Home > Lifestyle > Travel > เอ็กซ์คลูซีฟ ! ‘กรัชเพชร อิสสระ’กับสี่วันในเมืองแห่งสีสัน ‘โมร็อกโค’

ทวีปอัฟริกา เป็นทวีปที่มอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เข็มเสมอ หลายครั้งที่การไปยังทวีปนั้นมักมาจากการเตรียมตัวอย่างดี เช่นเดียวกับการไปเยือนซาฮาร่าครั้งนี้ เป็นทริปสี่วันที่พ่วงมากับการไปอังกฤษและฝรั่งเศสเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เอง

จากอังกฤษ เรานั่งยูโรสตาร์ไปฝรั่งเศส แล้วบินต่อไปโมร็อกโค ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ในอัฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ  และเป็นอัฟริกาที่เป็นโซนของชาวอาหรับหรือแขกขาวอาศัยอยู่ ทำให้ประเทศนี้มีสีสันที่แตกต่างไปจากอัฟริกาที่เข็มเคยชินทั้งในแง่สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม สินค้าพื้นเมืองที่มีสไตล์แบบเดียวกับประเทศแถบตะวันออกกลาง หรืออิหร่านที่เข็มเคยไปเมื่อหนึ่งปีก่อน

สถาปัตยกรรมเหล่านั้นมีอยู่ทั่วไปในเมืองมาร์ราเกซที่เราไป เช่นเดียวกับที่พักของเราที่เรียกว่า Riad ซึ่งเป็นคำเรียกที่พักที่ปรับปรุงขึ้นจากบ้านเก่า หลังที่เราไปพักนั้นมีชื่อว่า RiadYasmine อยู่ในย่านเมดินา หรือย่านเมืองเก่าของมาร์ราเกซเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่สักเจ็ดห้อง

เวลาที่เหลือเพียงไม่นานนักก่อนจะค่ำในมาร์ราเกซของเราจึงทำได้เพียงการเดินไปที่ซูค หรือตลาดในภาษาอาหรับ แต่แค่เพียงวันแรกก็ทำเราผวาไปกับไมตรีที่คนเมืองนั้นมีให้ เขาเป็นคนแก่ที่อยู่ระหว่างทางเดินที่เราจะไปซูค เมื่อเห็นเราเขากวักมือเรียกและบอกว่าจะพาเราไปอีกทางหนึ่งเพราะหวังว่าจะได้ค่านำทาง แต่เมื่อเดินตามเขาไปเราก็ยิ่งกังวลขึ้นเรื่อยๆ เพราะทางยิ่งแคบลงๆ มองไปข้างหลังก็มีคนเดินประกบเรามาอีก ในใจคิดว่าคงถูกปล้นแน่ๆ เขาเองก็คงสังเกตเห็นว่าเราเริ่มจะกลัว จึงบอกว่าไม่เป็นไร อีกนิดเดียวก็ถึง แล้วก็ถึงจริงๆ อย่างที่เขาว่า เราจ่ายค่านำทางให้เขาอย่างโล่งใจ แม้ในใจจะคิดว่า แค่เราเดินตรงไปตามแผนที่ที่ดูมา เราก็ไปถึงโดยไม่ต้องเสียเงินแล้ว

Jemaa el Fna ซึ่งเป็นลานที่ตั้งของตลาดมีความอลหม่านยิ่งกว่าที่เราคิด ทุกอย่างดูตื่นตาตื่นใจ ทั้งข้าวของที่เป็นงานฝีมือ ผ้า ผืนพรม งานเซรามิกแต่ในความเพลิดเพลินนั้นเราต้องระวังการจู่โจมของคนขายไว้ด้วย เพราะเพียงแค่เราทำท่าทีสนใจ หรือพูดถึงของที่เขาขาย เขาจะเข้ามาจูงเราไปดูของในทันทีเหมือนกัน วันนั้นเข็มแค่พูดว่าเฮนน่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือคนเพนต์เฮนน่าดึงมือเราไปแล้วเอาตัวบีบซึ่งหัวแหลมเหมือนเข็มมาจิ้มจนเราตกใจ จึงเป็นการเดินที่จะว่าสนุกก็ใช่ แต่จะว่าไม่ใช่ก็ใช่อีกเหมือนกัน

เราตั้งใจจะออกจากมาร์ราเกซไปทะเลทรายซาฮาร่าทันทีในตอนเช้า เพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ตกดินที่เอิร์กแชบบี (Erg Chebbi)ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ใกล้ที่สุดในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของซาฮาร่า สิ่งที่น่าตื่นเต้น คือสองข้างทางที่เราต้องขับรถเกือบสิบชั่วโมง ผ่านเทือกเขาแอตลาส ผ่านคอวร์ซาเซต ผ่านโรสวาเลย์ ที่เป็นเหมือนลำธารเล็กๆ อยู่ระหว่างหุบเขา บางช่วงวิวเปลี่ยนเป็นแคนยอน บางช่วงเป็นทิวต้นปาล์ม ซึ่งเป็นโอเอซิสกลางทะเลทราย ทำให้เราเพลินกับการนั่งรถนานๆ มากกว่าจะเบื่อ เราไปถึงแคมป์ที่พักกันตอนเย็นที่อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะตก ที่พักแบบเต็นท์ 15 หลังรอเรากลับมาทำกิจกรรมอื่นๆ หลังขี่อูฐท่องทะเลทรายเสร็จ

บนหลังอูฐทำให้เข็มยิ่งสนุก เพราะนับจากที่เคยขี่อูฐแบบเด็กๆ ในสวนสัตว์ นี่เป็นครั้งแรกที่เข็มได้มาอยู่บนหลังอูฐจริงๆ มันให้ความรู้สึกต่างไปจากการขี่ม้าที่เข็มชอบขี่  เราอยู่บนหลังอูฐที่เดินตามกันเป็นขบวนแบบเรียงเดี่ยว ตัวโคลงไปทุกก้าวที่อูฐย่าลงบนผืนทราย  เงาสีดำทอดให้เห็นตัวเราบนพื้นสีน้ำตาล เมื่อไปถึงแซนดูน หรือจุดที่เป็นสันทราย เราลงจากหลังอูฐแล้วเดินขึ้นไปบนจุดที่สูงที่สุด ฟ้ากำลังเปลี่ยนสี ละอองสีแดงปลิวฟุ้ง นี่ขนาดเราอยู่แค่ขอบๆ ของซาฮารายังสวยขนาดนี้ หากมีโอกาสได้เข้าไปลึกๆ เหมือนที่คุณแม่เคยไป จะสวยขนาดไหน

เราใช้เวลาอีกหนึ่งวันเต็มๆ ในการเดินทางกลับสู่มาร์ราเกซ ครั้งนี้เราเลือกเส้นทางที่ไม่ซ้ำเดิมเพราะจะได้ไปแวะเมืองเก่าที่ได้ยินมาว่าเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสู้รับในหนังเรื่อง Gladiator กับ Games of Throne ที่ชื่อว่า Ait Ben Haddouซึ่งเราต้องเดิน ข้ามสะพานที่มีร่องรอยของแม่น้ำเป็นกรวดหิน ในช่วงที่มีน้ำจะมีทางเข้าด้านหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งลาเพื่อข้ามฝั่งไปยังเมืองเก่าได้

หนึ่งวันเต็มๆ ก่อนบินกลับฝรั่งเศส เวลาที่เหลือจึงหมดไปกับการชมเมืองเป็นส่วนใหญ่ ความสนใจของเราพุ่งไปที่บ้านพักของอีฟส์แซงต์โลรองต์ ดีไซเนอร์คนดังที่มาสร้างบ้านพักหลังสีฟ้าสดอยู่ที่นี่ ชื่อว่า JardinMajorelle ที่นี่เป็นจุดรวมของนักท่องเที่ยวก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าใครก็อยากมาเที่ยวบ้านของโลรองต์ แต่เราทำได้เพียงการชมอยู่นอกตัวบ้าน และชมสวนแคคตัสที่แต่ละต้นสูงใหญ่ราวกับต้นปาล์มในทะเลทราย  มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ เป็นห้องจัดแสดงชุดแต่งกายของชาวเบอร์เบอร์ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของโมร็อกโค และมีร้านที่ขายเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นของอีฟส์แซงต์โลรองต์อยู่ด้วย  แต่เป็นเสื้อพิมพ์ลายแบบโมร็อกโคแบบง่ายๆ มากกว่า

หากจะชมสถาปัตยกรรมโบราณในมาร์ราเกซBen Youssef คือมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโมร็อกโค อันเป็นหนึ่งในสถานที่ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ทุกอย่างภายในล้วนเป็นงานแกะสลักกระเบื้องสี ดูละเมียดละไมดึงดูดสายตาได้มากที่สุด และแสงที่ตกกระทบผ่านกำแพงลงตามตรอกซอกซอยในเมืองนี้ ก็ให้เฉดของแสงเงาที่มีมิติจากการออกแบบแปลนเมืองของเขา

เราแวะไปที่ซูคอีกครั้งก่อนกลับ เข็มตั้งใจเอาไว้ว่าจะซื้อของสักหนึ่งชิ้นติดมือกลับไป เพราะพื้นที่กระเป๋ามีจำกัด กระทั่งไปสะดุดตากับกระเป๋ากระดูกอูฐใบเล็กขนาดพอดีกับที่ชอบ จึงได้กระเป๋าใบนั้นกลับมาแขวนไว้ที่บ้าน แม้จะยังไม่มีโอกาสได้ใช้งานสักครั้งจนถึงทุกวันนี้ก็ตามที

แม้จะกลับมาแล้ว เข็มยังคงนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองอยู่ท่ามกลางผืนทะเลทรายกว้างใหญ่นั้น ยังนึกถึงความสดชื่นในของยามเย็นที่พระอาทิตย์ค่อยๆ หลุบลงไปในทะเลทราย นึกถึงร่างกายที่เปี่ยมพลังที่ได้รับจากธรรมชาติที่ไม่ต้องปรุงแต่ง หากได้กลับไปอีกครั้งหนึ่ง ทะเลทรายซาฮาร่าที่อยู่ลึกไปกว่าเดิม คือจุดหมายหลักสำหรับการเดินทางสู่โมร็อกโคในคราวหน้า

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.