พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทอดพระเนตรการแสดงดนตรีคลาสสิกน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณ วาระครบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรนิทรรศการน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จากนั้นทอดพระเนตรวีดิทัศน์ความเป็นมาของทุนส่งเสริมดนตรีคลาสสิก ในพระอุปถัมภ์

ก่อนเสด็จเข้าหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทอดพระเนตรการแสดงดนตรีคลาสสิกน้อมรำลึกพระกรุณาคุณ วาระครบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นการแสดงเปียโนของ เซอร์สตีเวน ฮัฟ (Sir Stephen Hough) นักเปียโนระดับโลกชาวอังกฤษ แสดงร่วมกับวงรอยัลบางกอกซิมโฟนีออร์เคสตรา โดยมี นายแซนเดอร์ เตเปน (Mr. Sander Teepen) เป็นวาทยกร การแสดงประกอบด้วย 4 บทเพลง ได้แก่ โอเวอร์เจอร์ – รัสแลน แอนด์ ลุดมิลลา (Overture – Russlan and Ludmilla) ของมิคาอิล กลิงกา (Mikhail Glinka), บทเพลงเปียโน คอนแชร์โต หมายเลข 2 (Piano Concerto No 2 in C minor, Op.18) ของเซียร์เกย์ รัคมานีนอฟ (Sergei Rachmaninof), บทเพลงเปเลอาส เอ เมลิซองเด (Pelléas et Mélisande, Op. 80) ของกาเบรียล โฟเร (Gabriel Fauré) และบทเพลง 1812 โอเวอร์เจอร์ (1812 Overture, Op. 49) ของปิออตร์ อิลิช ไชคอฟสกี (Piotr Ilyich Tchaikovsky) โอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญช่อดอกไม้พระราชทานแก่ผู้แทนนักแสดงด้วย


อนึ่ง ในวาระครบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ได้ประกาศถวายพระเกียรติยกย่องให้ ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) โดยตลอดพระชนม์ชีพพระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจหลากหลายแขนง และทรงรับโครงการในพระอุปถัมภ์มากกว่า 70 โครงการ ทั้งด้านการศึกษา การสังคมสงเคราะห์ การแพทย์และการสาธารณสุข การต่างประเทศ การศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีพระปรีชาสามารถด้านการเขียน การกีฬา และการถ่ายภาพ รวมทั้งยังทรงสนพระทัยติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับดนตรีคลาสสิก และเสด็จไปทอดพระเนตรการแสดงของนักดนตรีคลาสสิกที่มีชื่อเสียงอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งทรงพระดำริที่จะพัฒนาวงการดนตรีคลาสสิกของไทยให้ก้าวหน้าขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2543 ทรงพระเมตตาพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งกองทุนสำหรับนักดนตรีคลาสสิก ชื่อ “กองทุนเพื่อส่งเสริมการศึกษาดนตรีของเยาวชน”

ต่อมา พ.ศ. 2547 ได้เปลี่ยนเป็น ทุนส่งเสริมดนตรีคลาสสิก ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อให้ขอบเขตของการสนับสนุนกว้างขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมกิจกรรมดนตรีคลาสสิกให้แพร่หลายในประเทศไทย และส่งเสริมศิลปินที่มีความสามารถให้ได้รับโอกาสในการพัฒนา ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมการแสดงดนตรีระดับนานาชาติ ตลอดจนการไปศึกษาต่อต่างประเทศ

พระปณิธานที่จะพัฒนาให้วงการดนตรีคลาสสิกในประเทศไทยทัดเทียมกับนานาประเทศ ได้นำไปสู่การก่อตั้ง สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ในเวลาต่อมา ซึ่งนับเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญของการยกระดับการศึกษาด้านดนตรีสากลในประเทศไทย ปัจจุบันรวมมีนักดนตรีนักร้องและนักประพันธ์เพลงที่ได้รับทุนรวมมากกว่า 100 คน นับเป็นการพัฒนาวงการดนตรีคลาสสิกที่ปรากฏผลลัพธ์อย่างน่ายินดี จากพระกรณียกิจนานัปการที่ทรงปฏิบัติ ด้วยพระปณิธานแนวแน่ที่จะสร้างประโยชน์เพื่อประชาชนชาวไทยและสังคมโลก