ชาว HELLO! และนักช้อปชาวไทยหลายคนคงคุ้นเคยกับศูนย์การค้าที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของไทยทั้ง Siam Paragon (สยามพารากอน) และ ICONSIAM (ไอคอนสยาม) โกลบอลเดสติเนชั่นที่ดำเนินงานภายใต้การบริหารของ Siam Piwat (สยามพิวรรธน์) โดยแต่ละวันศูนย์การค้าทั้งสองแห่งเปิดประตูต้อนรับทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจำนวนมาก จนมีส่วนแบ่งตลาด Luxury Retail รวมกันสูงสุดในประเทศไทย และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการ Co-create ร่วมกับลักซ์ซูรี่แบรนด์ ในการ curate สินค้าและบริการ เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง รวมถึงสร้างความเพลิดเพลินให้กับการใช้ชีวิตแบบลักซ์ชัวรีที่ครบครันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

แรงขับเคลื่อนที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสยามพิวรรธน์ให้อยู่แถวหน้าในตลาดลักซ์ซูรี่ คือ ความเข้าใจเทรนด์ของโลก เข้าใจความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง และข้อกำหนดต่าง ๆ ของลักซ์ซูรี่แบรนด์ชั้นนำ Siam Piwat (สยามพิวรรธน์) มีวิถีการทำงานแบบ co-create ร่วมกับร้านค้าเพื่อที่จะ curate สินค้า และ ส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษและแตกต่างก่อนใคร
สยามพิวรรธน์มีฐานลูกค้าที่ทรงพลังและมีความผูกพันสูง รวมถึงความเชื่อมั่นและสัมพันธภาพที่สั่งสมมายาวนานกับลักซ์ซูรี่แบรนด์ที่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในศักยภาพของผู้สร้างจุดหมายปลายทางระดับโลก และเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้ทุกแบรนด์สามารถทำยอดขายสูงสุดในระดับภูมิภาค และบ่อยครั้งที่ติดอันดับสูงสุดระดับโลก
ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งกำลังฉลองครบรอบ 5 ปี ในปี 2566 นี้ ไม่เพียงแต่เป็นโครงการที่ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับศูนย์การค้าไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางของความลักซ์ซูรี่ที่ไม่เหมือนใคร และเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองที่แผ่ขยายไปยังคอมมูนิตี้และธุรกิจโดยรอบ แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งเป้าหมายในยังประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ฝั่งธนบุรี ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ และเป็นย่านธุรกิจที่มีการเติบโตสูงที่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่รองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยยิ่งไปกว่านั้น ยังคงขยายพื้นที่โซนลักซ์ซูรี่ เพื่อครองความเป็นผู้นำในตลาด และเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกที่ผู้คนทั่วโลก ต้องมาเยือน

The New World of Luxury
ขณะที่ สยามพารากอน แลนด์มาร์กระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ เป็นหมุดหมายปลายทางที่ครองใจคนไทย และนักเดินทางจากทั่วโลกมายาวนานเกือบ 2 ทศวรรษ และกำลังก้าวไปอีกขั้นของความสมบูรณ์แบบที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคต
คุณแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการขายและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการทำงานร่วมกับแบรนด์หรูระดับโลกมากมาย จนทำให้สยามพารากอนเป็นจุดหมายปลายทางของ Luxury Brand เป็นต้นแบบศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ลักซ์ซูรี่ที่มีสินค้าแบรนด์เนมครบครันที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยว่า “สยามพารากอนกำลังพัฒนาคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่หลายรูปแบบ เพื่อนำมาใช้เป็นครั้งแรกในเมืองไทยและครั้งแรกในโลก ซึ่งทั้งหมดจะเป็นไฮไลต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโครงการ ทรานสฟอร์มรูปแบบการใช้ชีวิตสู่วิถีแห่งโลกอนาคต บนพื้นที่ 5 แสนตารางเมตร”

การรีโนเวทครั้งนี้ สยามพารากอนตั้งใจที่จะขยายทั้งความกว้างและความลึกของลักซ์ซูรี่ให้ไปสู่ระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภูมิภาคนี้ เพื่อดึงดูดกลุ่มคอมมูนิตี้ใหม่ ๆ ของลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่จะเป็นแฟนคลับประจำของจุดหมายปลายทางสุดพิเศษแห่งนี้”
คุณแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์

ด้าน คุณทิพาณัท เลณบุรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขายและธุรกิจสัมพันธ์ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า “ในเดือนตุลาคม 2566 สยามพารากอนได้เผยโฉมมีการเปิดพื้นที่โซน Luxe Hall ที่สยามพารากอน ซึ่งจะโชว์เคสร้าน Luxury Brand เปิดใหม่ถึง 20 แบรนด์ รวมทั้งแบรนด์ที่เพิ่งเปิดร้านใหม่ อาทิ Loro Piana แบรนด์แฟชั่นเรียบหรูจากประเทศอิตาลี เปิดบูติกแห่งแรกในประเทศไทยที่สยามพารากอน อีกทั้งแฟชั่นแบรนด์เนมยอดนิยม อย่าง Louis Vuitton (หลุยส์ วิตตอง) และ Fendi (เฟนดิ) เปิดบูติกสำหรับผู้ชายแห่งแรกในประเทศไทย ไปจนถึงนาฬิกาแบรนด์หรูตั้งแต่ Vacheron Constantin, Jaeger Le Coultre, IWC, Panerai, Piaget, Chopard และ Franck Muller ล้วนเปิดบูติกแฟล็กชิปแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่สยามพารากอน”
‘สยามพิวรรธน์’ เป็นผู้พัฒนาตลาดลักซ์ชูรี่ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย ทำให้ทั้งสยามพารากอนและไอคอนสยาม ยังคงเป็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นที่ต้องการของทุกลักซ์ซูรี่แบรนด์ระดับโลก”
คุณทิพาณัท เลณบุรี

เตรียมพบกับโฉมใหม่ของการรีโนเวทที่สมบูรณ์แบบที่สุดของสยามพารากอน จุดหมายปลายทางระดับโลก ที่เตรียมทยอยเปิดพื้นที่โซนใหม่ในปีนี้ พร้อมเผยโฉมใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Luxury แห่งโลกอนาคต ในกลางปี 2567.