Home > Lifestyle > Travel > หวานเว่อร์ ! ฟลุค-นาตาลี กับทริปสวีทกลางแสงเหนือ

วาเลนไทน์ใกล้เข้ามาทุกที เรื่องราวความหวานของคู่รักต่างก็พรั่งพรูให้คนโสดไม่เว้นแม้กระทั่งคนมีคู่ต้องอิจฉากันไม่หวาดไม่ไหว โดยเฉพาะคู่ของคุณฟลุค-เกริกพล มัสยวาณิช และคุณลี-นาตาลี เจียรวนนท์ ที่สวีทล่วงหน้าด้วยการไปออกทริปตามล่าหาแสงเหนือกันเมื่อช่วงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา งานนี้คุณบี-ณพีรา เตชาชาญ นักออกแบบการเดินทางผู้ริเริ่มทริปเลยขอแชร์ประสบการณ์จิบไวน์ชมแสงเหนือให้เราได้ฟังกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ

คุณบี – คุณฟลุค – คุณนาตาลี

“ทริปหน้าเราจะไปดูแสงเหนือ ไปด้วยกันอีกไหมพี่ลี” คุณบีออกปากถามคุณนาตาลี เจียรวนนท์ หลังจากคุณลีกลับจากทริปฝรั่งเศสมาไม่กี่วัน ทำเอาคุณลีเอะใจในตอนแรกเพราะเกือบลืมทริปนี้ไปแล้วก่อนจะถึงบางอ้อในไม่กี่อึดใจต่อมา ซึ่งคุณลีเล่าให้ฟังทีหลังว่า ใจหนึ่งตอนแรก…อยากจะบอกปัดไปก่อนเพราะกลัวเคลียร์งานไม่ทัน แต่อีกใจก็คิดว่า “ต้องทันสิ” จึงถือเป็นโอกาสดีที่คุณบีจะได้พาคุณลีและเพื่อนๆไปพิสูจน์ให้รู้กันไปสักที และแล้วทริปล่าแสงเหนือจึงได้บังเกิดขึ้น

วันออกเดินทาง ความสนุกเริ่มตั้งแต่ขึ้นเครื่อง เพราะไม่มีไฟล์ทบินตรงไปลงไอซ์แลนด์ต้องไปลงที่ประเทศนอร์เวย์ก่อน เราเลยถือโอกาสเที่ยวนอร์เวย์ 2 วัน พอลงเครื่องปุ๊บก็ตรงไปเมือง Nesjaveller เมืองที่ถือว่าเข้าใกล้เขตแสงเหนือแล้ว หัวหน้าทัวร์แนะนำให้เราลงไปซื้อของกินของใช้ที่นี่เลย เพราะถ้าเข้าไปแถวโรงแรมแล้วจะไม่มีร้านค้าให้ได้ซื้อ ที่พักนอกเมืองจะไม่มี 5 ดาว มีแต่ระดับ 3-4 ดาว แต่ก็จัดอยู่ในระดับดีเลยทีเดียว เช็คอินเสร็จ วันแรกทราบจากพนักงานที่เคาน์เตอร์แล้วว่าแสงเหนือน่าจะยังไม่ปรากฏ ในแอพพลิเคชั่นที่โหลดไว้ก็ไม่ได้แจ้งเตือนเหมือนกัน ทุกคนเลยชิลและพักผ่อนเอาแรงไว้สำหรับการไปเที่ยวในวันรุ่งขึ้น

พอแสงของเช้าวันใหม่มาเยือน เราออกไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Þingvellir) ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความพิเศษที่เป็นรอยต่อระหว่างสองทวีป ที่นักท่องเที่ยวจะชอบมาดำน้ำกันเพราะเป็นจุดดำน้ำลึกที่สวยและแปลกตา โดยเฉพาะตรงรอยแยกซิลฟรา(Silfra) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรอยแตกแยกแอตแลนติก ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างทวีปยุโรปและอเมริกา รอยแยกซิลฟราอยู่ในเขตทะเลสาบ Þingvallavatn ซึ่งเป็นที่นิยมถ่ายรูปใต้น้ำไว้เป็นที่ระลึก

ต่อมาเรามาแวะที่น้ำพุร้อนเก่าแก่ กีย์เซอร์ (Geysir) บนหุบเขา Haukadalur ทางภาคใต้ของไอซ์แลนด์ มีทั้งบ่อน้ำแร่และบ่อโคลน ซึ่งเกิดจากน้ำเดือดรวมกับแร่ธาตุใต้พื้นดินน่าลงไปแช่สุดๆ แต่ใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานก็มืดพอดี

กลับมาถึงโรงแรมยังไม่ทันหายเหนื่อย ประมาณ 2 ทุ่ม แอพฯเตือนแสงเหนือก็ดังขึ้น ทุกคนเซอร์ไพร์สมากไม่คาดคิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้ ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยทั้ง หน้า ผม หลายคนโดยเฉพาะพี่ลีเลยรีบคว้าเสื้อกันหนาว และกล้องถ่ายรูป มาให้อุ่นใจกันไว้ก่อน

ทุกคนต่างออกมารวมตัวกันที่ลานกลางแจ้งที่ทางโรงแรมเตรียมไว้เป็นจุดชมแสงเหนือโดยเฉพาะ ลมพัดเอื่อยๆ จิบไวน์ดูแสงเหนือไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือแสงมีเขียวเป็นประกายมีออร่าทาบผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ เราใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานเป็นพิเศษ ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน

นอกจากไปดูแสงเหนือแล้วยังเรายังไปที่คริสตัล ไอซ์เคฟ (Crystal Ice cave) เป็นถ้ำน้ำแข็งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เห็นเค้าว่า ช่วงหน้าหนาวจะสวยงามมาก ได้ไปในช่วงนั้นพอดี ก็สวยจริงๆ คล้ายๆในการ์ตูน Frozen ได้ลองรสชาติอาหารที่แปลกออกไป จะบอกว่าเนยที่นั่นอร่อยมาก ถ้าใครไปก็ลองชิมดูได้

การเดินทางครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งทริปที่สนุกมาก คุณลีเองก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าประทับใจและสนุกมากเช่นกัน แสงเหนือนั้นเหนือความคาดหมาย เหนือจากเรื่องราวที่เขียนไว้ หรือจากที่ฟังเค้าเล่าว่าจริงๆ

Tags
travel
Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.