การบินไทยชวน HELLO! โดยกระซิบบอกว่า ครั้งนี้จะพาไปสัมผัสบรรยากาศชนบทของอังกฤษดูบ้าง แค่ได้ยินก็รู้สึกตื่นเต้นและตอบรับการร่วมทริปโดยไม่ลังเล คณะเดินทางนัดเจอกันที่เลานจ์ พรีเมียมของการบินไทย ที่นี่มีบริการนวดเท้าให้ผู้โดยสารชั้นบิสซิเนสได้ผ่อนคลายก่อนขึ้นเครื่อง และขอลิ้มลองรองท้องกันเบาๆ ถือโอกาสจัดการมื้อบรันช์ เราเลยขึ้นเครื่องแบบอิ่มสบายท้อง 12 ชั่วโมงที่ได้ห่างจากมือถือช่วยลดความวุ่นวายในชีวิตลงได้ไม่น้อย แต่ก็ไม่เหงาเพราะได้ดูรายการสดต่างๆ บนเครื่องจากบริการ LIVE TV on Board เผลอแป๊บเดียวเราก็ถึงสนามบินฮีทโธรว์
เรานั่งรถออกจากลอนดอน ไปราวๆ 2 ชั่วโมง เพื่อไปเปลี่ยน บรรยากาศที่ Moreton-in-Marsh เมืองเล็กๆ อันสงบเงียบทางฝั่งตะวันตกของอังกฤษ ที่เมืองนี้มีหมู่บ้านใหญ่เล็กมากมาย ทุกตึกอาคารในเมืองทาสีเหลืองตัดกับสีเขียวของเนินเขา และทุ่งหญ้า ทำให้เราหลงใหลเสน่ห์เมืองนี้ทันทีที่มาถึง ยิ่งมีร้านค้าน่ารักมากมายเรียงรายชวนให้แวะเวียนเข้าไปดู บอกได้เลยว่าแค่จุดหมายแรกเราก็ชักจะติดใจชนบทเมืองผู้ดีซะแล้ว
วันต่อมาเราเดินทางต่อไปยังเมือง Cotswolds เพื่อชมความงามของทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งพร้อมอวดสู่สายตาอาคันตุกะในช่วงหน้าร้อนของอังกฤษเท่านั้น ไม่เพียงความอลังการของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงที่แผ่อาณาเขตไปไกลสุดลูกหูลูกตา และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่นี่ยังเป็นแหล่งที่รวบรวมลาเวนเดอร์ไว้มากกว่า 35 สายพันธุ์อีกด้วย หลังชมความงามของทุ่งลาเวนเดอร์และถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว อย่าลืมแวะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของเขาล่ะ จะได้นึกถึงทุ่งแห่งนี้ทุกครั้งที่ได้กลิ่นหอมๆ ของลาเวนเดอร์
จากนั้นก็มุ่งตรงสู่ Blenheim Palace พระราชวังสไตล์บาโรกที่ใหญ่โตโอ่อ่าที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษ นอกจากความสง่างดงามของสถาปัตยกรรมแล้ว ยังมีภูมิทัศน์ที่สวยงามไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ที่นี่สร้างโดยดยุคแห่งมาร์ลบะระห์ที่ 1 ซึ่งเป็นพระญาติห่างๆ ของเจ้าหญิงไดอาน่า และเป็นที่ทราบกันว่าที่นี่เป็นบ้าน ของบรรพบุรุษและเป็นสถานที่เกิดของวินสตัน เชอร์ชิล ซึ่งภายในออกแบบและตกแต่งด้วยความหรูหราและความงดงามแบบยุโรปสมัยต้นศตวรรษที่ 18
https://www.instagram.com/p/Bon2-9ZlY2d/?hl=en&taken-at=751169755
ออกจากพระราชวัง Blenheim ก็มุ่งหน้าสู่เมือง ออกซ์ฟอร์ด เมืองโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จึง มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสถาปัตยกรรมให้ยลความรุ่งเรืองในอดีตมากมาย แลนด์มาร์คสำคัญที่หลายคนไม่ พลาดคือ Hertford Bridge สะพานแห่งนี้จะงดงามแตกต่างกันไปตามแสงธรรมชาติในแต่ละช่วงเวลา ถ้าใครอยากได้ความโรแมนติกแนะนำให้มาชมในช่วงเย็น บรรยากาศรอบข้างจะเป็นใจให้หลงใหลในเสน่ห์ความงามของสะพานโบราณแห่งนี้แน่นอน เที่ยวเมืองนี้เราขอแนะนำให้เดินทอดน่องจะได้ความ สุนทรีกว่าการนั่งรถบัสสำหรับนักท่องเที่ยว
หากใครชอบแต่งบ้าน เมืองแห่งนั้ยังมีตลาดเฟอร์นิเจอร์เก่ารวมถึงเครื่องประดับตกแต่งสมัยโบราณมีให้ เลือกมากมาย เราเลยถือโอกาสไปตะลุยตลาดของเก่า 2 แห่งในทริปนี้ แห่งแรกชื่อ Brackley Antique Cellar เปิดทุก วันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น คล้ายโรงเก็บของขนาดมหึมา ด้านในมีตู้ใส่เครื่องประดับทั้งของแท้ และคอสตูมวางเรียงรายโชว์อยู่ข้างในกว่า 200 ตู้ และยังมีส่วนจัดแสดงของเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ตู้เสื้อผ้า ช้อนส้อมเงิน โคมไฟ ฯลฯ สนนราคาตั้งแต่ 10 ปอนด์ถึงเป็นพันปอนด์ แนะนำให้มีเวลาอย่าง น้อย 2 ชั่วโมง เพื่อจะได้มีเวลาค่อยๆ ชมสินค้าแล้วเลือกชิ้น ที่ถูกใจที่สุดกลับบ้านไป
วันต่อมาเรารีบตื่นเพื่อไปตลาดแอนทีกที่ใหญ่ที่สุดและขึ้นชื่อของยุโรปอย่าง Sunbury Antiques Market หรือที่ลอนดอนเนอร์เรียกว่า Kempton Market เพราะจัดที่สนามแข่งม้า Kempton Park ตลาดของเก่าแห่งนี้มีมาเกือบ 40 ปีแล้ว ที่นี่มีของทุกอย่างให้เลือกสรร มีทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ มีทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้าวินเทจ เฟอร์นิเจอร์ ที่สำคัญตลาดนี้ได้มีการขยายไป ที่ Sandown Park Racecourse ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
การมาช็อปให้สนุกอย่าลืมเตรียมรถพับที่ไว้ลากได้ เวลาเลือกดูของจะได้ไม่เป็นภาระในการหอบหิ้วของพะรุงพะรัง และเนื่องจากเป็นของเก่าเก็บย่อมต้องมีฝุ่นละอองตามอายุของสินค้าอยู่บ้าง การหยิบจับดูของที่ตลาดแห่งนี้อาจทำให้มือเลอะเปรอะเปื้อนไปบ้าง ส่วนถ้าใครอยากได้ราคาสบายกระเป๋าเป็นพิเศษละก็ เทคนิคที่คนไทยซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่นานจนกลายเป็นพลเมืองอังกฤษไป แล้วกระซิบบอกไว้ว่า “ตลาดแห่งนี้เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงบ่ายสอง ช่วงใกล้ตลาดปิด ราคาของจะยิ่งถูกลง!”