เป็นโอกาสดีอย่างยิ่งของผู้ชื่นชอบผลงานศิลปะ โดยเฉพาะแฟนคลับของจิตรกรไทยร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ‘นที อุตฤทธิ์’ ที่ได้มีโอกาสชมผลงานภาพวาดชุด Optimism is Ridiculous โดยมีคุณนที ให้เกียรติบรรยายถึงภาพวาดต่างๆอย่างใกล้ชิด


โดยงานนี้เป็นส่วนเปิดตัวหนังสือ “Natee Utarit : Optimism is ridiculous” หนังสือรวบรวมบทความเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ด้านศิลปะและการสำรวจผลงานจากภาพเขียนของ นที อุตฤทธิ์ จิตรกรไทยร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากผลงานที่มีชื่อว่า Optimism is ridiculous ผ่านมุมมองและฝีมือการเขียนของนักวิจารณ์ศิลปะ ภัณฑารักษ์และนักเขียนชื่อดังชาวอิตาลี ดีมีทริโอ ปาปาโรนี่ (Demetrio Paparoni) ซึ่ง ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น ผู้นำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นแบรนด์ดังจากทั่วโลก อย่างแพนดอร่า (Pandora) มารีเมกโกะ (Marimekko) แคธ คิดส์ตัน (Cath Kidston) และโจนาธาน แอดเลอร์(Jonathan Adler) ร่วมกับริชาร์ต โคห์ ไฟน์อาร์ต (Richard Koh Fine Art) ประเทศสิงคโปร์ ได้จัดขึ้น ณ ล้ง 1919 เมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อสนับสนุนและเป็นสื่อกลางให้กับศิลปินไทยที่มีความสามารถระดับโลกได้มีเวทีเพื่อถ่ายทอดแง่มุมแห่งศิลปะที่ดีนี้ไปสู่ผู้บริโภคและประชาชนไทยที่สนใจศิลปะ


ไฮไลท์ของงานคือการร่วมฟังเสวนาเกี่ยวกับหนังสือดังกล่าวผ่านมุมมองของ นที อุตฤทธิ์ โดยมี ดร.วิชญ มุกดามณี ศิลปินและอาจารย์ประจำคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นพิธีกร ในงานนี้ศิลปินเจ้าของผลงานจะเล่าเรื่องราวของผลงานในชุด The Altarpieces ซึ่งเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่น Optimism is ridiculous ที่ได้นำมาจัดแสดงในครั้งนี้

คุณนที กล่าวว่า เขาได้พบกับดีมีทริโอครั้งแรกในงานนิทรรศการผลงานศิลปะของเขาเองที่มิลาน อิตาลี เนื่องจากโปรเจ็กต์นี้ถูกคิดมานาน ประมาณ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ มีคนเตือนผมว่า การร่วมกับดีมีทริโอ เป็นเหมือนฝันร้าย จนได้ร่วมงานกับเขาถึงได้เข้าใจ เพราะช่วงระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่งในการทำหนังสือ ผมต้องตื่นเช้าขึ้นมาพบกับอีเมลที่เขาส่งมา 13 ฉบับทุกวัน แต่สุดท้ายมันทำให้ผมพบว่า หนังสือเล่มนี้น่าทึ่งมาก เป็นวิธีการเขียนวิเคราะห์งานศิลปะที่ผ่านการคิดอย่างเข้มข้น และเชื่อมโยงโลกของ artistry ในยุโรป พร้อมอ้างอิงถึงข้อมูลใหม่ ๆ ที่อัพเดตในประวัติศาสตร์ศิลปะทั้งในฝั่งตะวันตกและตะวันออก ซึ่งดีมีทริโอ เป็นคนอิตาเลียน จึงอยู่ในสังคมศิลปะที่ค่อนข้างจะเข้มข้น ทำให้มีข้อมูลที่ค่อนข้างตรงในการนำมาวิเคราะห์ จึงมีความเข้มข้นมากกว่าหนังสือโมโนกราฟทั่วไป


หนังสือในรูปแบบนี้จะเรียกว่า โมโนกราฟ หรือหนังสือที่แสดงถึงข้อมูลต่าง ๆ ในการทำงานของศิลปินคนหนึ่ง เช่นเล่มนี้จะระบุซีรีย์ผลงานภายในช่วงปี 2012 -2015 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการทำงานชุด Optimism is ridiculous รายละเอียดกระบวนการทำงาน โดยผ่านการคิดวิเคราะห์ ทั้งของศิลปินและนักเขียน และได้ทยอยจัดแสดงผลงานในหลายประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย และยุโรป”


ภายในงานมีผู้รักงานศิลปะจากหลากหลายแวดวงมาร่วมชมภาพ “L’enfer, c’est les autres” (Hell is other people) 1 ใน 12 ภาพผลงานชุด The Altarpieces ซึ่งได้นำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และแกลลอรี่ชั้นนำต่าง ๆ มาแล้วหลายประเทศ รวมถึงอีก 2 ภาพ ซึ่งไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ได้แก่ ผลงานที่ชื่อว่า “Fallen Devil” ภาพวาดสีน้ำมันบนผ้าลินิน ขนาด 90×80 ซม. และ “Death contemplation/red velvet” ภาพวาดสีน้ำมันบนผ้าใบ ขนาด 69.5×132 ซม. พร้อมเผยถึงคุณค่าของงานศิลปะ และสิ่งที่ได้รับจากการเสพงานศิลป์ในแต่ละแง่มุม


คอลเล็กเตอร์งานศิลปะตัวยง ศักดิ์ชัย ศรีรุ่งกิจสวัสดิ์ ผู้ลุ่มหลงผลงานของนที อุตฤทธิ์ และมีผลงานหลายชิ้นในครอบครอง เผยว่า “ส่วนตัวมีผลงานของคุณนทีที่สะสมไว้หลายชิ้น งานศิลปะของคุณนที เป็นงานแนวปรัชญา ในภาพวาดแต่ละรูปจะแฝงไปด้วยคติหลาย ๆ เรื่องที่สอดแทรกเข้าไป ซึ่งศิลปินต้องใช้เวลาอย่างมากในการคิดวิเคราะห์ จนเกิดเป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง งานศิลปะนอกจากจะให้คุณค่าในแง่ของสบายใจที่ได้ชื่นชมแล้ว ยังเป็นการลงทุนในระยะยาวรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถส่งต่อให้กับรุ่นลูก รุ่นหลานต่อไปได้อีกด้วย”


กรกนก ยงสกุล เซเลบริตี้สาว บอกเสน่ห์ของการเสพงานศิลปะที่ช่วยขยายมุมมองใหม่ ๆ และให้แง่คิดบางอย่างเพิ่มมากขึ้น “ชอบศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิสต์ ที่มีสีสันหลากหลาย เริ่มสะสมผลงานศิลปะของศิลปินไทยหน้าใหม่หลายท่าน ทั้งงานภาพถ่าย งานลายเส้น ชอบดูวิธีการเล่นสีที่มีสไตล์แตกต่างกัน เวลาที่ชมงานศิลปะจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์ จินตนาการของเรา และบางภาพก็ทำให้เข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะผลงานของคุณนที เป็นงานศิลปะที่น่าสนใจมาก และสะท้อนเรื่องราวหลากหลายมิติทั้งในแง่วัฒนธรรมและความเชื่อต่าง ๆ ที่เป็นความแตกต่างระหว่างตะวันออกและตะวันตก บวกกับการที่ได้อ่านหนังสือ Natee Utarit: Optimism is ridiculous ที่เขียนโดยคิวเรเตอร์ ชาวอิตาลีมากประสบการณ์ท่านนี้ ก็ทำให้เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ที่ศิลปินต้องการสื่อสารได้มากขึ้น”

อรวรรณ อิงคะสิทธิ์ เจ้าของแบรนด์จิวเวลรี่ผู้คลั่งไคล้งานศิลปะมา ตั้งแต่สมัยเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่ประเทศอังกฤษ เล่าว่า “ซึมซับความชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะส่วนใหญ่เวลาว่างอาจารย์ก็มักให้ไป รีเสิร์ชบรรดาศิลปินต่าง ๆ ตามพิพิธภัณฑ์ในลอนดอน ดังนั้นพอเริ่มทำงาน มีเงินเก็บ รูปไหนที่เห็นแล้ว เราอยากได้ หรือศิลปินคนไหนที่เราชื่นชอบ ก็จะตามเก็บสะสม ชอบงานป๊อบ อาร์ต เพราะเป็นงานศิลปะที่มีสีสันจัด ๆ ดูแล้วสนุก ตอนนี้หันมาสะสมผลงานศิลปินไทยมากขึ้น ซึ่งหลายท่านก็เก่งมาก แต่อาจไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในเมืองไทยเท่ากับในต่างประเทศ แต่ก็นับเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่ฝีมือของศิลปินไทย ก็ไม่น้อยหน้าในระดับนานาชาติเช่นกัน อย่างคุณนที ที่ตัวเองติดตามผลงานมานานมากแล้ว ชอบแนวคิดที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตจริงของผู้คน ผสมผสานไปกับจินตนาการของศิลปินได้อย่างน่าสนใจ”
หนังสือ Natee Utarit: Optimism is ridiculous ตีพิมพ์บนกระดาษ 4 สี ปกแข็ง จำนวน 255 หน้า จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สกิร่า เอดิตอรี (Skira Editore) ประเทศอิตาลี จำหน่ายในราคา 2,000 บาท รายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายหนังสือโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ จะมอบให้มูลนิธิ Project Love Asia Foundation เพื่อช่วยเหลือเด็กยากไร้และด้อยโอกาสในไทยและประเทศอื่นในเอเชีย สามารถสั่งซื้อได้ทาง Facebook.com/TanachiraCard ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2561 หรือจนกว่าหนังสือจะหมด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 02-264-5080