Home > Lifestyle > Travel > พาเยือนพรอว็องส์ ณ Saint-Rémy-de-Provence เมืองสายลมและแสงดาว ต้นแบบของภาพวาด Starry Night

พาทุกท่านหลีกหนีเมืองใหญ่ และมาแวะที่เมืองเล็กๆ ที่มากด้วยสเน่ห์ และความหลังอันน่าหลงใหล ที่จะปลุกจิตวิญญาณของศิลปะในตัวคุณ กับเมือง เมือง Saint-Rémy-de-Provence (แซ็ง-เรมี-เดอ-พรอว็องส์) เมืองหลวงของจังหวัดบุช-ดูว์-โรน เมืองต้นแบบของภาพวาดดัง Starry Night ของศิลปินในตำนานอย่าง Vincent Van Gogh ต้องบอกว่าเมืองนี้นั้น ไม่ใช่เมืองใหญ่ ฉะนั้น HELLO! Travel ขอเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน พาทุกท่านไปทัวร์เมืองแห่งสายลม แสงดาว และแสงแดด ให้ท่านลองมาดำดิ่งไปกับความงามของพรอว็องซ์ที่แท้จริง

พรอว็องส์ Dream Destination ของใครหลายคน ในการท่องเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ ที่คุณจะได้เพลิดเพิลนไปกับ Country Side ของฝรั่งเศสตอนใต้ กับบ้านเมืองในสีโทนเบจ และหลังคาอิฐ ที่คุมโทนกันทั้งโซน ตัดกับทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงตระการตา ที่นับเป็นความสวยงามอันน่าทึ่งของธรรมชาติ ซึ่งเมืองที่หลายคนรู้จัก ก็คงไม่พ้นเมืองใหญ่ๆ อย่าง Arles หรือ Marseille ซึ่งถ้าใครได้ไปแถบนั้น ก็ควรที่จะไปสักครั้ง แต่ต้องบอกเลยว่า การแวะเที่ยวเมืองเล็กๆ อย่าง Saint-Rémy-de-Provence อาจมอบคุณค่าทางจิตใจให้กับท่านได้อย่างคาดไม่ถึง

แสงแดดราวภาพวาด

Saint-Rémy-de-Provence พรอว็องส์
Provence village Gordes scenic overlook, southern France
Cr: Getty Image

เมื่อถึงแถบ พรอว็องส์ แล้ว สิ่งที่ท่านจะสังเกตุได้อย่างง่าย คือลักษณะบ้านเมืองที่เหมือนนัดกันคุมโทนทั้งแถบ ถัดมาคือต้นมะกอก ต้นไม้แสนล้ำค่าของบ้านเรา มีให้เห็นอย่างระรานตา จนอยากขุดมาไทยสักต้น แต่อีกอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ แสงแดด ซึ่งกลับสวยงามขึ้นอย่างอัศจรรย์ กระทบกับบ้านเมือง สะท้อนทุ่งหญ้าบนเนินเขา ราวกับหลุดออกมาจากเนินในเรื่อง Sound of music ต้องเรียกว่า เหมือนกับมองภาพวาดอย่างไหนอย่างนั้น

และเมื่อท่านเดินทางเข้าสู่เมือง แซ็ง-เรมี-เดอ-พรอว็องส์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นเมืองแห่งสายลม เพราะลมแรงสุดๆ ท่านจะเห็นต้นไม้ที่เอนไปตามทิศลม และท่านอาจจะสังเกตุได้ถึงถนนเส้นเล็กๆ ที่ถูกลากเป็นทรงกลมบนแผนที่ นั้นคือถนนรอบเมืองนั่นเอง ต้องบอกว่าเดินรอบเดียว ใช้เวลาเพียง 20 นาทีก็ครบแล้ว แต่เรามั่นใจเลยว่า ถ้าท่านได้ลองใช้เวลาสักนิด ท่านจะตกหลุมรักเมืองเล็กๆ นี้อย่างแน่นอน

บ้านเมืองดั่งในนิทาน

Saint-Rémy-de-Provence พรอว็องส์
A narrow street of cafes and shops in the historic center of Saint-Rémy-de-Provence in the Provence region of Southern France.
Cr: Getty Image

ภายในเขตเมืองเล็กๆ นี้นั้น เต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย ทั้งร้านคาเฟ่น่ารักๆ แกเลอรี่ศิลปะ ร้านขายของตกแต่งบ้าน ร้าน Gift Shop รวมไปถึงเรสเตอรองท์หรูที่ซ่อนอยู่ในความคลาสสิกนี้ ที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ โดยเฉพาะดอกวิสทีเรียที่เห็นได้มากมายภายในเมือง เรียกได้ว่าถ่ายรูปได้แทบทุกจุด

ที่นี่นั้น ยังเป็นบ้านเกิดของอีกบุคคลในประวัติศาสตร์อย่าง นอสตราดามุส หมอดูอันเลืองชื่อของโลก โดยมีป้ายบอกไว้ว่าเป็นหลังไหน แถมบริเวณหน้าบ้าน ยังมีกิมมิกเล็กๆ คือดาวที่ถูกเพ้นท์บนถนน ให้ได้ถ่ายรูปเล่นอีกด้วย

ภายในเมือง ยังมีสแควร์เล็กๆ ที่ท่านสามารถมานั่งมองผู้คน รับแสงแดดอันสดใสของเมืองได้อย่างดี และเมื่อเดินไปตามจุดสำคัญ ท่านจะสังเกตุได้ถึงป้าย ที่มีงานศิลปะของแวนโก๊ะ ที่ติดไว้ตามสถานที่ต่างๆ บ่งบอกว่าบริเวณนี้ เขาได้วาดภาพอะไรไว้ บอกเลยว่าสำหรับแฟนๆ ของจิตกรชื่อดังคนนี้ จะต้องอินกับเมืองนี้สุดๆ ไปเลย แต่ก่อนที่เราจะย้อนความถึงเส้นทางของแวนโก๊ะในเมืองนี้ รวมไปถึงภาพวาดสำคัญที่เกิดที่นี่ เราขอพาทุกท่านไปแวะทานข้าวกันก่อน

ต้องบอกว่าถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่สำหรับสายอาหารอย่างเรานั้น ขอยกให้เป็นเมืองที่อาหารอร่อยแทบทุกร้านจริง อย่างแรก ที่เราบอกว่ามีเรสเตอรองท์หรูที่ซ่อนอยู่ เป็นเพราะที่นี่นั้น มีร้านอาหารระดับ Michelin 1 ดาว ตั้งอยู่กลางเมือง กับร้าน La Restaurant de Tourrel อาหารเมดิเตอร์เรเนียน ของเชฟ Matthias Schütz ที่รังสรรค์อาหารมาจากวัตถุดิบท้องถิ่น

แต่สำหรับอีกร้าน ในรูปแบบ Casual Dining ที่ HELLO! ขอเรคอมเมนด์ คือร้าน Têtes d’Ail ร้านอาหารยุโรปโมเดิร์น ที่บอกเลยว่าต้องลอง อีกทั้งยังอยู่ในราครที่ไม่แรงมากอีกด้วย!

สายลมและแสงดาว ผ่านเรื่องราวของ Vincent Van Gogh

Starry Night
Starry Night at MoMa Museum
Cr: HELLO! Magazine Thailand

ที่เราขอมอบชื่อให้ Saint-Rémy-de-Provence ว่าเมืองแห่งสายลม และแสงดาวนั้น เพราะที่นี่ คือต้นแบบของภาพวาดดังหลายภาพของแวนโก๊ะ รวมไปถึงภาพวาดก้องโลกอย่าง ราตรีประดับดาว หรือ Starry Night ที่ทุกท่านรู้จักกันดี กับภาพที่เมื่อมองครั้งไหน ก็จะรู้สึกได้ถึงสายลม และดวงดาว ที่ราวกับเคลื่อนไหวได้ แม้อยู่บนภาพวาดก็ตาม

ภาพ ราตรีประดับดาว นั้น ถูกวาดที่ Monastery Saint-Paul de Mausole สถานบำบัดจิตที่แวนโก๊ะไปเข้ารับการรักษา โดยที่ภาพนี้ เป็นภาพวาดจากวิวของห้องนอนเขานั่นเอง ซึ่ง Saint-Paul de Mausole ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยว ที่ถัดออกมาเพียง 10 นาทีจากใจกลางเมือง ที่ท่านสามารถไปใช้เวลาวันที่สอง ได้อย่างน่าประทับใจ

Saint-Rémy-de-Provence พรอว็องส์ Starry Night
Monastery Saint-Paul de Mausole
Cr: HELLO! Magazine Thailand

และ HELLO! ขอแอบเรคอมเมนด์สำหรับแฟนๆ ของแวนโก๊ะ ว่าให้ท่านลองใช้เวลาที่นี่ ตั้งแต่ช่วงบ่าย จนถึงเวลาโพล้เพล้ เพราะเมื่อดวงดาวเริ่มประดับฟ้า และความมืดเริ่มครอบคลุมพื้นที่ เมื่อยามค่ำคืนคลืบคลานมาถึง และดาวเริ่มขึ้นประดับท้องฟ้า คุณจะได้ยลทิวทัศน์ Starry Night ผ่านตาของคุณเอง ราวกับได้มองผ่านสายตาของแวนโก๊ะ ที่เห็นกระจ่างถึงรายละเอียดของธรรมชาติ ตั้งแต่ต้นไม้ที่เอนตามลม เมืองที่อยู่ปลายตา รวมไปถึงสายลมที่เคลื่อนไหวดั่งภาพวาดของเขา

นอกจากภาพ Starry Night นี้  ภาพวาดอีกมากมาย ที่เขาวาดที่เมืองแห่งนี้ ตั้งแต่ The Bedroom, Les Iris และรูป Self Portrait รูปสุดท้ายของเขาอีกด้วย

เรียกได้ว่าเมืองเล็กๆ นี้ กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากมาย ที่ HELLO! ขอบอกว่า เป็นอีกที่ที่ควรแวะมา หากคุณมาเยือนแถบ พรอว็องส์

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.