สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ถัดจากสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ซึ่งเป็นพระราชบิดา พระราชมารดาคือ สมเด็จพระราชินีอาชิ เชอริง ยางดน วังชุก สมเด็จพระราชินีพระองค์ที่ 3 ในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ขณะที่ทรงเจริญวัยขึ้นนั้นได้เสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศสหราชอาณาจักร ทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านการทูตและด้านวิชาการจากวิทยาลัยแม็กดาเลน มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับพระราชบิดา หพระราชมารดา สมเด็จพระราชินีเจตซุต เพมา และพระบรมวงศานุวงศ์ ในโอกาสที่เจ้าชายน้อยเสด็จเยือนตรงซา ซอง ครั้งแรก ซึ่งเป็นซอง หรือป้อมขนาดใหญ่ที่สุดในภูฏาน

พระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก และ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์นัมเกล วังชุก ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อปี 2008

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์นัมเกล วังชุก และเจ้าชายจิกมี พระราชโอรส
ขณะที่ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ได้เสด็จฯ ไปทรงเป็นผู้แทนพระองค์เพื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งในและนอกประเทศ ทำให้ทรงมีโอกาสเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณี การศึกษา และองค์ความรู้จากองค์กรต่างๆ มากมาย เพื่อทรงเตรียมพระองค์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีที่ 5 แห่งราชอาณาจักรภูฏาน และตั้งพระราชหฤทัยจะทรงเปลี่ยนการปกครองของภููฏานจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีการวางรากฐานมาตั้งแต่สมัยพระราชบิดาในพระองค์แล้ว

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์นัมเกล วังชุก เสด็จฯมาถวายสักการะและถวายพวงมาลา พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรภูฏานและราชอาณาจักรไทยในยุคของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก นั้นเริ่มมาตั้งแต่ยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร โดยเสด็จฯ มาในพระราชพิธีพัชราภิเษกครองราชย์ครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็ดำเนินมาด้วยดี ในวันที่ชาวไทยหัวใจสลายเพราะการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ถัดมาอีกเพียง 2 วัน สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏานได้เสด็จฯ มาถวายบังคมพระบรมศพ โดยวันที่ 16 ตุลาคม เสด็จฯ ไปทรงวางพวงมาลาและถวายราชสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นับเป็นพระราชวงศ์จากต่างแดนพระองค์แรกที่เสด็จฯ มาทรงร่วมในความทุกข์โศกกับประชาชนชาวไทยครั้งนี้
ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และสถิตเป็นมิ่งขวัญของชาวภูฏานตราบนานเท่านาน
.
…………………………………………………………………………………………………………………………………..
CREDIT PHOTOS : ROYAL OFFICE FOR MEDIA , KINGDOM OF BHUTAN , GETTY IMAGES