย ตัวร้านไม่ได้เน้นการตกแต่งมาก แต่บรรยากาศโดยรอบของร้านก็ดีอยู่แล้ว
- The Oyster Shed เป็นร้านอาหารทะเลที่มีฟาร์มหอยนางรมด้วย แต่ไม่ได้มีดีแค่หอยนางรมเพราะวัตถุดิบอื่นๆ ก็สดไม่แพ้กัน และรู้สึกถึงความเป็นโลคัลจริงๆ เป็นอีกหนึ่งร้านบนเกาะสกายที่ต้องบอกว่าอย่าพลาด
- ขอแถมอีกเมนูที่ต้องลองในเอดินบะระ คือ Deep-fried Mars Bar เป็นช็อกโกแลตบาร์ Mars ที่เอาไปทอด กินได้ที่สกอตแลนด์เท่านั้น มีขายอยู่ทั่วไป แต่ร้านที่ขอแนะนำคือ Clam Shell ( คุณหญิงแม้น พาชม สกอตแลนด์ )