Home > Lifestyle > Travel > ท่อง ‘ทัสกานี’ เสน่ห์ของเส้นทางเล็กๆ ในชนบทที่แสนน่ารักกับ ‘กานต์ จาติกวณิช’

ลองหลับตาจินตนาการถึงถนนสายเล็กในชนบท ตลอดสองข้างทางที่มองออกไปคือฟาร์มเพาะปลูกและไร่องุ่น เนินเขาเล็กๆ ไล่ลูกสูงต่ำสลับกันไปมา เป็นภูมิทัศน์สวยสบายตาแบบที่เห็นแล้วสบายใจ บ้านเรือนของผู้คนมีอยู่เบาบางท่ามกลางความเงียบสงบของธรรมชาติ กว่าจะพบกับความจอแจบ้างก็เมื่อเข้าไปถึงตัวเมืองที่ผู้คนเกาะกลุ่มกันอยู่ นั่นคือภาพที่ผ่านเข้าสู่สายตา ‘คุณแจม-กานต์ จาติกวณิช’ ทุกวันตลอดสัปดาห์ระหว่างเดินทางจากฟลอเรนซ์ ไปมิลาน บนเส้นทางที่แสนน่ารักของทัสกานี

ทัสกานี กานต์ จาติกวณิช

ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน เมื่อแฟนแจมซึ่งเป็นลูกครึ่งอิตาเลียน-อังกฤษ พาแจมไปพบกับครอบครัวของเขาเป็นครั้งแรก ตามธรรมเนียมของครอบครัวที่จะมากินอาหารกลางวันด้วยกันทุกปีที่มิลาน เราสองคนซึ่งอยู่ลอนดอนจึงแพลนการเดินทางที่จะได้เที่ยวไปด้วย โดยการเช่ารถจากฟลอเรนซ์ซึ่งเป็นเมืองหลักของทัสกานี แล้วขับไล่ขึ้นไปตามเมืองต่างๆ เพื่อไปจบที่มิลานด้วยเวลา 1 สัปดาห์ 

ในความเป็นจริงแล้ว หากจะเดินทางจากฟลอเรนซ์ไปมิลานด้วยทางรถแบบนี้ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็ถึงได้สบายๆ แต่เราพากันขับไปเรื่อยๆ เพื่อแวะเมืองนั้นเมืองนี้ แล้วจึงได้พบว่าทัสกานีมีอะไรที่สวยงามน่ารักให้เราชื่นชมได้ไม่หยุดหย่อน

ทัสกานี กานต์ จาติกวณิช

เราเริ่มสนุกกันตั้งแต่เช่ารถ แฟนแจมเป็นคนรักรถและชอบขับรถมาก และไหนๆ เราก็จะได้ใช้ประสบการณ์ในอิตาลีทั้งที รถที่เราเช่าจึงเป็นเฟอร์รารี่ รถที่มีต้นกำเนิดในอิตาลี โดยเอ็นโซ เฟอร์รารี่ ผู้เป็นตำนานและบุคคลสำคัญของเมืองโมเดนา บ้านเกิดของเขา โรดทริปที่เราเดินทางด้วยเฟอร์รารี่จึงเข้าธีมที่สุด แม้จะมีข้อเสียคือ
ที่เก็บสัมภาระน้อยไปหน่อยก็ตามที 

รถเช่าจอดรอให้เราไปรับที่สนามบิน เราพักที่ฟลอเรนซ์ก่อนโดยเลือกโรงแรมแนวบูทีก ลักซ์ชัวรี แจมชอบการพักแบบนี้ในการเดินทางไปที่ใหม่ๆ มากกว่านอนโรงแรมแบรนด์ใหญ่ เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศที่ไม่ใหญ่โตจะทำให้เราได้รู้จักวัฒนธรรมของเมืองและผู้คนได้มากกว่า

ที่ฟลอเรนซ์มีอาร์ตแกลเลอรี่อยู่เยอะ เข้าทางแจมที่สนใจศิลปะและชอบดูงานศิลปะมาก และฟลอเรนซ์ก็เป็นเมืองที่ดังที่สุดด้านศิลปะของอิตาลี แกลเลอรี่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดใน คือ Uffizi Gallery จัดแสดงผลงานถาวรของศิลปินดังระดับโลก ทั้งบอตติเซลลี ลีโอนาร์โด ดา วินชี รัฟฟาเอลโล มิเกลันเจโล แม้แฟนแจม
จะมาสายความเร็ว แต่แจมมักจะชวนเขาไปดูงานศิลปะด้วยกันบ่อยๆ จนเดี๋ยวเขาก็เริ่มเข้าใจไปกับเราด้วยแล้ว 

และฟลอเรนซ์ยังเป็นเมืองแฟชั่นที่มีแบรนด์ใหญ่ๆ หลายแบรนด์เกิดขึ้นที่นี่ หนึ่งในนั้นคือกุชชี ที่มีอาณาจักรของตนเองอยู่ที่ Gucci Garden ซึ่งแต่เดิมคือปราสาท Palazzo Settimanni อันเก่าแก่ในความสูง 5 ชั้น กุชชีได้ซื้อปราสาทแห่งนี้เมื่อปี 1953 เพื่อใช้เป็นโรงงานและโชว์รูม ก่อนจะกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่า
เรื่องราวของแบรนด์กุชชีตั้งแต่แรกกำเนิด ห้องโชว์จัดแสดงไอเท็มที่เป็นตำนานของกุชชีไล่เป็นลำดับ ชิ้นงานวินเทจในยุคแรกๆ เป็นงานที่เจ๋งมากสำหรับแจม และในนั้นยังมีช็อปกุชชีที่ขายสินค้าที่ร้านกุชชีปกติทั่วไปจะไม่มี มีร้านหนังสือที่เน้นขายหนังสือศิลปะ แฟชั่น งานดีไซน์ มีคาเฟ่และอาร์ตสเปซสำหรับจัดแสดงศิลปะร่วมสมัยเป็นนิทรรศการหมุนเวียน แม้จะไม่ได้ซื้อของชิ้นใหญ่ติดมือกลับมา แต่แจมก็ได้ของกระจุกกระจิกไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราได้มาที่นี่ 

เซียนาเป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางใต้ของฟลอเรนซ์ เราขับรถไปสักหนึ่งชั่วโมงก็ถึง สิ่งที่บอกเราว่ากำลังจะถึงตัวเมืองเซียนาแล้วคือทางที่แคบลงเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ห้ามไม่ให้รถเข้า หากจะเที่ยวในเมืองต้องจอดรถด้านนอกแล้วเดินเข้าไป ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องลำบากสำหรับเรา 

ทัสกานีเป็นแคว้นที่เต็มไปด้วยบ้านโบราณ มีรูปทรงและหน้าตาสอดคล้องกับชีวิตของชาวทัสกานีที่เป็นสังคมเกษตร เพราะเป็นรูปแบบที่พัฒนาขึ้นจากกระท่อมในฟาร์มทางตะวันตกของอิตาลี และมีลักษณะเป็นเมืองเก่า โดยเฉพาะที่เซียนานี้เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลก แต่ละเมืองก็มีขนาดเล็กที่จะเรียกว่าวิลเลจก็เรียกได้ ไม่มีห้างสรรพสินค้า ไม่มีตึกสูง มีร้านค้าเล็กๆ และร้านผลไม้ตามทางเดิน 

ดินเนอร์ที่เป็นที่จดจำของทริปเกิดขึ้นที่นี่ ในห้องอาหารจัดไว้ที่ชั้นใต้ดิน เมื่อเดินลงไปก็ได้กลิ่นชื้นๆ และเย็นกว่าด้านนอก เมื่อไปถึงก็พบว่าที่ห้องนี้คือไวน์เซลลาร์ รอบตัวเราจึงเต็มไปด้วยไวน์และไวน์ที่เขาบ่มเอาไว้ ความโด่งดังของทัสกานีนอกจากทิวทัศน์ที่ชวนประทับใจ คือการเป็นแหล่งผลิตไวน์แหล่งสำคัญของโลก แทบตลอดเส้นทางที่เราผ่านมาจึงมีแต่ไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตา นอกจากเซียนาจะมีเมืองโบราณเป็นจุดสำคัญ ช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปีเขาจะมีเทศกาลแข่งม้าด้วย แต่แจมไปหลังกรกฎาคมจึงไม่มีโอกาสเห็น 

อีกวันต่อมาเราอยู่กันที่เมืองเพียนซา เมืองเล็กจิ๋วที่ใช้เวลาเดินไม่เกินสองชั่วโมงก็ทะลุทั้งเมือง แต่ก็มีความน่ารักมากโดยเฉพาะมื้อกลางวันที่เป็นอีกมื้อโปรดของแจมในทริปนี้ ร้าน Podere il Casale อยู่บนภูเขาที่มองออกไปเห็นไร่องุ่นสุดสายตา เขาปลูกผักผลไม้เพื่อเป็นวัตถุดิบในร้านเอง และมีสัตว์ให้เราเดินไปเล่นด้วยได้อย่างนกยูงและสัตว์ในฟาร์มอื่นๆ ปกติร้านนี้ต้องจองล่วงหน้านาน แต่เราไปในช่วงโควิดระบาดคนเลยน้อยหน่อยไม่ต้องจอง

เราออกจากเพียนซาโดยมีจุดหมายอยู่ที่โรงแรมในมอนเตปูลซิอาโน เป็นเมืองที่ดังเรื่องไวน์อีกเช่นกัน จึงไม่แปลกที่ร้านอาหารอิตาเลียนในไทยจะเสิร์ฟไวน์จากมอนเตปูลซิอาโนกันทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมืองที่เล็กจิ๋วแค่นี้จะสามารถผลิตไวน์ส่งไปทั่วโลกได้มากขนาดนี้ มองไปจากมุมไหนของเมืองก็เห็นแต่ไร่องุ่น แต่แม้จะเห็นวิวแบบนี้อยู่ทุกวันก็ไม่ได้รู้สึกว่าชินตาหรือเบื่อเลย เพราะคงไม่มีช่วงไหนอีกแล้วที่เราจะได้อยู่ท่ามกลางไร่องุ่นทุกวันแบบนี้

ประสบการณ์แปลกใหม่เกิดขึ้นที่เมืองซานมินิอาโต กิจกรรมพิเศษที่เราโชคดีมากๆ ที่จองได้เพราะปกติต้องจองกันนานเป็นปี และมีเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น แต่เพราะโควิดทำให้เราจองเช้าวันนั้นแล้วร่วมได้เลย คือการออกตามล่าหาเห็ดทรัฟเฟิลในป่าโอ๊ก เพราะทรัฟเฟิลจะเติบโตอยู่ใต้ผิวดินที่ต้นโอ๊กหยั่งรากลึกลงไป ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นทรัฟเฟิลได้ด้วยตาตัวเอง ต้องพึ่งจมูกอันไวเป็นพิเศษของสุนัขที่ถูกฝึกให้ดมกลิ่นและขุดหาทรัฟเฟิลโดยเฉพาะ

ไกด์พาเราเดินเข้าป่าพร้อมสุนัขในสายจูง พอได้กลิ่นทรัฟเฟิลเจ้าสุนัขก็เริ่มขุด แล้วเราก็ช่วยกันขุด พอเริ่มเห็นทรัฟเฟิลเราก็ตื่นเต้นดีใจ เข้าใจเลยว่าทำไมทรัฟเฟิลถึงเป็นวัตถุดิบที่พรีเมียมมาก เพราะหายาก มนุษย์ไม่สามารถหาเจอได้เอง วันนั้นเราได้ทรัฟเฟิลมาสัก 100 – 200 กรัม น้องสาวของไกด์ที่พาเราไปก็เอาทรัฟเฟิลไปทำอาหารให้เราดูและชิม การได้กินทรัฟเฟิลสดๆ ทำให้เรารู้สึกถึงความพิเศษของมันยิ่งขึ้น เพราะสด ไม่มีกลิ่นคาว แถมฝีมือของเชฟก็อร่อยด้วย และเรายังได้รู้อีกว่าน้ำมันทรัฟเฟิลที่ขายอยู่ทั่วไปนั้นความจริงแล้วมีส่วนผสมของทรัฟเฟิลอยู่ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาใช้กลิ่นทรัฟเฟิลปลอมผสมเข้าไป ดังนั้นถ้าอยากจะได้น้ำมันทรัฟเฟิลแท้ๆ ต้องมาที่เมืองนี้เลย

ทัสกานี กานต์ จาติกวณิช

เราค้างที่เมืองลุกกาเป็นเมืองสุดท้าย น่าแปลกที่เมืองนี้ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นไปกว่าเมืองอื่นที่ผ่านมา อาหารอร่อยเหมือนกัน เป็นเมืองเก่าเหมือนกัน ขนาดของเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ถึงความน่ารักคือผู้คนในเมืองที่เป็นมิตรมาก หันมาทักเราตลอดจนรู้สึกอบอุ่น

เราปิดทริปก่อนเข้ามิลานกันที่เมืองปิซา เมืองท่องเที่ยวอันโด่งดังด้วยหอเอนอันเป็นเอกลักษณ์ อาจจะเพราะหลายวันมานี้เราอยู่แต่ในเมืองเล็กจนรู้สึกอินกับเสน่ห์ที่เรียบง่ายแต่แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศน่ารัก พอได้อยู่ในเมืองใหญ่แบบนี้เรากลับรู้สึกเฉยๆ ไปเลย หนึ่งสัปดาห์ตลอดการเดินทาง แจมรู้สึกหลงใหลความยูนีกของทัสกานี เมืองที่ไม่มีช็อปของแบรนด์ใหญ่ หรือเห็นห้างที่มีของขายจากทั่วโลก มีแต่เมืองชนบทที่มีของเจ๋งๆ ขายเฉพาะแค่ในเมืองนี้เมืองเดียว 

อาจจะเป็นสิ่งเหล่านี้ก็ได้ ที่ทำให้ทัสกานียิ่งน่ารัก…และน่าหลงรัก 


ติดตามบทสัมภาษณ์ทริป ทัสกานี กับ ‘กานต์ จาติกวณิช’ แบบเอ็กซ์คลูซีฟ

ได้ในนิตยสาร HELLO! ‘ฉบับเดือนมิถุนายน 2565′ วางแผงแล้ววันนี้⁠

? ติดต่อสั่งซื้อโทร 0 2676 8999 ต่อ 217 หรือ 084 079 5678⁠
? สั่งซื้อออนไลน์ที่⁠
shop.burdathailand.com หรือ Line ID: @hellomagazineth

Never miss an update

Subscribe to our newsletter to get the latest updates.

No Thanks
You’re all set

Thank you for your subscription.