พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง (พระนามแบบย่อ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ) พระนามเดิมคือ ‘ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร’ เป็นธิดาใน ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร กับ ม.ล.บัว กิติยากร (ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ณ บ้านของพลเอก เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) บ้านของพระอัยกาฝ่ายพระราชมารดามีพระเชษฐา 2 คน คือ ม.ร.ว.กัลยาณกิติ์ กิติยากร และ ม.ร.ว.อดุลกิติ์ กิติยากร และมีพระขนิษฐา 1 คนคือ ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์ พระนาม ‘สิริกิติ์’ ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี มีความหมายว่า ‘ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร’

การศึกษา
เมื่ออายุครบ 4 ปีใน พ.ศ. 2479 ม.ร.ว.สิริกิติ์ เข้ารับการศึกษาครั้งแรกในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนราชินี ทว่าในขณะนั้น แม้เหตุการณ์ด้านการเมืองภายในสยามจะสงบลง แต่สงครามแปซิฟิกเริ่มแผ่ขยายมาถึงสยาม พระนครถูกโจมตีทางอากาศหลายครั้งจนการคมนาคมไม่สะดวก บิดาจึงให้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เพราะอยู่ใกล้วังบิดา และเรียนที่นั่นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จนถึงชั้นมัธยมศึกษา
ต่อมา พ.ศ. 2489 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลเสด็จไปดำรงตำแหน่งอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มประจำสำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ และทรงพาครอบครัวทั้งหมดไปอยู่ด้วย ในเวลานั้น ม.ร.ว.สิริกิติ์ มีอายุ 13 ปีเศษ และเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว
ระหว่างอยู่ประเทศอังกฤษ ม.ร.ว.สิริกิติ์ได้ศึกษาต่อทั้งวิชาภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส รวมถึงวิชาเปียโนกับครูพิเศษ หลังจากนั้นไม่นาน บิดาย้ายไปประเทศเดนมาร์กและฝรั่งเศสตามลำดับ ขณะที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ยังคงเรียนเปียโนและตั้งใจจะศึกษาต่อในวิทยาลัยการดนตรีที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีสจนจบ ขณะอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ม.ร.ว.สิริกิติ์มีโอกาสรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร พระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระองค์เสด็จประพาสกรุงปารีสเพื่อทอดพระเนตรโรงงานทำรถยนต์
ราชาภิเษกสมรส
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงหมั้นกับม.ร.ว.สิริกิติ์เป็นการภายในเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 กระทั่งวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสใน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ จึงจัดขึ้น ณ วังสระปทุม โดยมีสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จฯ เป็นองค์ประธาน ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรขึ้นเป็น ‘สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์’
จากนั้น ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ขึ้นเป็น ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี’ และในวันที่ 5 ธันวาคม 2499 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระอภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีว่า ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ ตามที่ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชผนวช นับเป็น ‘สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ’ พระองค์ที่ 2 ในประเทศไทย โดยพระองค์แรก คือสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนีพันปีหลวง ทรงประกอบพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตพสกนิกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ด้านการส่งเสริมอาชีพ และความเป็นอยู่ของเด็ก สตรี และผู้ที่อยู่ชายขอบ หนึ่งในโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคือ ‘โครงการส่งเสริมศิลปาชีพ’ ซึ่งภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิ พระราชทานนามว่า ‘มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในพระบรมราชินูปถัมภ์’ และเปลี่ยนเป็น ‘มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ’ เมื่อ พ.ศ. 2528 อันเป็นการส่งเสริมอาชีพและขณะเดียวกันยังอนุรักษ์และส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมไทยหลากหลายสาขา
นอกจากนี้ยังทรงเอาพระทัยใส่ในกิจการ ด้านสาธารณสุข โดยได้ทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทย และหากเสด็จฯ เยือนต่างประเทศ ก็มักจะทรงถือโอกาสเสด็จฯ ทอดพระเนตรกิจการกาชาดของประเทศนั้น ๆ เพื่อทรงนำมาปรับปรุงกิจการสภากาชาดไทยอยู่เสมอ
ใน ด้านการเกษตร ทรงเน้นในเรื่องของการค้นคว้า ทดลอง และวิจัยหาพันธุ์พืชใหม่ ๆ ทั้งพืชเศรษฐกิจ พืชสมุนไพร รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับแมลงศัตรูพืช และพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นนั้น ๆ ซึ่งแต่ละโครงการจะเน้นให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง มีราคาถูก ใช้เทคโนโลยีง่าย ไม่สลับซับซ้อน เกษตรกรสามารถดำเนินการเองได้ อาทิ โครงการฟาร์มตัวอย่าง ตามพระราชดำริฯ ซึ่งปัจจุบันมีการขยายโครงการไปมากกว่า 49 แห่งทั่วประเทศ
พระราชกรณียกิจอีกด้านที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้ความสำคัญเสมอคือ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์ป่าไม้ผ่านโครงการ ‘บ้านเล็กในป่าใหญ่’ รวมถึง ‘โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เกาะมันใน’ ที่พระองค์พระราชทานเกาะมันใน จ.ระยอง จัดเป็นศูนย์กลางอนุรักษ์และเพาะขยายพันธุ์เต่าทะเล พระราชทานชื่อว่า โครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล และ โครงการแก้ไขปัญหาช้างป่าตามแนวพระราชดำริฯ เป็นต้น
พระราชสันตติวงศ์
ทรงมีพระราชโอรส 1 พระองค์ และพระราชธิดา 3 พระองค์
- ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
- พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
- สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
พระอาการประชวร
เช้าตรู่วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเวียนพระเศียรและเซขณะทรงออกพระกำลัง ณ โรงพยาบาลศิริราชที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชประทับอยู่ คณะแพทย์ตรวจพระองค์โดยวิธีสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็กแล้วแถลงว่า ทรงประสบภาวะพระสมองขาดเลือด (ischemic stroke) พระองค์จึงประทับรักษาพระวรกายอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราชและทรงงดเว้นพระราชกิจนับแต่นั้น
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ปรากฏพระองค์ ขณะเสด็จฯ ตามพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชออกจากโรงพยาบาลศิริราช โดยทรงโบกพระหัตถ์ให้แก่ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ ก่อนเสด็จกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ทั้งนี้ สำนักพระราชวัง มีแถลงการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562 เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ความว่า “คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้รายงานว่า คณะแพทย์ ฯ ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2562 เพื่อติดตามพระอาการ และถวายการตรวจเพิ่มเติมตามกำหนดการเดิมที่ได้วางไว้” จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 8 กันยายน พุทธศักราช 2562
ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ. 2563 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จออกในโอกาสที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นการส่วนพระองค์ ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 5 พฤษภาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมราชชนนี ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง’.