ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของแต่ละคู่รักนับได้ว่าแตกต่างกันออกไปวันนี้ HELLO! จะขอติดตามทริปกระชับรัก 3 วัน 2 คืน ของสองนักแสดงชื่อดัง ‘คุณหนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ และ คุณจูเนียร์-ณัฐศิษฎ์ สูงกิจบูลย์’ ณ เมืองซูริค (Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซูริค เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
ร้อง ว้าว! ตั้งแต่ก้าวแรกที่สนามบิน เพราะคืนแรกของทั้งคู่พากันเชคอินเพื่อพักชาร์จพลังกันที่โรงแรม Hotel Hyatt Regency ซึ่งตั้งอยู่ใน The Circle คอมเพล็กซ์ล้ำสมัย ที่นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งครบวงจรที่มีให้บริการทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงร้านอาหาร แบรนด์ดังต่างๆอีกมากมาย และไม่ต้องพูดถึงเรื่องโลเคชั่นเลย เพราะตั้งอยู่ติดกับสนามบินซูริค ทั้งยังเดินทางไปยังกลางเมืองซูริคด้วยรถไฟเพียงแค่ 10 นาที
“เคยรู้สึกมาเสมอ ว่าซูริคน่าจะเป็นเมืองที่จริงจัง ดูวุ่นวาย เป็นเมืองธุรกิจ แต่จริงๆ แล้วซูริคอบอุ่นมาก ผู้คนเป็นกันเอง ไม่ว่าจะเดินเล่นแถวไหนก็สนุก และสบายใจ ไม่เครียดและกดดัน”
หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ

8 แลนด์มาร์คสำคัญตามรอย ‘หนูนา-หนึ่งธิดา & จูเนียร์-ณัฐศิษฎ์’ ที่คุณไม่ควรพลาด
ไม่รอช้าตามรอยทั้งคู่ไปตื่นเต้นกับขุมทรัพย์แห่งเมืองซูริค ซึ่งการเดินทางวันนี้คุณหนูนาและคุณจูเนียร์มีบัตร Swiss Travel Pass ที่บัตรนี้สามารถใช้เดินทางบนขนส่งสาธารณะของสวิตเซอร์แลนด์ได้ฟรีเลย ทั้งคู่นั่งรถไฟจากสถานีสนามบินซูริค มาลงที่สถานีกลางซูริค
1st Landmark
เดินต่อมาที่ Polybahn หรือรถรางไฟฟ้าสีแดง ที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 100 วินาทีจากใจกลางเมืองถึง Polyterrasse
โดยระหว่างทาง บนรถรางไฟฟ้า ทั้งคู่ได้เพลิดเพลินไปกับวิวเมืองเก่า สถาปัตยกรรมอันงดงามของมหาวิทยาลัยซูริค และอาคาร Federal Institute of Technology รวมถึงทะเลสาบซูริคแบบพาโนราม่า เพื่อมุ่งสู่แลนด์มาร์คถัดไป
2nd Landmark
Kunsthaus Museum หมุดสำคัญที่จะทำให้คุณหลงเสน่ห์เมืองเก่าอย่างซูริค ที่ซึ่งทั้งคู่จะได้ดื่มด่ำกับงานศิลปะสุดล้ำค่าของโลกฝีมือปรมาจารย์ยุคเก่า และศิลปินชาวสวิสชื่อดังมากมาย
แน่นอนว่าก่อนจะออกเที่ยวไปยังแลนด์มาร์กต่อไป กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อกลางวันแรกทั้งสองจึงแวะเช็กอินที่ Chez Fritz ร้านอาหารสวิส-ฝรั่งเศส ดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศขณะชมวิวทะเลสาบ ซึ่งความพิเศษอยู่ที่วัตถุดิบที่ทางร้านใช้ เป็นผลผลิตจากท้องถิ่นที่ผ่านการคัดสรรคุณภาพ และปรุงรสอย่างปราณีต
3rd Landmark
เมื่อรวมกับบรรยากาศที่งดงามรอบข้างแล้วบอกได้เลยว่าเป็นโมเมนต์โรแมนติกที่ทั้งคู่ประทับใจ หลังจบกับเมนูอาหารคาวแล้ว จำเป็นต้องตามติดด้วยเมนูของหวาน โดยทั้งคู่เลือกแวะ Lindt Home of Chocolate พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแล็ต แลนด์มาร์คสำคัญที่ถ้าไม่มาถือว่ามาไม่ถึงเมืองซูริค กับการถ่ายภาพกับประติมากรรมช็อกโกแลตขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในโถงกลางของอาคาร นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปมากมาย ที่เหล่าคนรักช็อกโกแลตต้องร้องว้าว
4th Landmark
เพื่อดื่มด่ำธรรมชาติอันงดงามของทะเลสาบซูริคทั้งคู่เลือกเช่า E-Boat ที่ Bootsvermietung Enge ล่องเรือจิบไวน์ชิลล์ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามที่บอกได้เลยว่าใครเห็นเป็นต้องอิจฉา เพราะคู่รักของเราสวีทสุดๆ โรแมนติกประหนึ่งภาพวาดสีน้ำมันเลยทีเดียว
5th Landmark
ก่อนพระอาทิตย์จะตกลงทั้งคู่ได้พาเรานั่งรถไฟเพื่อเดินทางไปยังยอดเขา Uetliberg ซึ่งได้รับการขนานนามว่า จุดสูงสุดของซูริค (Top of Zurich) หลังจากลงรถไฟแล้วต้องเดินเท้า 10 นาที กับบรรยากาศดินเนอร์ท่ามกลางทัศนียภาพของเมืองซูริค และชนบทของเมืองที่ทอดยาวไกลสุดสายตาจวบจนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความเงียบสงบ และความงดงามของธรรมชาติบนเทือกเขา ที่ทำให้แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเพียงแค่ 20 – 30 นาทีเท่านั้น

“มีอีกหลายกิจกรรมที่รู้สึกว่าอยากจะทำต่อในซูริคมากๆ เวลาเรามาท่องเที่ยวส่วนใหญ่เราจะได้รับความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาสมัยก่อนผ่านสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่สวยงาม สำหรับครั้งนี้เป็นช่วงฤดูร้อน ทำให้เราได้เห็นว่าการใช้ชีวิตช่วงซัมเมอร์ของคนซูริคน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเล่นริมทะเลสาบ หรือกระโดดน้ำ ดูเป็นธรรมชาติ และน่าสนใจไปหมด”
จูเนียร์-ณัฐศิษฎ์ สูงกิจบูลย์
6th Landmark
อย่างที่บอกว่าซูริคเป็นเมืองเก่าที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการไปสำรวจย่านเมืองเก่า Zurich’s Old Town ซึ่งทั้งคู่เริ่มผจญภัยจากสถานีรถไฟซูริค เดินทางตามตรอกแคบไปเรื่อยๆ เพื่อสัมผัสกลิ่นอายของศิลปะ และสถาปัตยกรรมต่างๆที่มีเสน่ห์ตลอดทาง นับได้ว่าเป็นความงดงามเหนือกาลเวลาที่ยังคงทิ้งร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีตให้คนรุ่นใหม่ได้เยี่ยมชม
7th Landmark
ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เดินทางไปต่างแดน คนไทยอย่างเราก็อยากพบปะ และลิ้มลองอาหารไทยจากคนไทยที่อาศัยในท้องถิ่นนั้นอยู่เสมอ มื้อกลางวันนี้ทั้งคู่ฝากท้องไว้กับร้าน White Elephant ซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรมซูริค เมอริออท โรงแรมสุดหรู ซึ่งร้านนี้นับได้ว่าขึ้นว่าเป็นร้านอาหารไทย โดยเชฟคนไทย พนักงานคนไทย ยิ้มแย้มแจ่มใส และรสชาติไทยแท้เลิศที่สุดในเมืองนี้
8th Landmark
หลังมื้ออาหาร ทั้งคู่ได้เดินตามฝั่งแม่น้ำลิมมัท (Limmat river) ดื่มด่ำบรรยากาศการใช้ชีวิตของผู้คนในซูริคช่วงฤดูร้อน ไม่ว่าจะกระโดดน้ำ นอนอาบแดด นั่งชิลๆดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำ เพื่อไปขึ้นรถราง มุ่งหน้าไปจุดท่องเที่ยวส่งท้าย
The Viaduct ซึ่งอยู่ในย่านอุตสาหกรรมเก่า หรือ Zurich West ที่ถูกแปลงโฉมให้มีความโมเดิร์นและสร้างสรรค์ ร่วมสมัยไปด้วยร้านค้าสุดชิค ที่โดดเด่นด้วยแนวคิดทางธุรกิจที่ทันสมัย สำหรับสายกิจกรรมแอดเวนเจอร์ไม่ควรพลาดกับการผจญภัยโต้คลื่นเทียมที่ Urban Surf แหล่งรวมคนใจรักการโต้คลื่นที่ทุกคนเฟรนลี่พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเซิร์ฟแบบไม่มีกั๊ก
แน่นอนว่าคู่รักสายแฟชั่นไม่มีทางพลาด ร้านแฟล็กชิพสโตร์ Freitag สุดไอคอนิกที่โดดเด่นเรื่องการนำวัสดุรีไซเคิลมาผลิตเป็นกระเป๋าสุดคราฟต์ ซึ่ง ณ ร้านแฟล็กชิพสโตร์แห่งนี้เปิดให้แฟนแบรนด์ได้เข้าไปเห็นตั้งแต่กระบวนการผลิต ตลอดจนการดีไซน์เลยทีเดียว
และเพื่อเป็นการปิดท้ายทริปซูริคอย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูนาและคุณจูเนียร์เลือกจบวันด้วยการใช้เวลาเดินทอดน่องในคอมมูนิตี้ Frau Ferolds Garten ที่เปรียบเสมือนโอเอซิสขนาดย่อมใจกลางเมืองใหญ่ มีทั้งร้านป๊อปอัพเก๋ๆ บาร์สุดชิค ตลอดจนร้านอาหารหลากหลายสัญชาติให้ได้เลือกลิ้มรส
“ทริปนี้สิ่งที่ชอบมากที่สุด คือการที่เราได้เห็นคนซูริคใช้ชีวิต เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งในนั้นไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยว แนะนำได้คำเดียวเลยว่าต้องไปลองดูสักครั้ง แล้วคุณจะรักซูริค เตรียมตัวกับใจไปพร้อมจะสนุกที่ซูริคก็พอ”
หนูนา-หนึ่งธิดา & จูเนียร์-ณัฐศิษฎ์
