เชื่อว่า ‘มัลดีฟส์’ เป็นหนึ่งในทริปใน ฝันของใครหลายๆ คน เพราะเป็น สวรรค์ของคนรักทะเลอย่างแท้จริง เพียงแค่ได้ไปนอนทิ้งตัวที่วิลล่ากลาง ทะเลสีฟ้าคราม ได้สำรวจโลกใต้น้ำ นอนดูท้องฟ้าและธรรมชาติที่วิจิตรบรรจงปรุงแต่งมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ก็ทำให้สุขล้นจนเกินจะบรรยาย
เราเริ่มต้นสัมผัสความหรูหราสะดวกสบายได้ตั้งแต่การเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่บินตรงเพียง 4 ชั่วโมง และเดินทางต่อด้วย เครื่องบินน้ำ หรือ Sea Plane ของ โรงแรมอีกเพียง 40 นาที เรียกว่าไม่ต้องใช้เวลาไม่นานก็มาถึงทริปในฝันได้อย่างง่ายดาย
บรรยากาศพระอาทิตย์ตกน้ำของ ‘อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์’
ที่พักแห่งแรกคือ‘อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่า’ (Anantara Kihavah Maldives Villas) โรงแรมระดับห้าดาว ที่ออกแบบเป็นวิลล่าส่วนตัวตาม สไตล์มัลดีฟส์พื้นเมืองผสมผสาน กลมกลืนไปกับความงามของธรรมชาติ แวดล้อม การตกแต่งภายในเน้นความ เรียบหรูในสไตล์อินเดียนโมร็อกโกผสม โคโลเนียลได้อย่างลงตัว ในส่วนของห้องพักเราพักแบบ โอเวอร์วอเทอร์ (over water) ห้องที่ตั้งอยู่เหนือน้ำ เปิดรับวิว 360 องศาของท้องทะเล มองเห็นปลาและสัตว์น้ำหลาก หลายชนิดแหวกว่ายไปมา ทำให้เราได้ สัมผัสธรรมชาติใต้ท้องทะเลอย่างใกล้ ชิดแบบ 24 ชม. เพิ่มความหรูหราอลังการด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบอินฟินิตี้ ชมความงดงามของเส้นขอบฟ้าจรดท้องทะเลสีครามที่กว้างไกลสุด ลูกหูลูกตา ที่สำคัญวิวนี้จะสวยมาก ยามพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์อัสดงสวยงามราวกับภาพวาด ส่วนในวิลล่าครบครัน ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งห้องนอนที่เรา สามารถนอนชิลล์ๆ มองเห็นวิวทะเลได้ตลอดทั้งวัน ห้องน้ำแบบอินดอร์และเอาต์ดอร์ใกล้ชิดธรรมชาติ สามารถเดินออกจากที่พักไปยังพื้นทรายสีขาวทอดกายอาบแดดได้อย่างเพลิดเพลิน
กิจกรรมไฮไลต์ที่เรียกว่าเป็นที่สุดของการมาเยือนหมู่ เกาะมัลดีฟสนั่นก็คือดำน้ำสำรวจโลกใต้ท้องทะเลสุด อัศจรรย์เพียงออกจากชายฝั่งมาแต่ 300 เมตร ก็สามารถดำดิ่งลงไปชมความมหัศจรรย์ของโลกใต้ท้องทะเลได้แล้ว หรือที่เรียกว่า scuba diving (ดำน้ำลึก) ที่นี่เรียกได้ว่า เป็นการดำน้ำชมปะการังอันล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะทำให้ได้สัมผัสธรรมชาติของอีกซีกโลกหนึ่ง ปลาเล็ก ปลาใหญ่ว่ายสวนกันไปมา จากปลาที่เคยเห็นแต่ในภาพถ่ายพอมาสัมผัสด้วยตัวเองกับตาแบบนี้ แน่นอนว่าสวยกว่าเป็นร้อยเท่า
ถ้าไม่ถนัดดำน้ำลึกสามารถเลือกดำบนผิวน้ำ snorkel diving เพลินไปกับฝูงปลาที่แหวกว่ายผ่านไปมาอย่างใกล้ชิด อีกทั้ง ดอกไม้ทะเล และปะการัง สวยงามสีสันสดใสส่วนใครที่ชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำแบบตื่นเต้นเร้าใจกระตุ้น อะดรีนาลีน การล่องเรือใบ เล่นเจ็ตสกี เล่นเซิร์ฟ พาย เรือคายัก ก็เป็นทางเลือกที่สนุกเสมอเมื่อทำในมัลดีฟส์ หลังจากดำน้ำแล้วลองไปนวดสปาผ่อนคลายเพื่อดูแลฟื้นฟูผิวแบบฟูลเซอร์วิส ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบที่รังสรรค์ ปลุกอารมณ์ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าสดชื่น และสุขภาพดีจากภายในได้ทันที
under water restaurant
private party ที่ทางโรงแรม จัดขึ้นเป็นพิเศษในยามค่ำคืน
ในส่วนร้านอาหาร มีให้คุณเลือกอร่อยได้ครบ ทุกรูปแบบ เพราะมีอาหารหลากหลายจากทั่วโลก ทั้ง อาหารพื้นเมืองมัลดีฟส์อาหารอิตาเลียน อาหารญี่ปุ่น หรือเมนูอาหารทะเลที่คอนเฟิร์มว่าสดมาก ทั้ง ล็อปสเตอร์ ไข่ปลาคาร์เวีย หอยนางรมสดๆ สิ่งที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจกับการรับประทานอาหารในทริปนี้คือความสวยงามของห้องอาหาร ‘SEA’ เป็น under water restaurant หรือห้องอาหารใต้น้ำ เสมือนได้นั่งลิ้มรสอาหารสุดพิเศษภายในอควาเรียม มองเห็นวิวใต้ท้องทะเลแบบพาโรนามามีสัตว์น้ำเจ้าถิ่นสวยลายสวยงามคอยว่ายแวะเวียนมาทักทาย
เดินทางประมาณ 40 นาทีโดยเครื่องบิน น้ำจากมาเลทางตอนใต้ ก็จะพบกับเกาะนิยามา
ในวันรุ่งขึ้นเราเปลี่ยนบรรยากาศไปอีกสรวงสวรรค์บนมหาสมุทร การเดินทางเริ่มต้นด้วยเครื่องบินน้ำ ทำให้เราเห็นวิวจากมุม สูงของหมู่เกาะน้อยใหญ่สีเขียวเข้มสลับกับสีฟ้าไล่เฉดของน้ำทะเลมัลดีฟส์ตั้งแต่สีน้ำเงินเข้ม ฟ้าอ่อน ไปจนถึงเขียวมรกต ประมาณ 45 นาที ก็เดินทางมาถึง ‘นิยามา ไพรเวต ไอส์แลนด์ มัลดีฟส์’ (Niyama Private Islands Maldives) รีสอร์ทในเครือ อนันตราอีกหนึ่งแห่งที่หรูหรา มีความโมเดิร์นที่แฝงไว้ ด้วยกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว เมื่อเท้าแตะถึงพื้น เรามองไปเห็นสีน้ำเงินเข้มของ ท้องฟ้าตัดกับความขาวละเอียดของเม็ดทราย ทอดยาวสะท้อนแสงแดดอบอุ่นและน้ำทะเลสีเทอร์ควอยส์ที่ใสจนสามารถมองเห็นฝูงปลาที่ แหวกว่ายอยู่ใต้พื้นน้ำเบื้องล่าง เพียงแค่แรกเห็นก็ หลงมนตเสน่ห์ของหมู่เกาะแห่งนี้แล้วจริงๆ ใครชอบการบริการแบบเวิลด์คลาส ‘นิยามา ไพรเวต’ ตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน เพราะรวม ทุกอย่างที่ไฮเอนด์ครบครัน โดยเฉพาะส่วนห้องพัก มีทั้งแบบห้องพาวิเลียนริมชายหาด ห้องสวีตริม ชายหาดพรอ้มสระว่ายอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสีฟ้าใส มองเห็นวิวแบบ 360 องศา ซึ่งเรายังคงชอบพักห้องแบบโอเวอร์วอเทอร์เพราะให้ความรู้สึกเหมือนมีอควาเรียมส่วนตัวขนาดใหญ่ที่มองเห็นฝูงปลาหลาก หลายชนิดสลับหมุนเวียนว่ายวนเข้ามาทักทายตั้งแต่ เช้าจรดค่ำแบบไม่ซ้ำหน้า และยังสามารถทิ้งตัว กระโดดลงไปในทะเลเมื่อไหร่ก็ได้ เราเจอทั้ง baby shark ปลากระเบน เต่าทะเล ฝูงปลาการ์ตูนสีสันสดใส เรียกว่าล่องทะเล ชมโลกใตน้ำได้ทุกวันไม่มีเบื่อ
บาร์บีคิวที่ร้าน ‘Tribal’ ร้านอาหารสไตล์ แอฟริกัน
ด้วยสภาพภูมิประเทศของเกาะที่รีสอร์ทแห่งนี้ ตั้งอยู่มีลักษณะเป็นแบบเกาะแนวยาว ทำให้การเดินเล่นกินลมชมธรรมชาติเปลือยเท้าเพื่อสัมผัส กับเม็ดทรายเนียนนุ่มละเอียดสามารถทำได้ทั้งวัน พร้อมด้วยบริการร้านอาหารที่มีให้เลือกหลากหลายถึง 7 ประเภท นับเป็นรีสอร์ทที่ให้บริการ อาหารที่หลากหลายที่สุดในมัลดีฟส์แล้วก็ว่าได้ ร้านอาหารต่างๆ จะมีไฮไลต์ให้เซอร์ไพรส์แตกต่างกัน ไป อย่างเช่น บาร์บีคิวปิ้งย่างแบบเอาต์ดอร์สไตล์ ชนเผ่าพื้นเมือง ‘Tribal’ หรือไปแดนซ์เบาๆ ที่ ‘Subsix’ ดิสโก้และไนต์คลับใต้น้ำแห่งแรกของโลก ส่วนคู่ฮันนีมูนที่ต้องการความสวีตแบบส่วนตัว ก็ สามารถให้ทางรีสอร์ทจัดไพรเวตดินเนอร์ใต้แสงเทียน บนเกาะส่วนตัวโดยนั่งเรือออกไปไม่ไกล พร้อมออเดอร์เซ็ตเมนูพิเศษได้สำหรับค่ำคืนแสนโรแมนติก ในส่วนของกิจกรรมกลางแจ้งมีให้เลือกอีกหลากหลาย ทั้งล่องเรืองชมฝูงโลมาแสนรู้พร้อมใจกัน กระโดดโชว์ผาดโผนเหนือน้ำ
เพียงแค่ได้ใช้เวลาสัมผัสท้องฟ้าและน้ำทะเลสี เทอร์ควอยส์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างน่ามหัศจรรย์ปล่อยกายปล่อยใจที่มัลดีฟส์ไม่กี่วัน ก็เหมือนได้ ผ่อนคลายกายใจไปหลายเดือน บ่งบอกเลยว่า มัลดีฟส์มาครั้งเดียวไม่ได้แล้ว
…………….