หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ ‘การท่องเที่ยวแบบผจญภัย’ ในสไตล์ลักชัวรี่แล้วละก็ วันนี้ HELLO! จะขอพาคุณไปรู้จักกับ ‘เมืองเคปทาวน์’ (Cape Town) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศแอฟริกาใต้ เมืองที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ ไม่ค่อยมีใครรู้จัก…แต่บอกเลยว่า “ที่นี่คือสวรรค์บนดินที่คุณไม่ควรพลาด!!!”
เมืองเล็กที่คุณจะต้องหลงใหล และเพลิดเพลินจนลืมเวลา (คำเตือน.!!! ควรแบ่งเวลาในการเที่ยวให้ดีๆนะคะ) เพราะ เคปทาวน์ เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี แถมยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดและมีเสน่ห์ที่สุดเมืองหนึ่งในโลก และเรามาดูกันว่าที่เคปทาวน์ มีกิจกรรมอะไรเด็ดๆ สถานที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง เตรียมตัวเชคลิสต์จัดทริปกันให้ดีๆเลยค่า
Shark Cage Diving ที่ Seal Island
เอาใจคนที่รักความแอดเวนเจอร์ กับกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีมให้เรามีโอกาสได้ใกล้ชิดแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับปลาฉลามขาว,โลมา และแมวน้ำ อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยเช่นกัน แต่เที่ยวกับ HELLO! ทั้งที มีหรือจะพลาดเพราะเพียงแค่ดำดิ่งไปใต้น้ำพร้อมกับกรงเหล็กที่กั้น เราก็ได้พบกับเจ้าฉลามที่จะว่ายวนไปมาอยู่รอบกรง แถมยังได้มีโอกาสยลโฉมแมวน้ำในเวลาใกล้ๆ กันอย่างใกล้ชิด
ซึ่งเซเลบริตี้ที่มาร่วมทริปกับเราอย่าง ‘ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ’ และลูกชาย ‘คุณกวิน’ ถึงกับบอกว่า “เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้เห็นปลาฉลามขาวว่ายเข้ามาหาเรา แต่กว่าจะไปค่อนข้างเหนื่อยเพราะนั่งเรือนาน แต่พอไปถึงได้เห็นแมวน้ำนับหมื่นตัว ก็หายเหนื่อยเลยครับ ใครอยากมาต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรง เพราะเรือแล่นเร็ว คลื่นก็แรง แต่ตื่นเต้นคุ้มค่าครับ”
ถือเป็นกิจกรรมสุดตื่นเต้น เพราะนอกจากจะได้ใกล้ชิดฉลามตัวเป็นๆแล้ว ยังได้รับความตื่นเต้น ด้วยความที่วิสัยทัศน์ใต้ท้องทะเลนั้นไม่ได้ดีเยี่ยม ทำให้เราสามารถมองเห็นได้ในระยะเพียง 3-5 เมตรแค่นั้น เลยทำให้นักดำน้ำอย่างเราเกิดอาการแอบตกใจเวลาเห็นฉลาม เพราะกว่าจะรู้ตัว เจ้าฉลามก็ว่ายเข้ามาประชิดติดกรงซะแล้ว ซึ่งถ้าคนที่ตกใจง่ายอาจจะทำให้ฉลามตกใจและจู่โจมได้ ดังนั้นเราจึงต้องสงบสติอารมณ์กันสุดฤทธิ์ !!!
Table Mountain
ภูเขาที่มีรูปคล้ายโต๊ะ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากทั่วทุกที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงจุดไหนของเมือง และได้รับเลือกให้เป็น 1 ในมรดกโลกทางธรรมชาติจากยูเนสโก้ด้วย เนื่องจากมีรูปร่างไม่เหมือนภูเขาปกติทั่วไปที่มักจะมียอดเขา ภูเขานี้มีความสูง 1,086 เมตร หรือ 3,563 ฟุต
เมื่อแดดร่มลมตก อากาศกำลังสบายเหมาะกับการนั่งกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขา Table Mountain อันเกิดจากหินหลายชนิดที่ผ่านกระบวนการทางธรณีวิทยาและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศนานหลายร้อยปี จนกลายเป็นภูเขารูปร่างแปลกตาอย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งถ้าได้อยู่บนยอดภูเขานี้จะมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเคปทาวน์ได้โดยรอบเลย
Boulder Beach
ชายหาดที่มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยเหล่านกเพนกวินสายพันธุ์แอฟริกาตัวเล็กอ้วนปุ๊กลุกอยู่กันนับพันตัว ซึ่งเซเลบริตี้หนุ่มช่างสังเกตอย่าง ‘คุณบอย-หิรัญ ตันมิตร’ ผู้ชื่นชอบเจ้าเพนกวินสายพันธุ์นี้มาก “เพนกวินทั่วไปสีดำทั้งตัว แต่ที่นี่มีสีขาวตรงท้องกับคอตัดกับสีดำทำให้คล้ายกับใส่ทักซิโด้” ที่ Boulder Beach พวกเราต้องเดินบนสะพานไม้ที่ลัดเลาะไปตามชายหาดเท่านั้น
เพื่อรักษาความเป็นธรรมชาติของเจ้าเพนกวิน แต่แค่นี้ก็ได้เห็นถึงความน่ารักของเจ้าเพนกวินอย่างใกล้ชิดแล้ว ทั้งที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่อย่างสนุกสนาน หรือที่เดินต้วมเตี้ยมไปมาอย่างน่าดูชม เห็นแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ ว่ากันว่านกเพนกวินเป็นสัตว์ที่อยู่เป็นคู่และรักเดียวใจเดียว จึงไม่แปลกใจที่เราจะเห็นพวกเขาจับคู่กัน ยืนหลับเอาหัวพาดกันมั่ง บ้างก็พากันนอนหงายเอาเท้าชี้ฟ้าหลากหลายอารมณ์ ทำให้พวกเราต่างคว้ากล้องมาถ่ายภาพกันอย่างรัวๆ
Cape of Good Hope

แหลมดังระดับโลก เพื่อชื่นชมความงามของมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมฟังตำนานมิติลี้ลับของเรือผีสิงอย่าง Flying Dutchman ที่อับปางกลางสายหมอกใกล้กับแหลมแห่งนี้อีกด้วย พร้อมกับชมจุดชมวิวบนยอดสูงสุดของ Cape Point ซึ่งมีประภาคารเก่าแก่ตั้งอยู่ให้ขึ้นไปชมวิวโดยรอบได้
ชมไร่องุ่นและดูกรรมวิธีการผลิตไวน์ ณ Tokara Wine Estate
ถือเป็นสินค้าส่งออกชื่อดังของแอฟริกาใต้ที่เมืองสเตลเลนบอช ซึ่งสำหรับคอไวน์แล้วต้องไม่พลาดไวน์แดง Tokara ผลิตจากองุ่นปิโนทาจ (Pinotage) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสายพันธุ์ประจำชาติ ที่พัฒนาสายพันธุ์จากองุ่นปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) กับแซงโซลต์ (Cinsault) หรือที่ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า เฮอโนทาจ (Hermitage) ถือเป็นไวน์ที่พิเศษสุดและหาได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
ท่องป่าซาฟารี ณ Private Game Reserve เขตการู
อุทยานส่วนตัวที่รวบรวมสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะ The Big Five สัตว์ใหญ่หายากทั้ง 5 ชนิดของแอฟริกาใต้ ได้แก่ สิงโต เสือดาว แรด ช้าง และกระบือแอฟริกัน ณ Private Game Reserve ในเขตการู เจ้าหน้าที่ขับรถที่ทำหน้าที่เป็นไกด์พาเข้าไปในแดนต่างๆ เริ่มจากแดนสิงโตที่อยู่กันเป็นฝูง จากนั้นก็ได้เห็นช้างป่าแอฟริกัน,เสือชีตาร์ปราดเปรียว,ฝูงม้าลาย,ยีราฟ,ฝูงแรดนอนอาบแดดอย่างขี้เกียจ
ปิดท้ายการท่องซาฟารีด้วยฝูงเจ้า Springbok ที่เป็นสัตว์ประจำชาติของแอฟริกาใต้ มีลักษณะคล้ายกวางแต่กระโดดได้เหมือนจิงโจ้ และด้วยภูมิประเทศที่ยื่นออกไปทางระหว่างสองมหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้สภาพอากาศของที่นี่จึงอบอุ่นแบบเมดิเตอร์เรเนียน เรียกได้ว่าอากาศใกล้เคียงกับประเทศไทย…
ถ้ามีโอกาสได้ไปเยือนบอกเลยว่า…
‘เคปทาวน์’ จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
ขอขอบคุณ Siam Paragon สำหรับทริปท่องเที่ยวสุดพิเศษ ตั้งแต่การเดินทางโดยสายการบินเอมิเรสต์ ที่มี Mr.Mohammad Sarhan ผู้จัดการประจำประเทศไทย บินร่วมทริปเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม และ ‘คุณน้อง-มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์’ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส ที่บินตามมาดูแล VVIP ของพารากอนด้วยตัวเอง เราขอยกนิ้วให้สปริตในการดูแลลูกค้าและผู้ร่วมทริป แม้อากาศค่อนข้างเย็นและแห้ง อีกทั้งแดดแรงมาก พารากอนก็เตรียมครีมเพิ่มความชุ่มชื้นจากคลาแร็งส์ และครีมกันแดด SPF สูงคอยบริการให้ทาเติมกันตลอดทริป ไกด์บุ๊กเที่ยวเคปทาวน์จากหลุยส์ วิตตอง ผ้าพันคอลายซาฟารีจากจิม ทอมป์สัน รวมถึงคอยแจกวิตามินซีเพิ่มความแข็งแรงกันทุกวันตลอดทริป
Siam Paragon ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ เรียกว่าเป็น Luxury Service beyond Expectation จริงๆ ค่ะ