Home > Lifestyle > Travel > ต้องตะลึง! 6 จุดเช็คอินที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์

ครั้งหนึ่งในชีวิตบอกได้เลยว่าประเทศที่ต้องหาทางไปเยือนให้ได้สักครั้งคือ ‘ประเทศสวิตเซอร์แลนด์’ ดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติที่สะกดสายตานักท่องเที่ยวจนโด่งดังไปทั่วโลก วันนี้ HELLO! จึงขอพาทุกท่านบินลัดฟ้ากับการบินไทยไปยังสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะเราจะไปเช็คอิน 6 จุดสำคัญที่ขอคอนเฟิร์มถึงความมหัศจรรย์ของวิวแบบพาโนรามาที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วกับ 6 จุดเช็กอินที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์

1. เช็คอินที่ ‘แฟชาสก้า’ แม่น้ำสีมรกตที่ใสที่สุด

หนึ่งในแม่น้ำที่ใสที่สุดในโลก ด้วยความใสของน้ำที่ทำให้เราสามารถเห็นถึงพื้นแม่น้ำด้วยตาเปล่าแม้ว่าจะลึกถึง 15 เมตร! คือความอเมซิ่งของ ’แม่น้ำแฟช้าสก้า’ (Verzasca River) ซึ่งอยู่ในเขตรัฐทีชีโนทางตอนใต้ของสวิส ที่นี่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวโดยในฤดูร้อนจะมีการมาเดินป่าเส้นทางรอบๆ แม่น้ำที่ขนานไปกับถนน

และพลาดไม่ได้ต้องเช็คอินที่สะพานหินรูปโค้งที่ชื่อว่า Ponte del salti ซึ่งตรงจุดนี้จะมีทั้งช่างภาพ นักดำน้ำ หรือ นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนเล่นน้ำหรือกระโดดกันที่สะพานนี้อย่างสนุกสนาน

.

2. เช็คอินที่ ‘เบลาเซ’ ทะเลสาบที่สวยที่สุด

 

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องตะลึงในความงาม คือทะเลสาบสีฟ้า ‘Blausee’ (เบลาเซ) ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Berner Oberland ระหว่าง Kandersteg และ Frutigen ที่นี่เป็นทะเลสาบขนาดย่อม มีชื่อเสียงในเรื่องสีของน้ำในทะเลสาบที่ใสเหมือนผลึกคริสตัลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ จนมองเห็นฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมาได้อย่างชัดเจน ทะเลสาบแห่งนี้จะมีความสวยงามทุกฤดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาว นอกจากนี้สถานที่นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในที่ตกปลาเทราต์ปลอดสารพิษ คุณภาพดีเยี่ยมแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ เพราะที่นี่เป็นแหล่งอนุบาลปลาเทราต์แบบออร์แกนิกนั่นเอง และความพิเศษของที่นี่ก็คือนักท่องเที่ยวสามารถพายเรือชมความงามได้ โดยสามารถแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตอนซื้อตั๋วได้เลย

.

3.เช็คอินที่ ‘แมตเตอร์ฮอร์น’ ยอดเขาที่สวยที่สุด

 ‘Matterhorn’ (แมตเตอร์ฮอร์น) ยอดเขาอันโด่งดังที่ใครหลายคนคุ้นตาอยู่ไม่น้อยเพราะยอดเขานี้อยู่ในโลโก้ของบริษัทผลิตภาพยนตร์ดังของวงการฮอลลีวูดนั่นเอง แต่ถ้าใครคิดว่าในภาพสวยแล้ว บอกเลยว่าของจริงสวยกว่าเป็นร้อยเท่า โดยยอดเขาแห่งนี้ถือเป็นมงกุฎแห่งสวิตเซอร์แลนด์ เพราะมีความสูงกว่า 4,478 เมตร เป็นยอดเขาในเทือกเขาแอลป์ยอดสุดท้าย มองจากที่ไกลๆ ก็จะเห็นเป็นรูปทรงพีระมิดสูงเฉียดฟ้าตั้งตระหง่านอยู่

.

 

4.เช็คอินที่ ‘อเลิท์ซ กลาเซียร์’ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุด

ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ‘Aletsch Glacier’ (อเลิท์ซ กลาเซียร์) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากอันดับต้นๆ เพราะความอลังการของธารน้ำแข็งที่ยาวถึง 23.6 กิโลเมตร มีความหนาอยู่ที่ประมาณ 1 กิโลเมตร ยาวสุดลูกหูลูกตาราวกับภาพวาดเลยทีเดียว แถมยังครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 120 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในบรรดาทุ่งน้ำแข็งของเทือกเขาแอลป์ ทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งธารน้ำแข็งที่มีความงดงามเกินบรรยายที่ไม่ควรพลาด

นอกจากนั้นที่นี่ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่ถูกใจขาลุยแน่นอนกับ Hydrospeeding หรือ Riverboarding กิจกรรมล่องแก่งบนธารน้ำแข็งที่เหล่านักผจญภัยโปรดปรานโดยผู้เล่นจะต้องนอนคว่ำลงไปบนกระดานโฟมแข็งและลอยไปตามสายน้ำที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบอกเลยว่าแอดเวนเจอร์สุดๆ

.

5.เช็คอินที่ ‘สะพานทริฟท์’ สะพานที่หวาดเสียวที่สุด

สร้างความตื่นเต้นในการเยือนสวิสด้วยการเดินข้ามสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ‘Trift Bridge’ (สะพานทริฟท์) ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Gadmen เขต Interlaken รัฐเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสะพานทริฟท์แห่งนี้มีความยาวถึง 170 เมตร (560 ฟุต) สูงจากระดับน้ำ ประมาณ 100 เมตร (330 ฟุต) ถูกสร้างขึ้นใช้เป็นทางเท้าเพื่อเดินข้ามทะเลสาบทริฟท์ซึ่งเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งทริฟท์ ที่อยู่เบื้องล่าง ด้วยความสูงและความเสียวพร้อมวิวแบบพาโนรามาทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มีนักท่องเที่ยวมาเยือนราว 20,000 คนต่อปี

 .

6.เช็คอินที่ ‘เคอร์ดือวาน’ หน้าผาที่สวยที่สุด 

ขึ้นชื่อว่าหน้าผา หลายๆ คนคงนึกถึงผาหินสูงชันที่เป็นแนวทอดยาวเป็นเส้นตรง แต่ที่นี่พิเศษกว่านั้นเพราะ ที่หน้าผา ‘Creux du Van’ (เคอร์ดือวาน) นั้นมีลักษณะเป็นวงกลม ซึ่งมีความกว้างประมาณ 1,450 เมตร ลึก 150 เมตร และความสูงประมาณ 500 เมตร ตั้งอยู่ทางด้านฝั่งตรงกันข้ามของทะเลสาบ Neuchâtel ที่สำคัญที่นี่เกิดจากหินธรรมชาติล้วนๆ โดยเกิดจากการกัดเซาะของแหล่งน้ำธรรมชาติจากธารน้ำแข็งในในพื้นที่ของธารน้ำแข็งกลาเซีย (glacier) และธารน้ำแข็งไรเน (Rhone)เป็นเวลานานจึงก่อให้เกิดการสไลด์ตัวของพื้นดินบริเวณแห่งนี้จนกลายเป็นลักษณะโค้งของรูปทรงครึ่งวงกลม เพราะฉะนั้นการที่ได้ขึ้นไปยืนบนผาท่ามกลางวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามเช่นนี้ รับรองว่าเป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

ข่าวดีต้อนรับปีใหม่ !

เฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี เส้นทางบินกรุงเทพ-โอ๊คแลนด์ สายการบินการบินไทย ขอเอาใจนักเดินทาง เพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพ-โอ๊คแลนด์ จากเดิม 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์โดยทำการบินด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุดมาให้บริการเพื่อความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา

และสุดเซอร์ไพร์สกับแคมเปญ “ฮัลโหล นิวซีแลนด์” ทั้งการจำหน่ายบัตรโดยสารชั้นประหยัดราคาพิเศษ เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพ-โอ๊คแลนด์ ราคาเริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อท่าน, การอำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าเข้าประเทศนิวซีแลนด์ โดยไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการทางเงิน และแพ็คเกจ Hello New Zealandสำหรับผู้ที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวแบบอิสระ Fly & Drive เกาะเหนือ 4 วัน ราคาเริ่มต้น 42,500 บาท Fly & Drive เกาะเหนือและเกาะใต้ 10 วัน ราคาเริ่มต้น 74,900 บาท รวมตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นประหยัด ที่พักพร้อมอาหารเช้า และรถเช่าจากทัวร์เอื้องหลวง

รวมถึงสิทธิประโยชน์มากมายสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมทั้งสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ที่ thaiairways.comหรือสำนักงานขายการบินไทย หรือ THAI Contact Centerโทร. 0-2356-1111 สำหรับผู้ที่สนใจแพ็กเกจ

ทัวร์เอื้องหลวง สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.royalorchidholidays.comหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2356-2888

…………………………………………………………………

Photos credit : shutterstock , alpsinluxury.com

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.